ตอนที่ 297 เล่นใหญ่แล้ว!
เรตติ้งตอนจบของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ทะลุ 3% คนที่ทั้งตื่นเต้นและหดหู่มากที่สุดคือสถานีโทรทัศน์ไห่จิน
เหตุที่ตื่นเต้นไม่ต้องพูดถึง อาศัยแค่ละครต้นทุนต่ำแนวความรักของคนเมืองที่มีความยาวยี่สิบตอนเรื่องนี้ ก็ทำให้สถานีโทรทัศน์ไห่จินที่มีบทบาทเป็นเพียงตัวประกอบมาตลอดเอาชนะเพื่อนร่วมวงการได้สักที ได้เชิดหน้าชูตาอยู่ตั้งสองเดือน ถึงต้องจ่ายเงินตามสัญญาเดิมพัน ก็ยังได้รายรับมหาศาล
ส่วนเหตุผลที่หดหู่คือ พอละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ฉายจบ สถานีโทรทัศน์ไห่จินก็กลับไปสู่วิถีแบบเดิมอีกครั้ง
ไม่มีรายการวาไรตี้ที่มีคุณภาพ ขาดละครที่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้ สถานีโทรทัศน์ไห่จินเดิมทีสู้ช่องสองช่องสามของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งก็ยังไม่ได้ ไม่มีหน้ามีตากับเขาบ้างเลย
กว่าจะได้เกาะต้นเงินต้นทองอย่างในตอนนี้นั้นไม่ง่ายเลย สถานีโทรทัศน์ไห่จินมีหรือจะยอมปล่อยมือง่ายๆ ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จบลง แต่ผู้จัดและนักแสดงหลักยังอยู่ ไม่รีบคว้าตัวไว้รออะไร
ดังนั้นในบล็อกแสดงความยินดี สถานีโทรทัศน์ไห่จินจึงชื่นชมยกย่องกระทั่งยกยอลู่เฉินเป็นการใหญ่ ทั้งยังลามไปถึงเฉินเฟยเอ๋อร์ด้วย
เฉินเฟยเอ๋อร์เห็นแล้วยิ้มไม่หุบ
ขณะเดียวกัน ทางสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงก็ไม่รอช้ารีบกระโดดออกมา บล็อกทางการของสถานีโทรทัศน์ทั้งสองแห่งประกาศพร้อมกันว่าจะฉายเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ อีกครั้งในสัปดาห์นี้
สิทธิ์ในการออกอากาศซ้ำของเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ขายออกไปแต่แรกแล้ว โดยมีสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงได้สิทธิ์ร่วมกัน เมื่อเห็นว่าสถานีโทรทัศน์ไห่จินที่ได้สิทธิ์ในการออกอากาศครั้งแรกได้กินเนื้อชิ้นโต ทั้งสองต่างก็ทนไม่ได้แล้ว
ละครโทรทัศน์ระดับปรากฏการณ์เรื่องหนึ่ง หากนำมาฉายซ้ำต้องได้เรตติ้งไม่น้อยแน่นอน อีกอย่างละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไม่ได้โปรโมตล่วงหน้ามากนัก เรตติ้งของตอนแรกๆ จึงยังไม่สูง เช่นนั้นตอนนี้แฟนคลับและคนดูจำนวนมากต้องอยากดูอีกครั้งแน่นอน สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งกับสถานีโทรทัศน์เจ้อตงย่อมต้องรีบตีเหล็กตอนร้อน
สำหรับการปั่นกระแสของสถานีโทรทัศน์เหล่านี้ ลู่เฉินไม่ได้สนใจนัก เขากลับไปที่บล็อกของตัวเอง เปิดดูคอมเมนต์ใต้กลอน ‘ระยะห่างที่ไกลที่สุดในโลก’
เมื่อผ่านการบ่มเพาะมาช่วงหนึ่ง บทกลอน ‘ระยะห่างที่ไกลที่สุดในโลก’ ก็ได้ขึ้นเป็นหัวข้อยอดนิยมในหน้าแรกของบล็อกล่างฉาวไปแล้ว กลายเป็นประเด็นสนทนาที่กำลังมาแรงของวันนี้
จำนวนคอมเมนต์มากกว่าล้านข้อความ มีการแชร์ต่อหลายแสนครั้ง เป็นช่วงเวลาที่กำลังร้อนแรงอย่างแท้จริง
ในบรรดาคอมเมนต์จำนวนมาก ชาวเน็ตส่วนใหญ่ล้วนมีท่าทีชื่นชมและชื่นชอบบทกลอนที่ลู่เฉินเขียน ดูจากยอดการกดไลก์ก็สามารถรับรู้ได้
แต่ย่อมไม่ขาดความเห็นแย้งกระทั่งเสียงเคลือบแคลงใจ มีไม่น้อยที่มาจากผู้ใช้บัญชีทางการ
“คนพวกนี้…”
เฉินเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายลู่เฉินเห็นคอมเมนต์เหล่านั้นแล้วโมโห “มีแต่ชอบพูดอะไรไม่น่าฟัง ถ้าตัวเองเก่งจริงเขียนกลอนดีๆ สักบทออกมาให้คนวิจารณ์บ้างสิ!”
เธอเข้าวงการมาสิบกว่าปี คุ้นชินกับคำวิจารณ์เสียหายจนเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นคำชมหรือการโจมตีล้วนรับมือได้อย่างใจเย็น แต่เมื่อเป็นลู่เฉินเธอกลับทนไม่ไหว “แบบนี้คือไม่อยากเห็นคนอื่นดีกว่า!”
ลู่เฉินหลุดขำ สัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงที่เฉินเฟยเอ๋อร์มีให้กับเขา
คิดแล้ว เขาก็เลื่อนเม้าส์ไปคลิกที่ช่องเขียนบล็อก เตรียมโพสต์บล็อกใหม่
เฉินเฟยเอ๋อร์คิดว่าเขาอยากจะตอบโต้คนที่โจมตี จึงบอกว่า “ไม่ต้องไปสนใจคนพวกนั้น…ยิ่งนายตอบโต้ไปมากเท่าไร พวกเขายิ่งได้ใจ ใช้นายไปสร้างกระแส!”
อุบายพวกนี้เป็นลูกไม้เก่าในวงการบันเทิง ยิ่งในบล็อกยิ่งมีให้เห็นกันจนชินตาไม่มีอะไรแปลกใหม่
ถ้าลู่เฉินโมโหตาม ก็จะตกหลุมพรางเอาได้
ลู่เฉินส่ายหน้า “ไม่เกี่ยวกับพวกเขาหรอก ผมเตรียมจะประกาศเรื่องหนึ่งเท่านั้น”
เรื่องนี้เขาคิดมานานแล้ว ตอนนี้ควรจะประกาศออกไป
ลู่เฉินประกาศการตัดสินใจเรื่องสำคัญของตัวเองออกไปผ่านทางบล็อกล่างฉาว เขาจะบริจาครายได้สิบล้านหยวนที่ได้จากละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ โดยจะจัดตั้งกองทุนการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ไม่มีค่ารักษาโดยเฉพาะ!
ความคิดนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาเขียนบทละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เพียงแต่ตอนนั้นเงื่อนไขบางอย่างยังไม่สุกงอม แต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว เขาสามารถทำตามความคิดให้บรรลุผลสำเร็จได้แล้ว
เมื่อบล็อกถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้รับการตอบรับจากคนจำนวนมากทันที
“สนับสนุนเต็มที่!”
“คนทำดีย่อมได้ดี สนับสนุนลูกพี่ลู่เฉิน!”
“วงการบันเทิงต้องการพลังเชิงบวก ขอให้ผมได้พูดสักคำ…ทำได้ดี!”
“รับบริจาคด้วยไหม ฉันอยากบริจาคเงินเดือนสักเดือนหนึ่ง”
“น่าซาบซึ้งใจจริงๆ ถ้าดาราทุกคนเป็นแบบลู่เฉิน โลกนี้ก็จะยิ่งสวยงาม!”
“ฉันอยากจะยกเงินอั่งเปาปีใหม่ไปบริจาคด้วย!”
“ซึ้งใจ…”
ตอนนี้เสียงครหาเคลือบแคลงใจหายไปจนหมดสิ้น ดาราทำบุญการกุศลไม่ได้เป็นข่าวมานานแล้ว แต่อย่างลู่เฉินที่บริจาคเงินสิบล้านเพื่อจัดตั้งกองทุนขึ้นมาโดยเฉพาะนั้น มีให้เห็นไม่มาก
ไม่มีใครสงสัยในความจริงใจของลู่เฉิน เพราะเขาประกาศในบล็อกล่างฉาว คนเป็นพันเป็นหมื่นล้วนเป็นพยาน ถ้าละเมิดคำสัญญาก็เท่ากับทำลายอนาคตตัวเอง
เมื่อเห็นลู่เฉินประกาศเช่นนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์ตกตะลึง จากนั้นเธอแย่งโน้ตบุ๊กไปจากมือลู่เฉิน แล้วล็อกอินไอดีของตัวเอง
หลังจากลู่เฉินประกาศออกไปไม่กี่นาที เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ได้ลงบล็อกเนื้อหาคล้ายกันตามมา
เธอประกาศว่าเธอเองก็จะบริจาคเงินสิบล้านเข้ากองทุนการกุศลนี้ด้วย!
โครงการการกุศลที่ยังไม่ได้จดทะเบียน และยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการโครงการนี้ ได้เงินเข้ามาถึงยี่สิบล้านภายในพริบตา ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวในบล็อกในครู่ต่อมา
จริงๆ แล้วเงินบริจาคการกุศลยี่สิบล้านไม่ถือว่ามาก เงินทุนเท่านั้นน้อยนัก เทียบไม่ได้กับมูลนิธิการกุศลที่มีเงินทุนหลายร้อยหลายพันล้าน
แต่กลุ่มผู้จัดตั้งกับผู้บริจาคนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ผลกระทบจึงทวีคูณมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว!
“อา เป็นสุดยอดคู่รักของวงการบันเทิงจริงๆ ด้วย สนับสนุนเฉินเฟยเอ๋อร์ สนับสนุนเอินซีของพวกเรา!”
“อืม จวิ้นซีกับเอินซี!”
“ฮ่าๆ นี่ใช่ผัวร้องเมียร้องตามหรือเปล่า แต่ฉันชอบนะ!”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ขอแค่เรื่องนี้ ฉันขอประกาศว่าต่อจากนี้ไปจากคนธรรมดาจะกลายเป็นแฟนคลับตัวยง!”
“โอ้โห เป็นคู่รักจริงๆ ด้วย พวกนายว่าข่าวลือของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จริงหรือเปล่า”
“ไม่ว่าจริงหรือหลอก คนทำดีก็คือคนดี!”
แฟนคลับในบล็อกล่างฉาวของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์รวมกันมากกว่าสามสิบล้านคน แม้จะมีแฟนคลับทับซ้อนกันเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ
บล็อกของทั้งสองถูกแชร์ต่อ จนได้รับเสียงชื่นชมและการสนับสนุนนับไม่ถ้วน
ผลปรากฏว่าภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมง มีดาราและศิลปินในวงการบันเทิงไม่น้อยที่ออกมาแสดงความจำนงว่าจะเข้าร่วมบริจาคในโครงการการกุศลครั้งนี้ด้วย ยอดเงินบริจาคมีตั้งแต่หลายหมื่นจนถึงหลายแสน
ในหมู่คนที่บริจาคมีเพื่อนที่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์มีร่วมกันอย่างถานหง เลี่ยวเจี่ย พี่หลี เถียนเถียน…
เดิมทีนี่เป็นเพียงความคิดและการตัดสินใจของลู่เฉินเพียงคนเดียว แต่คนในวงการบันเทิงกลับมีท่าทีอยากเข้าร่วมด้วย!
นี่เป็นเรื่องที่ลู่เฉินคาดไม่ถึง
ตอนนี้กลายเป็นเล่นใหญ่แล้ว!
………………………………………………………………………………