ตอนที่ 175 ปฏิเสธกับไม่มีทางปฏิเสธได้
งานเลี้ยงวันชาติจีนของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี!
คำง่ายๆ ไม่กี่คำ เหมือนดั่งพลังเวทมนต์บางอย่าง ทำให้ทุกคนอดร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่ได้
ในประเทศจีน สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีมีสถานะสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นตัวแทนสูงสุดของหน่วยงานการออกอากาศโทรทัศน์อย่างเป็นทางการ มีความแข็งแกร่งและเส้นสนกลในที่ลึกซึ้ง หากนำสถานีโทรทัศน์ทั้งหมดมารวมกันก็ไม่อาจเทียบกันได้
รายการที่สามารถแสดงในงานเลี้ยงวันชาติจีนของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี คือความใฝ่ฝันของศิลปินหลายๆ คน โดยเฉพาะงานเลี้ยงวันตรุษจีนในแต่ละปี ที่มีเรตติ้งผู้ชมมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป เปรียบเสมือนทางลัดในการประสบความสำเร็จ
งานเลี้ยงวันชาติจีนอาจจะสู้งานเลี้ยงวันตรุษจีนไม่ได้ แต่เวทีใหญ่ระดับสูงเป็นสิ่งที่หวังและยากที่จะได้ใกล้ชิดสำหรับเด็กใหม่อย่างลู่เฉิน หากไม่มีเส้นสายหรือประสบการณ์มากพอก็อย่าคาดหวังที่จะก้าวเข้าไป
ตอนนี้หลวี่เจิ้งจื๋อกับถามลู่เฉินว่าอยากไปขึ้นไหม แน่นอนว่าเป็นการกระทำที่น่าตกใจ!
แบบนี้มันเวอร์ไปหน่อยแล้วมั้ง
เกาจื้อเสวี๋ยไม่อยากจะเชื่อ…หัวหน้าหลวี่ คุณล้อเล่นใช่ไหม
กู่รุ่ยงงไปเลย!
หรือว่าจะต้องถูกสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีแย่งไปอีกแล้ว
สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีแย่งรายการไปได้ แต่ก่อนก็เคยเกิดขึ้นจริง ใครสั่งให้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนแบบนี้ล่ะ!
แต่ลู่เฉินกลับไม่ได้คล้อยตามไปด้วย
เขามีสัญชาตญาณในการระมัดระวังตัวกับหัวหน้าอ้วนลงพุงคนนี้ และคิดว่าเขาคงไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเสียเปรียบแน่นอน
ลู่เฉินครุ่นคิดแล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าหัวหน้า อยากได้แค่ผลงานของผมใช่ไหมครับ”
เพราะว่ามีสติมากพอ ดังนั้นเขาจึงจับหัวใจหลักของปัญหาได้
อยากได้คน หรืออยากได้แค่เพลง
ความแตกต่างนี้มันไกลกันมากนัก!
เกาจื้อเสวี่ยกับกู่รุ่ยได้สติกลับมา จึงหันไปมองหลวี่เจิ้งจื๋อ
หลวี่เจิ้งจื๋อหัวเราะเหอะๆ แล้วเอ่ยว่า “สหายเสี่ยวลู่ เพลงของคุณดีมากๆ ผมคิดว่ามีคุณสมบัติสามารถขึ้นโชว์บนเวทีที่ใหญ่กว่านี้ได้ แต่ศิลปินที่ต้องแสดงในงานเลี้ยงวันชาติจีนของพวกเราครบหมดแล้ว เหอะๆ”
ความหมายของเขาก็พูดออกมาชัดเจนแล้ว เปลี่ยนคนไม่ได้ แต่เปลี่ยนเพลงได้ไม่มีปัญหา
หลวี่เจิ้งจื๋อก็อยากจะแย่งเพลง ‘ฉันรักคุณประเทศจีน’ เพลงนี้ไปเหมือนกัน!
ส่วนลู่เฉิน อยากจะขึ้นเวทีของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีเหรอ อย่างนั้นก็เสียใจด้วย
ความจริงหากจะพูดอย่างยุติธรรม ผลงานเพลงของลู่เฉินสามารถปรากฏในงานเลี้ยงของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีได้ถือว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่แล้ว
ถึงแม้หลวี่เจิ้งจื๋ออยากจะเปลี่ยนเพลง แต่ก็ต้องเสียกำลังพอสมควร
เขามีแผนการของตัวเองแล้ว
ถึงแม้จะถูกเกาจื้อเสวี๋ยกับกู่รุ่ยจ้องมอง หลวี่เจิ้งจื๋อก็ยังทำสีหน้าเหมือนเดิม และยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น
เขาไม่คิดว่าลู่ฉินจะปฏิเสธข้อเสนอของตัวเอง
นี่คือโอกาสที่จะได้เชื่อมสัมพันธ์กับสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ขอเพียงไม่โง่ เช่นนั้นก็จะไม่ยอมพลาด
เมื่อเทียบกันแล้ว สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งก็ยังสู้ไม่ได้
นอกจากนี้หากลู่เฉินไม่ร้องร้องเพลงนี้ ‘ฉันรักคุณประเทศจีน’ เขาก็ยังมีอีกหนึ่งเพลงให้ร้องได้!
แน่นอนว่าเพลงนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อ จะใช้ชื่อเหมือนกันไม่ได้
ถึงแม้หัวหน้าหลวี่จะคิดรอบคอบมากขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่รู้จักลู่เฉิน
ลู่เฉินยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณหัวหน้าครับ แต่ผมอยากร้องเพลงนี้บนเวทีของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งครับ!”
ท่าทางของเขามีมารยาทมาก แต่น้ำเสียงกลับยืนหยัดเป็นที่สุด!
หลวี่เจิ้งจื๋อเป็นถึงหัวหน้าของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ทำให้ลู่เฉินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
แต่ข้อเสนอของหลวี่เจิ้งจื๋อ ก็ทำให้ลู่เฉินเกิดหวั่นไหวไปชั่วขณะ
นั่นคือสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีเชียวนะ!
แต่ไม่ช้าลู่เฉินก็สงบใจลง
หลวี่เจิ้งจื๋ออยากได้แค่ผลงานของเขาเท่านั้น และท่าทางที่ทำตัวสูงส่งของเขาก็ทำให้ลู่เฉินไม่ชอบใจ
ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าหากลู่เฉินโลภต่อผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าปล่อยเพลง ‘ฉันรักคุณประเทศจีน’ ออกไป ก็เท่ากับเป็นการตบหน้าสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง และจะทำให้กู่รุ่ยที่สนับสนุนเขามาตลอดต้องผิดหวังมาก!
ดังนั้นลู่เฉินจึงไม่ตกลง
บางทีในสายตาของคนอื่น การตัดสินใจของเขาคงจะโง่มาก แต่ลู่เฉินก็มีกฎเป็นของตัวเอง ความเชื่อที่แรงกล้า
ในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง หากตัดสินใจทำอะไรไปแล้ว ก็จะไม่เสียใจเด็ดขาด!
ถึงแม้อาจจะต้องผิดใจกับหัวหน้าของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีคนนี้ก็ตาม
รอยยิ้มของหลวี่เจิ้งจื๋อหยุดนิ่งทันที
เขาคาดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะปฏิเสธข้อเสนอของเขา ไม่พิจารณาแม้แต่นิดเดียว
ใบหน้าของเขาจึงหาที่วางไม่ได้อีก
แต่หลวี่เจิ้งจื๋อเป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก จึงรีบยิ้มออมาทันที “อืม อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร สิทธิ์การตัดสินใจขึ้นอยู่กับคุณ”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่นัยน์ตาของเขาก็ยังเผยแววตาของความโกรธเคืองออกมา
ไม่รู้จักรับน้ำใจของคนอื่นนะ!
เกาจื้อเสวี่ยกับกู่รุ่ยมองหน้ากัน ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะเป็นคนกล้าพอแบบนี้
เกาจื้อเสวี๋ยกระแอมหนึ่งที แล้วเอ่ยว่า “ลู่เฉิน คุณรีบกลับไปเรียบเรียงเพลงให้ดีจะดีกว่า”
เขาเตรียมตัวถูกหลวี่เจิ้งจื๋อตบหน้าแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเกินความคาดหมาย
ลูกวัวเพิ่งเกิดใหม่ไม่กลัวเสือจริงๆ!
วินาทีนี้ เกาจื้อเสวี๋ยก็เหมือนกับกู่รุ่ย เกิดความรู้สึกรักและทะนุถนอมคนเก่งมีความสามารถกับลู่เฉิน
เด็กหนุ่มแบบนี้ถ้าหากไม่ตายก่อนวัยอันควร อาชีพการงานในอนาคตคงไร้ขีดจำกัดแน่นอน!
ลู่เฉินโน้มตัวทำความเคารพ จากนั้นก็เดินออกจากเวที
การซ้อมวันนี้ของเขาสิ้นสุดแล้ว ดังนั้นจึงกลับไปที่ด้านหลังเวทีแล้วหยิบสิ่งของของตัวเองเตรียมออกไป
ตอนที่เขาเพิ่งจะเดินไปที่หน้าประตูใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ ลู่เฉินก็ถูกคนขวางไว้
อีกฝ่ายใส่สูทสวมรองเท้าหนังดูเก่งและชำนาญ ท่าทางทีมารยาทมาก “คุณลู่เฉิน คุณเฉินเฟยเอ๋อร์อยากพบคุณไม่ทราบว่าตอนนี้คุณสะดวกไหมครับ”
“พี่เฟย”
ลู่เฉินพอจำได้รางๆ ว่าผู้ชายที่ใส่สูทสวมรองเท้าหนังคนนี้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ข้างกายเฉินเฟยเอ๋อร์ จึงไม่คิดอะไรมาก “ที่ไหนครับ”
ภายใต้การเดินนำของผู้ชายชุดสูทรองเท้าหนัง ลู่เฉินจึงเดินมาถึงลานจอดรถของสถานีโทรทัศน์
ผู้ชายชุดสูทรองเท้าหนังเปิดประตูรถอเนกประสงค์เมอร์เซเดสเบนซ์ทรงยาวสีเทาเงิน โน้มตัวผายมือเพื่อเชิญเขา
ลู่เฉินพยักหน้า เอียงตัวมุดเข้าไปนั่งข้างในรถ
ผู้ชายชุดสูทรองเท้าหนังปิดประตูทันที
พื้นที่ภายในรถอเนกประสงค์ใหญ่เกินคาด การตกแต่งภายในหรูหรา โซฟาหนังสองตัววางตรงข้ามกัน อุปกรณ์ตกแต่งมีโต๊ะน้ำชา บาร์เหล้าขนาดเล็ก ตู้เย็น โทรทัศน์อื่นๆ เป็นต้น
ภายในรถไม่มีกลิ่นแปลกๆ ตรงกันข้ามกลับมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กระจายไปทั่ว
เฉินเฟยเอ๋อร์นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียว พอเห็นลู่เฉินเข้ามาแล้ว เธอจึงยิ้มพรายแล้วเอ่ยว่า “ลู่เฉิน ที่ฉันเชิญนายมานี่นายคงไม่ถือสานะ พอดีนักข่าวข้างนอกเยอะไปหน่อย”
วันนี้มีการซ้อมครั้งแรกของงานเลี้ยงวันชาติจีนที่สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ดังนั้นศิลปินดาราจึงมากันอย่างคับคั่งเพราะฉะนั้นจึงมีนักข่าวออกันอยู่ที่ข้างนอกตึกของสถานีโทรทัศน์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าปาปารัสซีซึ่งมีอยู่ไม่น้อย
ถ้าหากเฉินเฟยเอ๋อร์ไปรอลู่เฉินที่หน้าประตูด้วยตัวเอง ก็จะถูกนักข่าวถ่ายรูปและอาจจะถูกเอาไปเขียนข่าวซุบซิบ
ลานจอดรถของสถานีโทรทัศน์เป็นพื้นที่ปิดต้องมีบัตรเข้าออก ดังนั้นที่นี่จึงไม่ต้องกังวลเลนส์กล้องของพวกปาปารัสซี
ลู่เฉินเข้าใจ “พี่เฟย มีเรื่องอะไรเหรอครับ ถ้าหากผมเสี่ยวลู่ทำได้ก็จะทำให้เต็มที่ พี่พูดมาได้เลยครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นรุ่นพี่เข้าวงการมาหลายปีแล้ว หนำซ้ำยังเป็นศิลปินตัวท็อปในวงการอีกด้วย
ที่สำคัญคือ เธอเคยดูแลลู่เฉิน
บุญคุณนี้ลู่เฉินจำได้ไม่ลืม แค่กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ตอบแทน
ถึงอย่างไรตำแหน่งฐานะของทั้งสองคนก็ต่างกันมาก
เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปากแล้วกล่าวว่า “พูดเพราะจังเลย ปกติจะต้องกล่อมสาวๆ เก่งแน่นอนใช่ไหม”
ราชินีเสียงหวานคนนี้สวยโดยกำเนิด วันนี้เธอแต่งหน้าบางๆ แต่ใบหน้าที่สวยได้รูปของเธอก็ยังไม่เห็นตำหนิเลยสักนิด นัยน์ตาสดใสฟันขาวสะอาดยิ้มสวยราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนรู้สึกอยากจะเข้าไปใกล้
และเวลาที่อยู่ต่อหน้าลู่เฉินเธอก็ไม่วางมาดของดาราดังเลยสักนิด
อีกอย่างหนึ่งคือ เธอเป็นผู้หญิงสวยที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับมีกลิ่นอายบริสุทธิ์สดใสของสาววัยแรกแย้ม มีเสน่ห์เฉพาะตัวบางอย่าง และกระจายออกมาท่ามกลางพื้นที่แคบๆ ของรถ
สมาธิของลู่เฉินก็ถือว่าแข็งแกร่งแล้ว แต่ยามที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยังรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
สำหรับการแกล้งเล่นของเธอ ลู่เฉินจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มพูดว่า “โอเค ไม่แกล้งนายแล้ว ฉันแค่อยากจะถามว่า เพลงฉันรักคุณประเทศจีนที่นายร้องเมื่อครู่นายเป็นคนแต่งเองใช่ไหม”
ลู่เฉินประหลาดใจ “พี่เฟย พี่ดูการซ้อมของผมด้วยเหรอครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์พยักหน้า “ใช่แล้ว ห้องวีไอพีด้านหลังเวทีก็มองเห็น เดิมทีฉันเตรียมตัวจะกลับแล้ว แต่เป็นเพราะเพลงของนายจึงทำให้ฉันอยู่ต่อ ทั้งสองเพลงสุดยอดมากจริงๆ”
ดวงตาเธอเป็นประกาย “ฉันชอบเพลงฉันรักคุณประเทศจีนที่เป็นเพลงหลังมากว่า นายร้องได้ดีมากจริงๆ!”
ราชินีเสียงหวานคนนี้จ้องมองเขาในระยะใกล้แบบนี้ ลู่เฉินรู้สึกมีแรงกดดันเยอะมาก “ขอบคุณครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มพูดอย่างสบาย “ดังนั้นฉันอยากถามนายว่า นายมอบสิทธิ์การคัฟเวอร์เพลงนี้ให้ฉันได้ไหม”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!
ลู่เฉินเข้าใจแล้ว จากนั้นจึงพูดทันที “ไม่มีปัญหาครับ ความจริงเรื่องนี้ พี่เฟยให้คนของพี่โทรมาหาผมก็ได้ครับ!”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดจริงจังว่า “มันไม่เหมือนกัน”
ลู่เฉินเป็นเด็กใหม่ถูกแล้ว แต่ความสามารถด้านการแต่งเพลงที่เขาแสดงออกมา กระทั่งล้ำหน้านักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงไปไม่น้อย เธอจึงรู้สึกทึ่งมากๆ
ในวงการ ตำแหน่งของนักแต่งเพลงสูงมาโดยตลอด ถ้าหากลู่เฉินสามารถรักษาแรงบันดาลใจในความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองให้คงอยู่ สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมมากขึ้น เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นคนดังที่อยู่ในตำแหน่งสูงได้สำเร็จ
เฉิยเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ให้ความใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้กับเด็กใหม่ทุกคน โดยเฉพาะผู้ชาย
ความสามารถในการสร้างสรรค์ของลู่เฉิน ทำให้เธอนับถือมาก
โดยเฉพาะเพลงเมื่อครู่ ‘ฉันรักคุณประเทศจีน’ กระทั่งเฉินเฟยเอ๋อร์ยังรู้สึกได้ถึงความสั่นสะท้าน!
ถึงแม้ในวงการเพลงป็อป เฉินเฟยเอ๋อร์จะยังรักษาชื่อเสียงของราชินีเอาไว้ได้ แต่เธอก็รู้ดีว่าเสียงร้องหวานๆ และเพลงรักที่ตัวเองถนัดของเธอได้สูญเสียตลาดในกลุ่มคนหนุ่มสาวยุคใหม่ไปแล้ว
ถ้าหากเธอไม่อยากเงียบหายไปแบบนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ต้องเปลี่ยนสไตล์ตัวเอง
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะทุกคนคุ้นชินกับภาพลักษณ์ของเธอแล้ว คุ้นชินกับเสียงร้องและสไตล์ของเธอไปแล้ว ถ้าหากเปลี่ยนไปแล้วไม่สำเร็จเช่นนั้นผลเสียที่ตามมาก็จะรุนแรงมาก
เพลง ‘ฉันรักคุณประเทศจีน’ ของลู่เฉิน ไม่สามารถช่วยให้เธอเปลี่ยนแนวได้ทันที เธอเองก็แค่อยากลองพัฒนาด้านการร้องเพลงธีมดูบ้าง อย่างน้อยเส้นทางนี้ ก็ทำให้เธอได้พบกับคนที่มีความสามารถที่น่าทึ่งอย่างลู่เฉินอีกครั้ง
เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นผู้หญิงฉลาด ตัดสินใจเชิญลู่เฉินมาคุยเป็นการส่วนตัว เพื่ออยากซื้อสิทธิ์ในการร้องคัฟเวอร์เพลงนี้
สิ่งที่เธอต้องการจริงๆ คือการสร้างความสัมพันธ์ในการร่วมงานที่สำคัญกับลู่เฉิน
ลู่เฉินก็ไม่ทำให้เธอต้องผิดหวังจริงๆ
เฉินเฟยเอ๋อร์จึงอารมณ์ดีขึ้นมาในทันใด “อย่างนั้นก็ดีจริงๆ เลย…”
เธอคิดแล้วเอ่ยว่า “งั้นเย็นนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวนาย เพราะนายรับปากว่าจะเขียนเพลงให้ฉันโดยเฉพาะ”
“พวกเราทานไปคุยไปก็ได้…”
“เอาอย่างนี้ดีไหม สถานที่กินข้าว นายเป็นคนตัดสินใจ เดี๋ยวฉันจะรับผิดชอบจ่ายเงินอย่างเดียวดีไหม”
“นายขับรถมาหรือเปล่า“
ลู่เฉิน “เอ่อ…”
เขาตามความคิดของราชินีเสียงหวานคนนี้ไม่ทันเลย
…………………………………………………………………………
ไอคอนเหรียญทอง