ตอนที่ 281 เป็นคนดีคนหนึ่ง
ปฏิกิริยาของลู่เฉินเร็วมาก เขาหยุดก้าวเท้าแล้วยืนนิ่งอย่างมั่นคง จึงไม่ชนกับคนที่พุ่งตัวออกมาขวางทาง
ฝ่ายนั้นรู้ว่าการกระทำของตัวเองบุ่มบ่ามไม่เหมาะสม ก็หน้าแดงอย่างอับอาย ก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก้มโค้งแสดงความเคารพ “อาจารย์ลู่เฉิน หนูเป็นแฟนคลับผู้ภักดีของอาจารย์ค่ะ และก็เป็นเด็กฝึกที่นี่ด้วย อาจารย์ช่วยชี้แนะหนูหน่อยได้ไหมคะ”
คนที่เข้ามาขวางทางลู่เฉินเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกปี ตัวไม่สูงมากแต่หน้าตาสะสวย เธอตัดผมสั้นกับหน้าม้า ดวงตาโตขนตายาวมาก ดูเหมือนตุ๊กตาตัวใหญ่
ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือเขินอาย สาวน้อยหน้าแดงเป็นลูกตำลึง แม้แต่ใบหูก็แดงด้วย
เธอประนมมือไปด้วยขณะทำความเคารพ แสดงถึงความหวั่นไหวในจิตใจ
แล้วยังก้มตัวลงรอลู่เฉินรับปาก
เห็นภาพแบบนี้แล้ว ทุกคนตกตะลึง
เจนนิเฟอร์ที่อยู่ข้างลู่เฉินขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจว่า “โจวเสี่ยวเจีย ใครอนุญาตให้เธอทำตัวไร้มารยาทอย่างนี้ ยังไม่รีบกลับไปที่ห้องซ้อมอีก!”
ห้องซ้อมสองฝั่งของทางเดินมีหลายห้องที่ประตูเปิดอยู่ เด็กฝึกหลายคนชะโงกหน้าออกมาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นว่าโจวเสี่ยวเจียกำลังถูกเจนนิเฟอร์ต่อว่า ทุกคนเผยสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
สำหรับศิลปินส่วนใหญ่ การแข่งขันของพวกเขาและพวกเธอได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เป็นเด็กฝึกแล้ว
โจวเสี่ยวเจียถูกเจนนิเฟอร์ตำหนิก็ขอบตาแดงขึ้นมา เธอกลั้นน้ำตาไว้ ก้มหน้าตอบว่า “ขอโทษค่ะผู้อำนวยการเหอ ขอโทษค่ะอาจารย์ลู่เฉิน…”
เธอขอโทษ แล้วเตรียมจะหันหลังจากไป
ลู่เฉินยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก เธออยู่เอเจนซี่ไหนล่ะ”
เด็กสาวน่าเอ็นดู ทำให้เขาคิดถึงน้องสาวสุดที่รักของตัวเอง
ลู่เสวี่ยอายุมากกว่าโจวเสี่ยวเจียที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ไม่กี่ปี เป็นวัยที่ควรจะได้รับการประคบประหงมจากพ่อแม่ แต่เพราะอยากเข้าสู่วงการบันเทิง แม้แต่วันปีใหม่ก็ยังต้องฝึกซ้อมอยู่ที่นี่อย่างยากลำบาก
โจวเสี่ยวเจียมีท่าทางดีใจ รีบพูดว่า “อาจารย์ลู่เฉิน หนูเซ็นสัญญากับวั่นซื่อมีเดียค่ะ”
วั่นซื่อมีเดีย? ลู่เฉินไม่รู้จัก ไม่ใช่บริษัทใหญ่ในวงการแน่นอน
ในเมืองหลวงมีบริษัทเอเจนซี่และบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์มากมาย ยังมีสตูดิโอต่างๆ อีกนับไม่ถ้วน การแข่งขันในตลาดช่างรุนแรง ดังนั้นบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมากจึงค่อนข้างลำบาก แม้แต่ศิลปินที่เซ็นสัญญาก็พลอยลำบากตามไปด้วย
ศิลปินที่เซ็นสัญญากับบริษัทขนาดเล็กแทบไม่มีโอกาสได้เกิด แม้ได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการแล้ว ก็มีงานให้รับแค่ไม่กี่งาน ทำได้แค่ไปเป็นนักร้องนักเต้นประกอบให้คนอื่นหรือไม่ก็เป็นนักแสดงตัวประกอบที่มีบทบาทน้อย ได้แต่ดิ้นรนทนลำบากอยู่ในวงการบันเทิง
ศิลปินหลงกรุงเหล่านี้มีมากมายจนนับไม่ถ้วน!
รูปลักษณ์ภายนอกของโจวเสี่ยวเจียใช้ได้ แต่ถ้าไม่มีแรงสนับสนุนอันเข้มแข็ง โอกาสที่เธอจะได้เกิดก็เท่ากับโอกาสในการถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์น่าจะถูกกลืนละลายหายไปในธุรกิจบันเทิงอย่างไร้ซุ่มเสียง
เด็กสาวอาจจะรู้ถึงข้อนี้ ดังนั้นจึงรวบรวมกำลังใจและความกล้าหาญมาขวางทางลู่เฉิน
ขอคำชี้แนะ ขอให้ดูแล ขอ…
ลู่เฉินในตอนนี้ มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะถูกยกย่องว่าเป็น ‘อาจารย์’
เขาถามว่า “เธอเลือกเดินทางไหน ร้องเพลง เต้น การแสดง หรือวาไรตี้โชว์”
ศิลปินในปัจจุบัน มีเส้นทางให้เลือกเดินมากกว่าศิลปินรุ่นเก่า ถ้าไม่สำเร็จยังเปลี่ยนไปเลือกอีกทางได้ ถ้าทำได้ไม่ดีสักอย่างก็อาศัยแค่ขายหน้าตาออกสื่อก็พอ แต่ถ้าแม้แต่ใบหน้ายังขายไม่ออกก็ต้องขายอย่างอื่นแล้ว
โจวเสี่ยวเจียตอบว่า “หนูอยากเป็นนักร้อง เป็นนักร้องเหมือนกับอาจารย์เฉินเฟยเอ๋อร์!”
เฉินเฟยเอ๋อร์…
ลู่เฉินอดยิ้มไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นฉันให้โอกาสเธอ เธอร้องเพลงให้ฉันฟังหน่อย”
เขาหันไปถามเจนนิเฟอร์ “ผู้อำนวยการเหอ ได้ไหมครับ”
“เรียกฉันว่าเจนนิเฟอร์…”
เจนนิเฟอร์ยิ้มน้อยๆ “คุณสามารถชี้แนะนักเรียนของเราได้ ถือเป็นโชคดีของพวกเขา ฉันจะจัดการให้”
เธอมองดวงหน้าที่ตื่นเต้นดีใจของโจวเสี่ยวเจีย แล้วพูดอย่างเสียไม่ได้ว่า “โจวเสี่ยวเจีย เธอโชคดีจริงๆ!”
ศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวนโด่งดังมากในวงการบันเทิง เด็กฝึกที่ได้รับการฝากฝังมามีมากมาย มักมีดาราไอดอลเข้ามาให้คำชี้แนะและให้กำลังใจศิลปินในสังกัดของตนเอง แม้กระทั่งศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์ก็เคยมาเยี่ยมเยียนที่นี่
ลู่เฉินไม่ใช่ศิลปินชื่อดังคนแรกที่ถูกเด็กฝึกขวางทางเพื่อขอคำชี้แนะ แต่ปกติมักไม่ค่อยสำเร็จเท่าไร แท้จริงแล้วเหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก เพราะซูเปอร์สตาร์เหล่านั้นถูกคนรบกวนจนเคยชินแล้ว หากรับปากส่งๆ ไป อนาคตจะเดือดร้อนได้
อีกอย่างคนที่มาขอคำแนะนำอาจจะเป็นฝ่ายตรงข้ามของตัวเอง แบบนี้จะไม่เป็นการทำเรื่องโง่หรอกหรือ
ดังนั้นเจนนิเฟอร์ถึงบอกว่าโจวเสี่ยวเจียโชคดีมาก ที่ได้เจอกับลู่เฉิน
เด็กฝึกคนอื่นที่แอบดูอยู่ตกตะลึงอ้าปากค้าง ใครก็คิดไม่ถึงว่าโจวเสี่ยวเจียจะขอให้ลู่เฉินช่วยชี้แนะได้สำเร็จ น่าหมั่นไส้น่าอิจฉาที่สุด!
ลู่เฉินเป็นใคร เขาคือนักแต่งเพลงในวงการเพลงป็อบที่กำลังโดดเด่น อย่าว่าแต่ชื่อเสียงของตัวเขาเอง เขายังใช้ผลงานเพลงทำให้ศิลปินโด่งดังมาแล้วสองวง และตอนนี้ก็กำลังช่วยสร้างวงเสียวหู่ถวนอยู่
เบื้องหลังของวงเสียวหู่ถวนมีเส้นสายที่พวกเขาเอื้อมไม่ถึง จึงทำได้แค่อิจฉาแต่ไม่ริษยา แต่โจวเสี่ยวเจียเป็นใคร ในบรรดาเด็กฝึกด้วยกันเธอเป็นแค่ระดับปลายแถว
เธอมีโอกาสที่จะได้รับความสนใจจากลู่เฉิน ทำให้ทุกคนอิจฉาตาร้อน
บางคนเริ่มพิจารณาแล้วว่าตัวเองควรจะเอาอย่างเธอสักหน่อยดีไหม
ในศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวนมีห้องอัดเสียง แม้ขนาดและอุปกรณ์จะเทียบไม่ได้กับห้องอัดมืออาชีพ แต่ดีกว่าระดับคาราโอเกะแน่นอน เอาไว้ทดลองฟังเพลงแค่นี้ก็พอแล้ว
ในห้องอัดเสียงนี้ โจวเสี่ยวเจียร้องเพลง ‘รักคือฟองใจ’ ให้ลู่เฉินและคนอื่นๆ ฟัง
เพลงนี้เป็นเพลงของเฉินเฟยเอ๋อร์ เป็นหนึ่งในเพลงรักอันเศร้าสร้อยไม่กี่เพลงของราชินีคนสวย และเคยโด่งดังเมื่อครั้งหนึ่ง
ลู่เฉินไม่รู้ว่าทำไมโจวเสี่ยวเจียถึงเลือกเพลงนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีทางถ่ายทอดอารมณ์รักและความหมายที่ลึกซึ้งในเนื้อเพลงออกมาได้ แม้การปรับจังหวะหายใจจะไม่มีปัญหา แต่ไม่อาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกเข้าถึงอารมณ์เพลงได้เท่าเพลงต้นฉบับ
โจวเสี่ยวเจียร้องจบแล้วรู้สึกได้ถึงปัญหาของตัวเอง จึงก้มโค้งแสดงความขอโทษ “ขอโทษอาจารย์ลู่เฉินด้วยค่ะ หนูไม่…”
ลู่เฉินโบกมือตัดบทคำขอโทษของโจวเสี่ยวเจีย แล้วบอกให้เธอออกมา
“เลยปีใหม่ไปแล้วเธอให้บริษัทเอเจนซี่ของเธอติดต่อสตูดิโอของฉัน แล้วเราค่อยคุยกัน”
เขาบอกกับโจวเสี่ยวเจียว่า “เธอต้องพยายามให้มากๆ นะ”
โจวเสี่ยวเจียที่คิดว่าตัวเองหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว พลันหลั่งน้ำตาหยดใสราวคริสตัล
เธอโค้งบอกขอบคุณลู่เฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ขอบคุณอาจารย์ลู่เฉิน ขอบคุณค่ะ!”
ลู่เฉินยิ้ม “เธอไปเถอะ”
รอจนโจวเสี่ยวเจียที่ขอบคุณไม่หยุด จากไปแล้ว เจนนิเฟอร์มองลู่เฉินด้วยสายตาแปลกประหลาด
ลู่เฉินรู้ว่าเธอเข้าใจผิด แต่ไม่ได้อธิบาย
ลู่เฉินให้โอกาสโจวเสี่ยวเจีย เพราะตัวโจวเสี่ยวเจียมีความสามารถเฉพาะตัวที่โดดเด่นจนทำให้เขาประทับใจ ไม่มีอย่างอื่น เจนนิเฟอร์น่าจะคิดผิดไปแล้ว
ตอนที่ออกจากศูนย์ศิลปะซิงหยวน เจนนิเฟอร์ส่งลู่เฉินออกมา แล้วจู่ๆ เธอก็พูดอย่างจริงจังว่า “ลู่เฉิน ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดี”
พูดจบ ไม่มีคำเสริมเติมท้ายใดๆ แต่ลู่เฉินกลับเข้าใจความหมาย
เขาหลุดยิ้มออกมา
……………………………………………………………………………………