ตอนที่ 246 เพลงประกอบหลัก
ละครสุดสัปดาห์เรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นการร่วมทุนและร่วมกันถ่ายทำของสามฝ่ายระหว่างสตูดิโอลู่เฉิน สตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ และกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส เปิดกล้องไปเมื่อวันที่ 17 เดือนพฤศจิกายน
หลังจากลู่เฉินร่วมพิธีเปิดกล้องเสร็จแล้วก็กลับปักกิ่งพร้อมกับเฉินเฟยเอ๋อร์ เช้าวันที่ 23 จึงค่อยเดินทางออกจากปักกิ่งกลับมาที่จินหลิง ตอนนี้ละครโทรทัศน์เรื่องนี้ถ่ายทำมาได้หกวัน และถ่ายทำสองตอนแรกเสร็จแล้ว
ด้วยระบบการผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ที่ก้าวหน้าและทันสมัย ทำให้ตอนนี้การถ่ายทำละครมีความรวดเร็วมาก โดยเฉพาะละครสุดสัปดาห์ ถ่ายทำเสร็จสองตอนในเวลาหกเจ็ดวันถือว่าเป็นความเร็วที่ปกติ มีเว็บดราม่าต้นทุนต่ำหลายเรื่องสามารถถ่ายหนึ่งตอนเสร็จภายในหนึ่งวัน เป็นประสิทธิภาพที่สูงมากเกินกว่าที่คนทำงานสมัยก่อนจะจินตนาการได้
แต่ถ่ายละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ สองตอนเสร็จในหกวัน ลู่เฉินยังรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
ระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ จะถ่ายทำได้ตามคุณภาพที่เขาต้องการหรือไม่
ความทรงจำที่มาจากโลกของความฝัน ทำให้ลู่เฉินนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับจินหลิงอย่างไม่สบายใจ เขาอยากจะดูวิดีโอเวอร์ชันแรกที่ถ่ายทำเสร็จอย่างอดใจไม่ไหว ซึ่งก็คือ ‘งานต้นฉบับ’ เหมือนอย่างที่คนในวงการเขาเรียกกัน
เดี๋ยวนี้การถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์ไม่ใช้ฟิล์มกันแล้ว ล้วนเปลี่ยนมาใช้กล้องดิจิทัลคุณภาพสูง ความละเอียดคมชัด และ ‘งานต้นฉบับ’ ก็หมายถึงเนื้อหาของละครและภาพยนตร์ที่ถ่ายทำเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดต่อ ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอนหลังการถ่ายทำอย่างการพากย์เสียง การใส่เพลงประกอบ การทำเอฟเฟกต์ต่างๆ เป็นต้น ยังเป็นผลงานกึ่งสำเร็จรูปอยู่
หลังจาก ‘งานต้นฉบับ’ เข้าสู่กระบวนการหลังการถ่ายทำเรียบร้อยแล้วจะกลายเป็น ‘งานฉบับสมบูรณ์’ ถึงจะสามารถนำออกสู่ตลาดได้
การดูงานต้นฉบับจะทำให้เห็นมาตรฐานคุณภาพของการถ่ายทำ รวมทั้งมาตรฐานของผู้กำกับ นักแสดง และองค์ประกอบทั้งหมดของกองถ่าย
ความกังวลสงสัยของลู่เฉิน หายไปหมดเกลี้ยงหลังจากดูงานต้นฉบับสองตอนแรกจบ!
ไม่เสียแรงที่ผู้กำกับฟางฮุ่ยมีชื่อเสียงในวงการ ถ่ายตอนเปิดฉากของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ได้อย่างออกรสออกชาติ
ใช้จินหลิงเมืองโบราณอายุนับพันปีเป็นฉากหลัง แสดงช่วงเวลาในวัยเยาว์ของพระเอกกับนางเอกออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ผู้กำกับรวบรวมความรู้สึกระหว่างพี่น้องที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันและจุดเปลี่ยนที่กำหนดให้เรื่องราวพลิกผันกลายเป็นโศกนาฏกรรมไว้ด้วยกัน สร้างฉากหลังซึ่งเป็นพื้นฐานของเรื่องราวทั้งหมด ทำให้ผู้คนเกิดความปรารถนาที่จะดูต่อ
ภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เด็กทารกสองคนเกิดวันเดียวกัน แต่เนื่องจากอิ่นจวิ้นซีเพื่อนตัวน้อย ทำให้ชื่อของเด็กน้อยทั้งสองสลับกัน
เด็กทารกทั้งสองจึงเริ่มใช้ชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากเด็กทารกของบ้านที่ร่ำรวยต้องไปอยู่กับครอบครัวของแม่เลี้ยงเดี่ยว เด็กทารกอีกหนึ่งคนเดิมทีเกิดในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวแต่กลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งและมีความสุข เติบโตขึ้นมาอย่างสดใส
เรื่องราวถูกเปิดฉากจากตรงนี้!
เด็กทารกทั้งสองคนถูกสับเปลี่ยนตัว จากนั้นก็ใช้ชีวิตในครอบครัวที่แตกต่างกันถึงสิบสี่ปี แต่เนื่องจากอิ่นเอินซีประสบอุบัติเหตุ ทำให้ศาสตราจารย์อิ่นรู้ว่าลูกสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาสิบสี่ปี กลับไม่มีกรุ๊ปเลือดเหมือนกับตัวเอง!
หลังจากการตรวจสอบ จึงได้รู้ว่าเป็นความผิดของโรงพยาบาล ทำให้เด็กทารกที่เกิดในวันเดียวกันถูกสลับตัว แต่หลังจากปรึกษากับภรรยาแล้ว เดิมทีให้คิดเสียว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น แต่สวรรค์ก็ช่างกลั่นแกล้งนัก
ชุยซินอ้ายลูกสาวตัวจริงของศาสตราจารย์อิ่น ที่ใช้ชีวิตในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวอย่างยากลำบากมาตลอด พอรู้ว่าที่แท้ตัวเองเป็นลูกสาวของคนรวย ก็ตัดสินใจไปจากแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงดูตัวเองมาสิบสี่ปี แล้วไปหาครอบครัวของศาสตราจารย์อิ่นที่ร่ำรวย
ชุยซินอ้ายอิจฉาอิ่นเอินซี ดังนั้นจึงคิดหาวิธีทำให้อิ่นเอินซีไปใช้ชีวิตที่ลำบากเหมือนตัวเองในอดีต ส่วนอิ่นเอินซีรู้ว่าตัวเองจะต้องกลับไปอยู่กับแม่แท้ๆ ของตัวเอง จึงได้แต่อดกลั้นความเจ็บปวดมองดูพ่อแม่บุญธรรมกับพี่ชายสุดที่รักย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อเมริกา…
…
ตอนที่ลู่เฉินมาถึงจินหลิง ก็เริ่มถ่ายทำตอนที่สามแล้ว หากยึดตามบทแล้วเขาจะปรากฏตัวในตอนท้ายของตอนนี้และงานต้นฉบับสองตอนแรกหลังจากผ่านการตรวจสอบและวินิจฉัยแล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตัดต่อทันที
เนื่องจากมีเอฟเฟกต์ไม่เยอะ ขั้นตอนการตัดต่อจึงมีความรวดเร็วมาก
ตอนที่ลู่เฉินเขียนบทละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เขาไม่ได้ยึดตามความทรงจำของโลกแห่งความฝันทั้งหมด แต่ปรับโครงเรื่องและฉากให้เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงยิ่งขึ้น
นอกจากนี้เขาอยากจะเขียนเพลงประกอบหลักที่เหมาะสมให้กับละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’!
ดังนั้นงานของลู่เฉินต่อจากนี้จึงยุ่งมากๆ
เพราะฉะนั้นเขาจึงเช่าห้องพักเอ็กเซ็กคิวทีฟสวีทระยะยาวในโรงแรมที่อยู่ใกล้โรงถ่าย จนกระทั่งถ่ายทำละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เสร็จทั้งหมดยี่สิบตอน
จากความเร็วในการถ่ายทำสองตอนต่อหนึ่งสัปดาห์ เขาจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่ถึงสองเดือน!
หลี่เฟยอวี่ก็ตามมาด้วย ลู่เฉินเช่าห้องเดี่ยวอีกห้องหนึ่งให้แก่เขา
ค่าใช้จ่ายการเช่าโรงแรมถูกคำนวณอยู่ในต้นทุนแล้ว มีระเบียบข้อกำหนดอยู่ในสัญญา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องประหยัด
ตอนบ่ายวันที่ 23 เฉินเฟยเอ๋อร์ก็มาถึงจินหลิง
เมื่อเทียบกับลู่เฉิน งานในชีวิตประจำวันของราชินีแห่งวงการเพลงคนนี้ถูกจัดแน่นอยู่แล้ว แต่เพื่อการถ่ายทำละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เธอจึงปฏิเสธกิจกรรมที่กำหนดล่วงหน้าไปไม่น้อย รีบรุดหน้ามาที่นี่ก่อน
ถ้าหากคำนวณถึงต้นทุนและผลประโยชน์ กำไรที่เธอได้รับจากละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เกรงว่าจะไม่สามารถชดเชยค่าเสียหายในช่วงนี้ได้
ทว่าเฉินเฟยเอ๋อร์กลับดีใจมาก เพราะเวลาสองเดือนต่อจากนี้ เธอจะได้อยู่กับลู่เฉิน
เธอพักโรงแรมเดียวกับลู่เฉิน และห้องพักก็อยู่ข้างๆ ลู่เฉิน
เธอมาจินหลิงอีกครั้ง เพราะรู้ว่าต้องอยู่ยาว ดังนั้นเฉินเฟยเอ๋อร์จึงพกกระเป๋าน้อยใหญ่แล้วก็ผู้ช่วยกับบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคน แค่รถอย่างเดียวก็สามคันแล้ว
ตอนที่เธอเก็บสัมภาระเข้าพักที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ฟ้าก็มืดพอดี
แต่เธอไม่ได้รีบร้อนไปกินข้าว กลับไปเคาะประตูห้องของลู่เฉินก่อน
ลู่เฉินเพิ่งจะเปิดประตู คนสวยก็โผเข้าไปกอดเขาพร้อมกับกลิ่นหอมติดตัว
เขารีบกอดเฉินเฟยเอ๋อร์ ขณะเดียวกันก็ปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าถูกคนอื่นมาเห็นเข้าจะมีผลกระทบที่ไม่ดี
แน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปเข้ามาที่นี่ไม่ได้อยู่แล้ว โรงแรมเคยต้อนรับดารามาตั้งเท่าไรด้านความปลอดภัยจึงทำได้ดีมาก ต่อให้เป็นนักข่าวก็อย่าหวังว่าจะเล็ดลอดเข้ามารบกวนได้
แต่ระวังตัวไว้ก่อนนั้นถูกต้องแล้ว
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในช่วงแอบคบกัน ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ชั่วคราว
เฉินเฟยเอ๋อร์โอบเอวของลู่เฉิน เงยหน้ายิ้มคิกคักและถามว่า “สองสามวันนี้คิดถึงฉันไหม”
ในฐานะผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วคนหนึ่ง ถ้าหากเปิดใจแล้ว เธอก็จะมีความกระตือรือร้นมาก ดุจดังพระอาทิตย์ยามบ่าย สาดแสงออกมาจนคนไม่กล้ามองตรงๆ
ลู่เฉินรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองถูกละลายแล้ว เขาเอ่ยว่า “คิดถึงครับ!”
เขาก้มหน้าจูบไปที่ปากแดงๆ ของเฉินเฟยเอ๋อร์ ทั้งสองคนข้ามผ่านเส้นขีดจำกัดนี้มานานแล้ว
แต่องค์หญิงเฉินเฟยเอ๋อร์กลับยิ้ม พร้อมกับเบือนหน้าไปไม่ยอมให้เขาจูบได้สำเร็จ แล้วพูดดุว่า “นายยังมีหน้ามาบอกว่าคิดถึงฉันเหรอ ไม่ทราบว่าใครอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ร้องเพลงคู่รักกันหวานซึ้งในที่สาธารณะ”
ลู่เฉินยิ้มเจื่อน
หลินจื้อเจี๋ยพูดไม่ผิด เฉินเฟยเอ๋อร์หึงจริงๆ ด้วย
เขาอธิบาย “ผมมองเสี่ยวชูเป็นน้องสาว พี่ก็รู้นานแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดฮึดฮัด “นายมองเสี่ยวชูเป็นน้องสาว แต่เสี่ยวชูไม่ได้มองนายเป็นพี่ชายนะ นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ”
เธอร้องฮึมฮัมเบาๆ “อยากถามเธอนัก แท้จริงแล้วมีใจหวั่นไหวกับฉันบ้างไหม”
นี่เป็นท่อนหนึ่งของเพลง ‘เธอคือบทเพลงบทหนึ่งในดวงใจฉัน’ เธอร้องเนื้อเพลงและทำนองได้แม่นยำมาก!
เฉินเฟยเอ๋อร์ขึงตาใส่เขา “นายเขียนเองใช่ไหม”
วันนั้นเป็นงานเลี้ยงฉลองรางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์ของวงเอ็มเอสเอ็น เธอก็ได้รับการเชื้อเชิญจากทางเฟยสือเรคคอร์ดเช่นกัน
ทว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ไป เพราะเธอมีงานที่จัดตารางไว้แล้ว อีกด้านหนึ่งคือฐานะที่ไม่ค่อยเหมาะสม
แต่เธอได้ดูวิดีโอของงานเลี้ยงในภายหลัง
เธอเห็นมันอยู่ในบล็อก
แน่นอนเฉินเฟยเอ๋อร์รู้ว่าลู่เฉินกับมู่เสี่ยวชูไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน แต่ตอนที่เห็นทั้งสองคนร้องเพลงคู่กันด้วยอารมณ์ลึกซึ้งอยู่บนเวที แถมยังเป็นเพลงนี้ หัวใจของเธอก็อดหึงขึ้นมาไม่ได้
เธออดทนเพื่อมาระบายความโกรธในตอนนี้
โชคดีที่เธอไม่ได้เห็นการถ่ายทอดสดของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ไม่อย่างนั้นคงระเบิดลง
แฟนคลับมากมายต่างร้องตะโกนให้ลู่เฉินกับมู่เสี่ยวชูคบกัน ไม่มีใครพูดถึงชื่อเธอเท่าไรนัก
ความจริงถ้าหากดึงเสื้อคลุมของราชินีออกไป เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่แตกต่างจากผู้หญิงธรรมดา
ต้องการครอบครองคนที่ชอบเพียงคนเดียว ไม่แบ่งปันให้คนอื่นเด็ดขาด
ลู่เฉินไม่ได้อธิบาย จูบปิดปากเธอโดยตรง
ครั้งนี้เขาทำสำเร็จ
เฉินเฟยเอ๋อร์ถูกจูบแบบตั้งตัวไม่ทัน เธอขัดขืนปฏิเสธ แต่สู้แรงของลู่เฉินไม่ไหว เมื่อต่อต้านไม่ได้จึงได้แต่ยอมรับ แต่ไม่ช้าก็ตอบรับด้วยอารมณ์ร้อนแรงดั่งไฟ
หลังจากจูบลึกซึ้งนานหลายนาที ลู่เฉินจึงปล่อยอย่างอาลัยอาวรณ์
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงระเรื่อ อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว
เห็นลู่เฉินมีท่าทางภาคภูมิใจ เธอจึงพูดดุเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะปล่อยผ่าน นายต้องเขียนเพลงคู่ให้ฉันบ้าง ฉันจะเอาไปใส่ในอัลบั้มใหม่!”
ตอนนี้อัลบั้มใหม่ของเฉินเฟยเอ๋อร์ รวบรวมผลงานได้มากพอแล้ว นอกจากสามเพลงที่ลู่เฉินเขียนให้เธอ ก็ยังมีอีกเก้าเพลงจากนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงคนอื่น ไม่มีปัญหาด้านคุณภาพและสไตล์แน่นอน
ถ้าหากไม่ใช่เพราะต้องถ่ายละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เธอคงได้บันทึกเสียงอัลบั้มสำคัญนี้ไปแล้ว
หากเปลี่ยนเป็นเพลงรักชายหญิงในตอนนี้ จะทำให้แผนการเกิดความสับสนอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เธอไม่สนใจ และอยากเอาแต่ใจแบบนี้!
ลู่เฉินยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ ผมกำลังจะเขียนเพลงประกอบหลักของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ พอดี”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตาเป็นประกายทันที “ความคิดนี้ไม่เลว นายมีแรงบันดาลใจแล้วเหรอ”
ลู่เฉินเอ่ยว่า “มีแล้วครับ แต่อยากปรึกษากับพี่ก่อน ดูว่าจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม”
เพลงประกอบละครเพลงหนึ่งถ้าจะพูดถึงความสำคัญก็ไม่ได้มีความสำคัญเป็นพิเศษ แต่เพลงประกอบหลักที่ดีเพลงหนึ่ง สามารถทำให้ละครเรื่องหนึ่งมีสีสันขึ้นมาไม่น้อย และมีข้อดีในการโปรโมตประชาสัมพันธ์
มีเพลงประกอบหลักของละครคลาสสิคมากมาย ที่ยังถูกร้องขับขานมาจนถึงปัจจุบัน!
เขาเกิดความคิดนี้ขึ้นมากะทันหัน ถึงแม้มีเจตนาอยากจะเอาใจเฉินเฟยเอ๋อร์ แต่ก็ต้องการทัศนคติตามความเป็นจริง
และสิ่งที่สำคัญที่สุด นี่จะเป็นไฮไลต์ของการโปรโมต
แต่มีปัญหาเพียงข้อเดียวคือจะเลือกเพลงรักชายหญิงเพลงไหนดี ถึงจะเหมาะสมกับละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’!
เพลงรักที่ร้องคู่กันในความทรงจำของเขามีเป็นจำนวนมาก
เฉินเฟยเอ๋อร์ดีใจแล้ว
เธอกับลู่เฉินเป็นนักแสดงนำของละครโทรทัศน์ ได้ทำเพลงประกอบหลักกับลู่เฉิน แล้วค่อยเอาไปใส่ในอัลบั้ม
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน จึงแน่นแฟ้นขึ้นเป็นธรรมดา
…………………………………………………………………………