ตอนที่ 217 สารภาพรัก
โครงการระดมทุนการกุศลเพื่อช่วยเหลือเมิ่งเมิ่ง (ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว) สิ้นสุดลงในวันที่ 26
ยอดเงินบริจาคทั้งหมดสี่ล้านเจ็ดแสนกว่าหยวน เนื่องจากแต่ละคนมีอาการเจ็บป่วยที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงคาดว่าจะสามารถช่วยเหลือเมิ่งเมิ่งรวมทั้งผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ต้องการความช่วยเหลือได้ทั้งหมดสิบสองคน
ปัญหาด้านการจัดสรรเงิน การดูแลและตรวจสอบ การเปิดเผยบัญชีต่อสาธารณชน ทั้งหมดรับผิดชอบโดยบริษัทระดมทุนมู่เฉิน
ลู่เฉินไม่ถามไถ่อะไรอีก
เพราะตอนนี้สหพันธ์การกุศลเหยียนหวงส่งเจ้าหน้าที่มาหาเขา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการนี้เท่าใดนัก
สหพันธ์การกุศลเหยียนหวงตั้งใจมาเพื่อเพลง ‘มอบความรัก’!
สหพันธ์การกุศลเหยียนหวงก่อตั้งขึ้นในปี 1990 เป็นองค์กรสังคมสงเคราะห์ที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับประเทศซึ่งมีพลเมือง นิติบุคคล และองค์กรทางสังคมอื่นๆ ที่ทำงานด้านการกุศลเข้าร่วมด้วย มีสมาชิกทั่วประเทศมากกว่าห้าร้อยองค์กร
เมื่อเทียบกับสภากาชาดจีน สหพันธ์การกุศลเหยียนหวงมีชื่อเสียงดีกว่ามากในสายตาของประชาชน
ตัวแทนที่องค์กรการกุศลแห่งนี้ส่งมาแซ่สวี ชื่อว่าสวีอัน เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานของสหพันธ์
สวีอันเป็นหญิงวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปี หน้าตาท่าทางดูอ่อนโยนมีเมตตา พูดจานิ่มนวล
เธอเป็นตัวแทนของสหพันธ์การกุศลเหยียนหวง มาที่นี่เพราะหวังว่าจะได้รับอนุญาตจากลู่เฉินให้ใช้ลิขสิทธิ์เพลง ‘มอบความรัก’ ในงานที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อการค้า เพื่อนำไปใช้ในงานโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์และงานโปรโมตของสหพันธ์การกุศลเหยียนหวง
ลู่เฉินไม่ได้ลังเล เขาตอบตกลงทันที
เขาไม่เคยคิดจะขายเพลงนี้กิน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรการกุศลหรือสภากาชาด หากต้องการ เขาก็อนุญาตให้นำไปใช้ได้ ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใด!
ทางสหพันธ์การกุศลเหยียนหวง นอกจากขออนุญาตใช้ลิขสิทธิ์เพลง ‘มอบความรัก’ แล้ว ยังหวังว่าลู่เฉินจะเข้าร่วมแสดงในการถ่ายทำโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์ด้วย
โฆษณาชุดนี้ใช้เพลง ‘มอบความรัก’ เป็นเนื้อหาหลัก เชิญดารานักร้องระดับซูเปอร์สตาร์หลายคนมาร่วมร้อง มีหลีซิ่ง ถานหง เฉินเฟยเอ๋อร์ หลิวจงฮั่น สีหรง…เป็นต้น
เมื่อรวมลู่เฉินอีกคน ก็เท่ากับว่าตอนนี้ตกลงแล้วสิบสองคน!
ถ้าพูดอย่างไม่เกรงใจ ในรายชื่อทั้งหมดที่สวีอันแจ้งมา ทุกคนมีชื่อเสียงและตำแหน่งในวงการเหนือกว่าลู่เฉิน ถ้าหาก ‘เพลงมอบความรัก’ ไม่ใช่เพลงที่เขาแต่ง เกรงว่าคงจะไม่มีสิทธิ์
สวีอันค่อยๆ เปิดเผยออกมาทีละน้อยว่า นี่เกิดจากการที่ลู่เฉินได้ไปให้สัมภาษณ์แก่ ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ‘
ถือว่าเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องที่ดีมากๆ
ลู่เฉินคิดไม่ออกว่าตัวเองจะหาเหตุผลอะไรมาปฏิเสธ จึงได้ตกลงไปตามระเบียบ
ตามที่เธอบอก ชื่อเสียงเช่นนี้ยิ่งมีมากเท่าไรก็ยิ่งดี!
แต่เพลง ‘มอบความรัก’ ที่จะถ่ายทำเผยแพร่ออกไปเพื่อสาธารณประโยชน์นั้น ไม่ได้เริ่มถ่ายทำทันที สำหรับองค์กรการกุศลขนาดใหญ่เช่นสหพันธ์การกุศลเหยียนหวงนี้ การเตรียมการก่อนเริ่มงานย่อมเสียเวลามากกว่า
แต่ลู่เฉินได้ร่วมแสดงด้วยแน่นอนไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
หลังจากพบปะกับสวีอันแล้ว ลู่เฉินก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไปจากสมอง เอาเป็นว่าพอถึงเวลาก็จะมีคนแจ้งเขามาเอง เขาเป็นศิลปินไร้สังกัด จัดการตารางงานได้อย่างเป็นอิสระอยู่แล้ว
ตอนนี้สิ่งที่ลู่เฉินสนใจคืออัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของวงเอ็มเอสเอ็นแห่งเฟยสือเรคคอร์ด!
ในอัลบั้มชุดใหม่ที่เสร็จหมาดๆ นี้ ลู่เฉินได้ทำผลงานเพลงไว้สามเพลง รวมถึงเพลงหลักอย่างเพลง ‘ยังไม่ใช่คนรัก’
ทั้งยังทำหน้าที่ควบคุมการผลิตเพลง และแสดงในมิวสิควิดีโอเพลง ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ด้วย
วันสุดท้ายของเดือนตุลาคม เป็นวันอุ่นเครื่องของอัลบั้มใหม่วงเอ็มเอสเอ็น มิวสิควิดีโอเพลง ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ และซิงเกิ้ลเพลงนี้ได้เริ่มเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ ทางสถานีวิทยุ และทางอินเทอร์เน็ตอย่างยิ่งใหญ่!
เนื่องจากเป็นวงนักร้องสาวที่ตั้งขึ้นเป็นวงแรกในรอบหลายปีในสังกัดของเฟยสือเรคคอร์ด ทางบริษัทจึงตั้งความหวังกับวงเอ็มเอสเอ็นไว้สูงมาก แค่เชิญลู่เฉินมาเขียนเพลงและควบคุมการผลิตให้ก็มีค่าใช้จ่ายเกินหนึ่งล้านหยวนแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องการโปรโมตที่มีความสำคัญที่สุดนี้ แน่นอนว่าต้องไม่ให้ตกหล่น
ว่ากันว่าบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดเตรียมค่าโปรโมตไว้สูงถึงห้าล้านหยวน!
ด้วยเหตุนี้จึงนำพาความกดดันมหาศาลมาให้ลู่เฉิน
เขาเขียนเพลงสามเพลงให้วงเอ็มเอสเอ็น รวมถึงเพลงหลักอย่างเพลง ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ทั้งหมดเป็นเพลงที่คัดสรรมาแล้วว่าโดดเด่นที่สุด แต่ความนิยมของตลาดกับความชอบของแฟนคลับนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจยากมาก
บางเพลงเป็นเพลงที่ไม่เลวเลย แต่ไม่โด่งดัง ในขณะที่เพลงแย่ๆ บางเพลงกลับโด่งดังไปทั้งประเทศ
แม้ลู่เฉินจะเชื่อมั่นในตัวเองมาก แต่บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดได้ลงทุนไปกับอัลบั้มนี้เกินสิบล้าน หากล้มเหลว ก็จะส่งผลถึงเขามากจริงๆ
เพราะตอนนี้ผลงานเพลงของเขาหนึ่งเพลง ขายออกสู่ภายนอกในราคาสูงถึงสามแสนห้าถึงสี่แสนหยวน ทั้งหมดล้วนเป็นเพลงชั้นยอด
หากขายราคาสูงลิบลิ่วเช่นนี้แต่ไม่ได้ผลตามที่ควรจะเป็น ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานคงจะถูกทำลาย!
ลู่เฉินเติบโตแบบก้าวกระโดดเร็วเกินไป มีหลายคนในวงการที่อิจฉาริษยาเขา
แน่นอนว่ามีอีกมากที่จ้องมองและรอคอยหัวเราะเยาะเขาอยู่!
เรื่องราวเหล่านี้เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นคนบอกลู่เฉินเอง
…
เข้าสู่เดือนพฤศจิกายน กลิ่นอายฤดูใบไม้ร่วงค่อยๆ เข้มข้นขึ้น
ตั้งแต่กลับจากเมืองหังโจวมาถึงปักกิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่เฉินได้พบหน้าเฉินเฟยเอ๋อร์ ที่ร้านอาหารตะวันตกแห่งหนึ่งกลางเมืองหลวง
ร้านอาหารชื่อดังร้านนี้มีรางวัลมิชลินสตาร์เป็นการันตี ปกติมักจองที่นั่งไม่ค่อยได้
แต่สำหรับเฉินเฟยเอ๋อร์ เห็นชัดว่านี่ไม่เป็นปัญหา
ดูภายนอกลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มาพบปะพูดคุยกันเรื่องอัลบั้มใหม่ของฝ่ายหญิง แต่ในใจของทั้งคู่กลับรู้ดีว่า ความจริงแล้วครั้งนี้คือการนัดเดตที่แท้จริง
แต่ไม่มีใครคิดจะเปิดเผยออกมาก่อน
“ฉันกำลังเตือนนาย อย่าทำอะไรเกินตัว!”
เฉินเฟยเอ๋อร์กำลังรับประทานของหวานหลังจากอาหารจานหลัก เมื่อหั่นชีสเค้กเป็นชิ้นเล็กๆ แล้ว เธอพูดกับลู่เฉินอย่างจริงจังว่า “คนหน้าใหม่ในวงการบันเทิงหลายคนที่ดังเร็วเกินไป ถูกยกย่องขึ้นสูง แล้วก็ตกลงมาอย่างน่าอนาถ”
ลู่เฉินพยักหน้า
ช่วงหลังมานี้ เขาดูจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเกินไปหน่อย
อย่างแรกคือช่วยคนกำจัดคนร้ายที่เมืองหังโจว จากนั้นเป็นการระดมทุนเพื่อการกุศล ตามด้วยบทสัมภาษณ์ลง ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ …
ศิลปินหน้าใหม่คนหนึ่ง หากได้ทำข้อใดข้อหนึ่งดังกล่าวไปแม้แต่เพียงข้อเดียว ก็จะได้หน้ามีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาทันที
แต่ลู่เฉินกลับทำได้ทั้งสามอย่าง บอกได้ว่าได้ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์
จนถึงตอนนี้ บล็อกล่างฉาวของเขามีแฟนคลับอย่างเป็นทางการเกินสิบล้านบัญชีไปแล้ว!
ชื่อเสียงย่อมนำมาซึ่งผลประโยชน์
อันดับแรกเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ กำลังเจรจากับลู่ซีเพื่อเตรียมเซ็นสัญญากับลู่เฉินอีกฉบับ
ความร่วมมือของลู่เฉินกับเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญาสองปี นอกจากการแบ่งเงินรางวัลแล้ว แต่ละปียังได้ค่าทำสัญญาอีกห้าแสนหยวน
ตอนนั้นสัญญานี้เป็นที่พอใจแก่ทั้งสองฝ่าย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นไม่เหมาะสมเสียแล้ว
เพราะว่าสัญญาฉบับนี้ไม่คู่ควรกับชื่อเสียงและสถานะของลู่เฉินในตอนนี้แล้ว!
ไม่ใช่ลู่เฉินเป็นฝ่ายขอยกเลิกสัญญาก่อน แต่เป็นเพราะทางเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ รู้สึกว่าจำเป็นต้องทำสัญญาใหม่
ลู่เฉินอาศัยเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ในการก่อร่างสร้างตัว แล้วมามีชื่อเสียงจากรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ แม้ว่าเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ จะให้ค่าตอบแทนที่ดีแก่เขา แต่ลู่เฉินก็ได้มอบผลตอบแทนที่น่าตกใจคืนกลับไปให้ทางเว็บไซต์เช่นกัน
อย่าเพิ่งพูดถึงชื่อเสียงของห้องออกอากาศลู่เฟย แค่ความสำเร็จของเขาก็ทำให้เว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ อาศัยสิ่งนี้นำมาใช้ดึงดูดผู้ออกอากาศดีๆ ได้มากมาย จำนวนบัญชีผู้เข้ามาใช้งานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้ทางเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รอจนสัญญาของลู่เฉินครบสองปีก่อนก็ได้ แต่เมื่อเป็นแบบนี้ โอกาสที่ลู่เฉินจะเซ็นสัญญาต่อก็ไม่มีอีกแล้ว
จุดสำคัญคือ สัญญาฉบับนี้ได้ถูกคนขุดคุ้ยออกมา ทำให้เว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ถูกสั่นคลอน
ค่าเซ็นสัญญาห้าแสน?
น่าขำสิ้นดี!
ดังนั้นเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายร่วมงานกันได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต และเพื่อเหนี่ยวรั้งลู่เฉินผู้เป็นเหมือนแผ่นป้ายทองคำให้อยู่ต่อ ทางเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ จึงได้เสนอสัญญาฉบับใหม่ให้สตูดิโอลู่เฉิน
ตอนนี้ลู่ซีเป็นตัวแทนของลู่เฉินในการเจรจากับเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ น่าจะได้ค่าเซ็นสัญญาประมาณสามล้านขึ้นไป!
ลู่เฉินตั้งใจจะทำสัญญากับเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ต่อไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่งอยู่แล้ว แต่เรื่องผลประโยชน์ที่ควรได้รับเขาก็ไม่มีทางยอมปล่อยมือ
นอกจากเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ แล้ว ยังมีอีกหลายแห่งที่ต้องการทำสัญญาพรีเซ็นเตอร์กับลู่เฉิน ในนั้นมีทั้งบริษัทในและต่างประเทศ ยังมีบริษัทการแสดงและเอเจนซี่อีกมากมายติดต่อเข้ามา ทำให้ลู่ซีงานยุ่งจนหัวหมุน
ส่วนการเชื้อเชิญในรูปแบบอื่นๆ ก็มีอีกจำนวนนับไม่ถ้วน
วงการบันเทิงเป็นเหมือนแหล่งรวมชื่อเสียงและผลประโยชน์ มีศิลปินมากมายที่โด่งดังในชั่วข้ามคืนถูกกลืนกินเข้าสู่วงจรชื่อเสียงและผลประโยชน์อันจอมปลอมอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนค่อยๆ สูญเสียความตั้งใจดั้งเดิมของตัวเองไป สุดท้ายเกิดข่าวเสียหายทำลายชื่อเสียงจนดับดิ้น หมดสิ้นอนาคต
เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่อยากให้ลู่เฉินเป็นหนึ่งในนั้น
เธอเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าวงการบันเทิงซับซ้อนแค่ไหน ลู่เฉินโชคดีที่เป็นศิลปินอิสระ ถ้าเข้าไปอยู่ในบริษัทเอเจนซี่ดาราเข้าแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเขาจะต้องเผชิญกับอาวุธทั้งในที่ลับและที่แจ้งมากแค่ไหน!
สำหรับคำเตือนด้วยความหวังดีของเฉินเฟยเอ๋อร์ ลู่เฉินพยักหน้าเข้าใจ “ผมรู้แล้วครับ พี่เฟย”
บอกตามตรง ช่วงนี้เขาเริ่มรู้สึกตัวลอยอยู่บ้างเหมือนกัน
โชคดีที่รอบข้างเขามีแต่มิตรสหายที่ดี!
ตอนที่ตอบออกไปนั้น รู้สึกเหมือนผีร้ายกำลังบงการเขาอยู่ ลู่เฉินยื่นมือออกไปช่วยเช็ดคราบครีมชีสที่เปื้อนมุมปากของเฉินเฟยเอ๋อร์
เฉินเฟยเอ๋อร์ตื่นตะลึง แล้วพวงแก้มก็แดงเป็นลูกตำลึง ดูสวยน่ารักขึ้นมาทันที!
เธอไม่คิดว่าลู่เฉินจะกล้าขนาดนี้
ลู่เฉินเองก็คิดไม่ถึง
เพียงแค่นิ้วมือของเขาลูบผ่านผิวขาวเนียนนุ่มดังเนื้อหยกเบาๆ ก็ทำให้เกิดความฮึกเหิมขึ้นมา
ลู่เฉินวางมือลง ทับมือของเฉินเฟยเอ๋อร์พอดี
เขาจ้องมองฝ่ายหญิงด้วยสายตาอันเป็นประกาย
ตอนแรกเฉินเฟยเอ๋อร์ถลึงตา แล้วช้อนสายตาไปสบกับสายตาอันแรงกล้าของลู่เฉิน จากนั้นก้มหน้าลงด้วยความเขิน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอดึงสติกลับมา เงยหน้ามองแล้วถลึงตาใส่ลู่เฉินใหม่อีกครั้ง
ราวกับกำลังบอกว่า ‘นายจะกล้ามากเกินไปแล้วนะ!’
ลู่เฉินไม่ปล่อยมือ เขาเอ่ยปากพูดออกไปตามตรง “พี่เฟย ผมชอบพี่ครับ”
เขาไม่ใช่ชายหนุ่มที่เพิ่งมีความรักครั้งแรก และก็ไม่อยากปิดซ่อนความรู้สึกดีๆ ที่แอบมีให้เฉินเฟยเอ๋อร์ไปแบบนี้เรื่อยๆ ดังนั้นจึงเลือกใช้โอกาสนี้สารภาพรักตามตรง
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงขึ้นอีกครั้ง แต่เธอไม่ใช้สาวน้อยอายุสิบแปด เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบว่า “ลู่เฉิน นายให้ฉันคิดทบทวนให้ดีก่อนได้ไหม”
เธอไม่ปฏิเสธว่าเธอก็รู้สึกดีกับลู่เฉินเหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ทันได้เตรียมตัวที่จะเริ่มต้นความรักแบบรักต่างวัย
ลู่เฉินพยักหน้า หดมือกลบพร้อมกับตอบไปว่า “ได้ครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์รู้สึกผิด เธอคว้ามืออันใหญ่โตของลู่เฉินไว้ เอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า “ขอบใจนะ”
ลู่เฉินไม่ได้ดึงมือกลับมาอีก
ทั้งสองคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด ต่างฝ่ายต่างซึมซับความอบอุ่นที่ไหลผ่านมือของทั้งคู่อย่างเงียบๆ
ทิวทัศน์ยามค่ำคืนด้านนอกดูจะอ่อนโยนลงกว่าเดิม
…………………………………………………………………………….