ตอนที่ 223 เป็นพระเอกเอง
กรรมการมีการโกงกันเองภายใน!
ลู่เฉินมีตามองออก มีหูได้ยิน และไม่ได้โง่ ทำไมจะไม่รู้
ผู้กำกับเหยียนเฉิงอี้สนับสนุนเขาเต็มที่ แต่ผู้จัดการกงคนนี้เห็นได้ชัดว่ามีแผนการอยู่ก่อนแล้ว
แถมยังเป็นตัวแทนจากผู้ร่วมทุนรายใหญ่
ไม่เช่นนั้นเหยียนเฉิงอี้คงไม่จนปัญญาขนาดนี้ ต้องรู้ว่าอำนาจของผู้กำกับละครนั้นสูงมาก
แม้ก่อนที่ลู่เฉินจะมาที่บริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์เอ้าช่วง เขาไม่แน่ใจว่าบทนี้จะตกเป็นของตัวเอง แคสติ้งล้มเหลวถูกปฏิเสธเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่คาดเอาไว้…
แต่เขาไม่ค่อยชอบใจนัก
ในเมื่อนักแสดงถูกกำหนดตัวไว้แล้ว ยังจะติดต่อเขาอีกทำไม แบบนี้จะมีความหมายอะไร
จากภายนอก ลู่เฉินไม่แสดงอาการ เพียงยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ขอบคุณผู้กำกับเหยียนครับ ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านครับ”
เขาไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธ วงการบันเทิงไม่ใช่โลกเทพนิยาย หากคาดหวังในความยุติธรรมนั้นเป็นความไร้เดียงสาที่สุด มีเพียงตัวเองแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่จนคนอื่นต้องแหงนหน้ามองเท่านั้น ถึงจะได้เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์
ผู้จัดการกงยิ้ม “ยังมีโอกาสอยู่ รอทางเราแจ้งไปนะคะ”
ความจริงเธอชื่นชมลู่เฉินมาก เข้าใจดีว่าลู่เฉินมีสิทธิ์จะได้รับบทเฉินเย่าหยางจากความสามารถ
แต่เธอตระหนักว่าตัวเองเป็นคนของใคร ทำงานให้ใคร
ดังนั้นจึงได้แต่เอ่ยคำว่าขอโทษ
เหยียนเฉิงอี้มองลู่เฉินออกไปจากห้องประชุมอย่างเสียดาย เก็บข่มอารมณ์กำหมัดแน่น
เขาตะโกนอย่างไร้อารมณ์ “คนต่อไป!”
ตอนที่ลู่เฉินเดินออกมา คุณชายเจ้าสำอางคนนั้นเพิ่งลุกขึ้นยืน
ทั้งสองสบตากัน
ลู่เฉินมองเห็นความได้ใจและการเยาะเย้ยจากนัยน์ตาคู่นั้น
เขาเข้าใจทันที คนในจะต้องเลือกคนนี้เอาไว้แล้ว
ออกจากเอ้าช่วงฟิล์ม ลู่เฉินกลับมาถึงสตูดิโอของตัวเอง
เมื่อพบกับลู่ซี พี่สาวถามอย่างเป็นห่วงว่า “แคสติ้งเป็นยังไงบ้าง ผ่านไหม”
หลี่เฟยอวี่และเฉินซินพากันหูผึ่ง
ถ้าลู่เฉินได้เล่นละครโทรทัศน์ ก็จะดีมากๆ ได้เติบโตทั้งในวงการเพลง วงการภาพยนตร์ และวงการโทรทัศน์ เป็นดาราดังของทั้งสามวงการ!
ลู่เฉินส่ายหน้าตอบ “ถูกเทแล้ว เขาเลือกคนเอาไว้แล้ว”
“แม่ง!”
น้อยมากที่พี่สาวจะสบถคำหยาบออกมา บ่นอย่างหงุดหงิดว่า “พวกเขาทำแบบนี้ได้ไง”
เธอโกรธมากจริงๆ
แม้ตอนนี้ลู่เฉินไม่อาจเทียบกับดาราระดับซูเปอร์สตาร์ได้ แต่เขาชนะเลิศบนเวทีประกวดร้องเพลง ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ อัลบั้มชุดแรกขายดิบขายดี มีแฟนคลับติดตามในเว็บบล็อกล่างฉาวเกือบสิบล้านคน ไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไป
แต่สุดท้ายก็ยังถูกเอาเปรียบจากคนที่มีอำนาจตั้งกฎ รู้สึกเหมือนถูกต้มจนเปื่อยเลย
ลู่เฉินปลอบเธอกลับว่า “ไม่เป็นไรหรอก ต่อไปยังมีโอกาสอีกมาก ผู้กำกับเขาชอบผมอยู่นะ”
ลู่ซีเหลือกตามองบนใส่เขา แล้วถามกลับ “แกรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาไม่ใช่พวกเดียวกัน”
ลู่เฉินยิ้มแหย
เขาไม่อาจยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เหยียนเฉิงอี้น่าจะเป็นคนที่ซื่อตรงอยู่
เพียงแต่ตอนนี้พูดไปก็ไม่มีความหมาย
ลู่ซีไม่อยากโจมตีน้องชายต่อ จึงเอ่ยว่า “ทางฉันได้ข่าวดีมาอย่างหนึ่ง…”
ลู่เฉินสนใจทันที “ข่าวดีอะไร”
ลู่ซีกล่าวว่า “สัญญาใหม่กับจิงอวี๋ทีวี จัดการเรียบร้อยแล้ว!”
สัญญาใหม่ของลู่เฉินกับ ‘จิงอวี๋ทีวี’ เป็นเรื่องที่ลู่ซีดูแลการเจรจาด้วยตัวเองมาพักหนึ่งแล้ว
และตอนนี้ก็สำเร็จลุล่วงเรียบร้อย
ความจริงแล้วทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความคิดเห็นแตกต่างกันมากนัก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกันต่อไป หลักๆ เจรจากันเรื่องเงินค่าเซ็นสัญญากับเวลาออกอากาศ ลู่ซีพยายามต่อรองให้ลู่เฉินได้ประโยชน์มากที่สุด
ผลลัพธ์สุดท้ายคือยุติสัญญาเดิม ทำสัญญาฉบับใหม่ที่มีอายุหนึ่งปี ลู่เฉินกลายเป็นดาราพรีเซ็นเตอร์ของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ค่าพรีเซนเตอร์หักภาษีแล้วอยู่ที่สามล้านแปดแสนหยวน!
ยังมีส่วนแบ่งเงินรางวัลที่เพิ่มขึ้นอีก 5% ลู่เฉินต้องร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาเว็บไซต์ ยังมีข้อกำหนดเรื่องการออกอากาศและการผูกขาดกับคู่สัญญาแต่เพียงผู้เดียว ห้ามร่วมงานกับเว็บไซต์ประเภทเดียวกันกับเจ้าอื่นอีก
สัญญาฉบับนี้เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย
ค่าพรีเซ็นเตอร์สามล้านแปดแสนหยวน ถ้าบวกกับภาษีส่วนบุคคลก็ได้เกือบห้าล้านแล้ว
ความจริงแล้วค่าตัวพรีเซ็นเตอร์โฆษณาที่บอกกับคนนอกก็คือห้าล้านหยวนนั่นเอง!
เงินก้อนนี้หากเทียบกับสถานะของลู่เฉินในตอนนี้ แน่นอนว่าเกินตัวไปไม่น้อย มีประโยชน์ต่อการยกฐานะในวงการมาก
แต่ฝ่าย ‘จิงอวี๋ทีวี’ ก็ไม่เสียเปรียบเด็ดขาด
ลู่เฉินโด่งดังขึ้นมาจาก ‘จิงอวี๋ทีวี’ อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้เขากลายเป็นแหล่งทรัพยากรที่นำพาความนิยมมาสู่แพลตฟอร์มจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังดึงดูดผู้ออกอากาศที่ดีมีคุณภาพเข้ามามากขึ้น ผลลัพธ์ของการโฆษณาคุ้มค่ากับราคานี้แน่นอน
ที่สำคัญคือ อนาคตของลู่เฉินยังรุ่งโรจน์ได้อีกไกล ทำสัญญาเร็วดีกว่าทำสัญญาช้า
ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย!
ได้ยินว่ามียอดเงินหลายล้านเข้าบัญชี ลู่เฉินดีใจใหญ่
ช่วงก่อนที่เขาใช้หนี้ของครอบครัว พร้อมกับไถ่ถอนบ้านวิลล่าออกมา เขาใช้เงินจากการขายหุ้นของบริษัทระดมทุนออนไลน์และเงินทุนหมุนเวียนเกือบทั้งหมดของสตูดิโอจนหมดเกลี้ยง
ตอนนี้ค่าใช้จ่ายในสตูดิโอของเขาไม่ใช่น้อยๆ เลย เมื่อมีเงินค่าพรีเซ็นเตอร์ก้อนนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
ลู่เฉินวางแผนไว้ว่า ก่อนปลายปีจะซื้อบ้านหลังใหญ่หน่อยในปักกิ่ง
เขายังต้องขยันหาเงิน หาเงินให้ได้มากขึ้นไปอีก!
ดังนั้นลู่เฉินจึงโยนเรื่องแคสติ้งออกไปจากสมอง ปล่อยให้มันเป็นเรื่องตลกร้ายก็แล้วกัน
แต่เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาคิด
บ่ายวันถัดมา ลู่เฉินกำลังซ้อมเปียโนอยู่ในสตูดิโอ ลู่ซีก็ถือโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งเข้ามา
เธอโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เปิดหน้าเว็บไซต์หนึ่งแล้วชี้ให้ลู่เฉินดู
บนหน้าจอแสดงข่าวของสื่อบันเทิงรายหนึ่ง เนื้อหาคือละครเรื่อง ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’ ที่กำลังโด่งดังอยู่ในช่วงนี้ใกล้จะเปิดกล้องถ่ายทำซีซันสองแล้ว เจียงตงจวิ้นศิลปินหนุ่มวัยละอ่อนที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในตอนนี้ได้รับบทเป็นตัวละครใหม่ที่มีความสำคัญ
เดิมทีการโฆษณาผ่านข่าวเป็นเรื่องธรรมดามาก พบเห็นได้ทั่วไปตามสื่อบันเทิงใหญ่ๆ และเว็บไซต์ต่างๆ แต่ข่าวหน้านี้ตั้งใจเอ่ยถึงลู่เฉิน บอกว่าลู่เฉินได้มาเข้าร่วมแคสติ้งเหมือนกัน สุดท้ายผู้กำกับกลับเลือกเจียงตงจวิ้น
พี่สาวโมโหจนควันออกหู “พวกเขาเห็นแกเป็นหินขัดเท้าอยากจะเหยียบย่ำยังไง จะสร้างกระแสยังไงก็ได้!”
ข่าวซุบซิบในวงการบันเทิงเช่นนี้ไม่ได้มีแค่ในเว็บไซต์นี้ที่เดียว เมื่อค้นหาออกมาก็มีอีกเยอะมาก ทั้งที่อยู่ในบล็อก ในเว็บบอร์ด และตามหน้าเว็บต่างๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นการสร้างกระแสอย่างจงใจ
สารเลวจริงๆ!
คนธรรมดาย่อมมีโลภ โกรธ หลง ลู่เฉินไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวใจ ถูกคนเหยียบย่ำเช่นนี้เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร
ลู่ซีถามต่อ “พวกเราโพสต์แถลงการณ์ตอบโต้กลับไปสักทีดีไหม”
เธอโมโหจริงๆ
ลู่เฉินกดข่มไฟโทสะในใจลง แล้วส่ายหัวอย่างใจเย็น “ไม่ต้อง”
จะว่ายังไงดี เขาได้ไปแคสติ้งมาจริง และถูกปฏิเสธจริง จะบอกว่าฝ่ายนั้นเล่นพรรคเล่นพวกได้เหรอ
ในเมื่อไม่มีหลักฐานคาตาแล้วไปโจมตีอีกฝ่าย จะยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
ทั้งยังเป็นโอกาสให้ฝ่ายนั้นยิ่งสร้างกระแสได้แรงขึ้น!
ลู่ซีเข้าใจเหตุผล เธอเพียงแค่โกรธจนหลงผิดเท่านั้นเอง
หากจะโจมตีกลับไป ยิ่งต้องใช้วิธีการที่แรงและเหนือชั้นกว่า!
ลู่เฉินคิดเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่า “ตอนนี้ไม่ต้องสนใจพวกเขา ผมเปลี่ยนไปเล่นเรื่องอื่นแทนดีกว่า!”
“ละครเรื่องอื่น?”
ลู่ซีอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “ยังมีละครเรื่องอื่นติดต่อแกมาเหรอ”
“ไม่มีหรอก…”
ลู่เฉินหัวเราะ “พี่ ถ้าพวกเราลงทุนถ่ายทำละครสุดสัปดาห์เองสักเรื่อง พี่คิดว่าไง”
ลู่ซีเบิ่งตาค้าง “เราลงทุนถ่ายกันเอง?”
เธอรู้สึกว่าสมองของเธอสับสนนิดๆ หรือสมองของลู่เฉินกันแน่ที่สับสน
ถ่ายทำละครของตัวเอง? มันง่ายแบบนั้นที่ไหนกัน!
ลู่เฉินอธิบาย “หาบริษัทที่เก่งๆ มาร่วมมือด้วย บทละครผมเขียนเอง พระเอกผมเล่นเอง แล้วสตูดิโอก็ลงทุนอีกส่วนหนึ่ง”
ลู่ซีทึ่ง “แกเขียนบทละครเป็นด้วยเหรอ”
ลู่เฉินยิ้มน้อยๆ
ในโลกแห่งความฝันซึ่งเป็นชีวิตของคนสามคน มีทั้งนักร้องสวีป๋อ นักแสดงโม่หราน และยังมีนักประพันธ์ฟางหมิงอี้ คนหลังสุดเคยเขียนบทละครมาก่อน
อีกทั้งในโลกแห่งความฝันยังมีละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และงานเขียนที่เป็นผลงานชิ้นเอกระดับตำนานอยู่มากมาย ผ่านความทรงจำของสวีป๋อ โม่หราน และฟางหมิงอี้ ซึ่งยังชัดเจนสดใส เขาสามารถลอกเลียนออกมาได้แน่นอน!
ตอนนี้สถานภาพของเขา ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ชั้นสูงยังเกินความสามารถ แต่การจะทำละครโทรทัศน์ที่ขายดีสักเรื่องไม่ใช่ปัญหา และมีช่องว่างให้ทำได้
โดยเฉพาะละครสุดสัปดาห์ที่ออกอากาศไปถ่ายทำไป สามารถควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี
จากเดิมลู่เฉินวางแผนว่าจะสั่งสมประสบการณ์ทางการแสดงก่อน แล้วค่อยคิดหาทางทำละครหรือแม้กระทั่งภาพยนตร์ แต่ตอนนี้ สถานการณ์แบบนี้ เขาต้องเล่นใหญ่แล้ว
ถ้าเล่นบทตัวประกอบไม่ได้ ก็เล่นบทพระเอกไปเลย!
ลู่ซียิ่งอ่านน้องชายของตัวเองไม่ออกแล้ว สีหน้าของเธอดูแปลกประหลาด
ลู่เฉินไม่อยากอธิบายมาก ได้แต่บอกว่า “พี่วางใจเถอะ ผมไม่ซี้ซั้วหรอก”
กริ๊ง~
เพิ่งสิ้นเสียงพูด โทรศัพท์มือถือบนหลังเปียโนก็ดังขึ้น
ลู่เฉินหยิบมันขึ้นมา แล้วส่งสัญญาณมือบอกพี่สาวว่าตัวเองจะรับโทรศัพท์
ลู่ซีถลึงตาใส่เขา แล้วเดินออกจากห้องไป
คนที่โทรศัพท์มาหาลู่เฉิน คือพี่สาวอีกคนของเขา…พี่เฟย
ในสาย เฉินเฟยเอ๋อร์ถามเขาตามตรง “นายไปแคสติ้งกับเอ้าช่วงฟิล์มมาเหรอ”
ลู่เฉินไม่คิดว่าเธอจะรู้เรื่องนี้แล้ว ยิ้มแหยตอบไปว่า “ใช่ครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “ตอนนี้นายรู้แล้วใช่ไหมว่าในวงการซับซ้อนแค่ไหน เจียงตงจวิ้นคนนั้นเป็นคนที่มีเส้นสายภายใน ชื่อเสียงผู้ร่วมทุนของเอ้าช่วงฟิล์มไม่ค่อยดี ถ้านายอยากถ่ายหนังถ่ายละครจริงๆ ละก็ ฉันจะช่วยแนะนำเพื่อนหลายคนที่เชื่อถือได้ให้”
ลู่เฉินรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ซาบซ่านอยู่ในใจ
เห็นได้ชัดว่าเฉินเฟยเอ๋อร์คอยติดตามข่าวของเขา ไม่เพียงแต่รู้อย่างรวดเร็ว ยังไปสืบข่าววงในมาให้อีกด้วย
เขาพูดอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณพี่เฟยมากครับ ผมอาจจะต้องให้พี่ช่วย ในมือของผมมีละครเรื่องหนึ่งที่อยากถ่ายทำ อยากหาคนมาร่วมงาน”
เฉินเฟยเอ๋อร์สงสัย “บทละครอะไร”
ลู่เฉินตอบว่า “บทละครที่ผมเขียนขึ้นเอง ตอนนี้ยังไม่ได้เขียน”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นนายเขียนมาให้ฉันดูก่อน ถ้าเนื้อเรื่องดี ฉันจะแนะนำให้”
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อว่าลู่เฉินจะเขียนบทละครได้จริง แต่ใจที่อยากช่วยเหลือยังไม่เปลี่ยนแปลง
ลู่เฉินดีใจ “ดีมากเลยครับ คืนนี้ให้ผมเลี้ยงอาหารพี่สักมื้อ!”
เฉินเฟยเอ๋อร์สงวนท่าที “คนที่อยากเลี้ยงข้าวฉันมีมากมาย นายต้องเอาความจริงใจออกมา แต่คืนนี้ไม่ได้หรอกนะ”
ลู่เฉินไม่ยอมแพ้ “ถ้าอย่างนั้นเป็นคืนพรุ่งนี้…”
เขามีความจริงใจมาก
………………………………………………………………………………