บทที่ 208 ยอดสมบัติมรรคจักรพรรดิ ความหวังของโจวฝาน
ขณะมองตัวเลือกตรงหน้า หานเจวี๋ยไม่ได้ตัดสินใจทันที แต่กลับฟังสวินฉางอันระบายความทุกข์ต่อ
เรื่องเล่าก็ธรรมดาเช่นนั้นเอง
เชี่ยนเอ๋อร์กลับชาติมาเกิด ภายใต้การคุ้มครองของสวินฉางอัน เชี่ยนเอ๋อร์เข้าสำนักหนึ่งได้อย่างราบรื่น แต่กลับไปชอบชายอีกคนเข้า
หลังจากสวินฉางอันรู้เรื่องนี้ก็เจ็บปวดใจถึงขีดสุด แต่เพื่อรักแท้ เขาได้แต่ส่งคำอวยพรให้ จากนั้นก็ปกป้องเชี่ยนเอ๋อร์ต่อไป
ต่อมาสามีของเชี่ยนเอ๋อร์รู้เรื่องนี้เข้าก็นึกถึงแต่สวินฉางอันอยู่ตลอด จึงให้เชี่ยนเอ๋อร์เรียกเอาจากสวินฉางอันต่างๆ นานา
ตอนแรกสวินฉางอันไม่รู้สึกตัว ยังคงเป็นมู่หรงฉี่เช่นเคยที่ค้นพบเรื่องนี้ สวินฉางอันไม่ได้โกรธแค้น แต่เศร้าโศกเสียใจมาก
มู่หรงฉี่ทนไม่ไหวจึงสั่งสอนสามีของเชี่ยนเอ๋อร์ไป ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งพบกับเจ้าหมอนั่น เขาก็ตายเสียแล้ว
ตอนนั้นมู่หรงฉี่มึนงงไปหมด
เขาสาบานว่าตนเองไม่ได้ใช้พลังเลยจริงๆ
เชี่ยนเอ๋อร์เกลียดชังมู่หรงฉี่กับสวินฉางอันอย่างถึงที่สุด ต่อมาจึงแต่งงานกับผู้บำเพ็ญสายมารเพื่อแก้แค้น ทว่าทั่วหล้าในขณะนี้ ไหนเลยจะมีผู้บำเพ็ญสายมารที่เป็นคู่ต่อสู้ของมู่หรงฉี่ได้?
ผู้บำเพ็ญสายมารมาหนึ่งคน มู่หรงฉี่ก็สังหารไปหนึ่งคน
เชี่ยนเอ๋อร์แต่งงานใหม่อยู่ตลอด ความเกลียดชังที่มีต่อสวินฉางอันก็ฝังลึกไม่หยุด จนกระทั่งถูกผู้บำเพ็ญสายมารลอบตลบหลัง ชิงเอาพลังชีวิตไป ทำให้แก่ชราลงภายในชั่วข้ามคืน ตบะก็สูญสิ้น
หานเจวี๋ยฟังแล้วแอบตกใจกับตัวเอง
‘นี่มันช่าง… ไร้เหตุผลสิ้นดี!’
แต่พอคิดดูอีกที หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
‘สมองของเชี่ยนเอ๋อร์ถูกลาเตะเข้าหรือ ยอมแต่งกับผู้บำเพ็ญสายมาร ทำให้ตัวเองตกต่ำ แต่ไม่ยอมอยู่กับสวินฉางอัน?
ยังมีอีก ก่อนหน้านั้นพอมู่หรงฉี่พบกับสามีของเชี่ยนเอ๋อร์ อีกฝ่ายก็ตายเลย
หรือจะมีพุทธาเทพแอบบงการอยู่?’
“อาจารย์…ข้าไม่อยากรักอีกแล้วจริงๆ…ข้าไม่อยากพะวงหาเชี่ยนเอ๋อร์อีก…ข้าไม่อยากแล้ว…
เหตุใดในใจข้าถึงราวกับมีจิตมารปรากฏ มักจะมีทุกอิริยาบถของนางโผล่ขึ้นมา ข้าฝ่าด่านเคราะห์แล้ว เหตุใดถึงมีจิตใจที่ดื้อรั้นหัวแข็งกว่ามนุษย์ทั่วไป”
สวินฉางอันกล่าวอย่างหมดหวัง ลูกตาของเขากลายเป็นสีทองไปแล้ว
เขาเริ่มสงสัยว่าตนเองไม่ได้ชอบเชี่ยนเอ๋อร์จริงๆ แต่ว่าเป็นคำสาปชนิดหนึ่ง เป็นเคราะห์ประเภทหนึ่ง
หานเจวี๋ยตกอยู่ในความลังเล
พอเห็นสวินฉางอันเจ็บปวดเช่นนี้ หานเจวี๋ยไม่อาจเลือกตัวเลือกที่หนึ่งได้
เลือกขัดขวางสวินฉางอันจะทำให้ปัญหาของตนเองลดน้อยลง แต่สวินฉางอันจะเจ็บปวดไปตลอด
‘ข้ากำลังกลัวอะไรอยู่ เสียงหลงฝัวสู้ข้าไม่ได้ แม้ว่าสำนักพุทธจะมีพุทธาเทพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า เบื้องหลังของข้าก็ยังมีวังสวรรค์อยู่ เดิมทีวังสวรรค์กับสำนักพุทธก็เป็นปรปักษ์กันอยู่แล้ว’
หานเจวี๋ยดวงตาเป็นประกาย เขาตัดสินใจแล้ว
เขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมา นิ้วชี้แตะลงบนหน้าผากของสวินฉางอัน
สวินฉางอันอึ้งงัน ไม่เข้าใจว่าหานเจวี๋ยจะทำอะไร
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างสงบ “เรื่องนี้ไม่อาจโทษเจ้าได้จริงๆ ความจริงแล้วเจ้าเจอเคราะห์รัก”
เคราะห์รัก?
สวินฉางอันตื่นตกใจ ยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก พลังเวทที่ทรงอานุภาพของหานเจวี๋ยก็พุ่งเข้าไปในร่างของเขาแล้ว พลังจิตเข้าไปในส่วนลึกวิญญาณของสวินฉางอันโดยตรง
ภายในส่วนลึกของวิญญาณสวินฉางอัน พระธาตุกำลังสั่นอย่างรุนแรง แผ่พลังลึกลับออกมาโจมตีวิญญาณของเขาอยู่ไม่หยุด
พระธาตุกำลังต่อต้านเคราะห์รัก!
หานเจวี๋ยใช้พลังจิตเข้าช่วย
ผ่านไปเนิ่นนาน หานเจวี๋ยถึงจะดึงมือกลับ สวินฉางอันหลับตาเข้าฌาน
ความทรงจำในอดีตชาติเริ่มฟื้นคืนมา!
ตัวอักษรสามแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย
[ท่านเลือกช่วยให้สวินฉางอันหลุดพ้นจากเคราะห์รัก ได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับยอดสมบัติมรรคจักรพรรดิ–กำไลเบญจธาตุวัชระ]
[กำไลเบญจธาตุวัชระ: ยอดสมบัติป้องกันมรรคจักรพรรดิ สามารถรับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนได้หนึ่งครั้ง ดูดซับไอเซียนห้าธาตุได้]
ยอดสมบัติป้องกันมรรคจักรพรรดิ?
รับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนได้หนึ่งครั้ง!
หานเจวี๋ยตื่นเต้นดีใจ
‘สมบัติดีนี่! ครั้งนี้ได้กำไรไม่น้อยเลย!’
จากนั้นหานเจวี๋ยลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าหลงเฮ่า กล่าวด้วยว่า “อยากเรียนพลังวิเศษอะไร”
หลงเฮ่าตอบด้วยความตื่นเต้น “ย่อมเป็นพลังวิเศษที่แกร่งที่สุด!”
หานเจวี๋ยเผยรอยยิ้มออกมา
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ่ายทอดวิชากระบี่บินไร้หัวใจให้ก็แล้วกัน!
แค่กๆ!
หานเจวี๋ยแค่คิดเท่านั้น ไม่กล้าทำเช่นนี้จริงๆ
เขาตัดสินใจถ่ายทอดดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพให้กับหลงเฮ่า
……
หลายวันต่อมา
หานเจวี๋ยชี้แนะเสร็จสิ้น สวินฉางอันก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
เขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ผิวหน้าเริ่มลอกออก ใบหน้าที่อัปลักษณ์กลายเป็นใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างยิ่ง เป็นรองแค่หานเจวี๋ยเท่านั้น
ทำให้คนทั้งหลายต่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
“อาจารย์ถูกยึดร่างหรือ”
“ศิษย์พี่ ท่านยังสบายดีอยู่หรือไม่”
“หลวงจีนอัปลักษณ์กลับหล่อเหล่าขึ้นมา?”
“นายท่าน เขาเป็นอะไรไป”
ผู้คนเข้ามาห้อมล้อมสวินฉางอัน หานเจวี๋ยไม่ได้ตอบคำถาม แต่หมุนตัวกลับเข้าไปในถ้ำเทวา
สวินฉางอันลืมตาขึ้นมา ลูกตาเปลี่ยนเป็นสีทอง ผิวขาวผุดผ่อง หล่อเหลาสง่างาม เป็นหลวงจีนที่น่าหลงใหลรูปหนึ่ง
มู่หรงฉี่ตระหนกตกใจมากที่สุด
‘นี่มัน…’
คนเดียวที่คิ้วขมวดก็คือฉู่ซื่อเหริน
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของสวินฉางอัน เขารู้สึกวุ่นวายใจอย่างน่าประหลาด
สวินฉางอันลุกขึ้นไปคุกเข่าคารวะหานเจวี๋ย
การคารวะนี้เขาคารวะจากใจจริง
แม้ว่าจะฟื้นคืนความทรงจำในอดีตชาติมาแล้ว เขาก็ยังยินดียอมรับอาจารย์ท่านนี้
‘ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าไม่เกี่ยวข้องกับสำนักพุทธอีก เคารพแค่อาจารย์เท่านั้น’
สวินฉางอันคิดด้วยแววตาแน่วแน่
อักษรแถวหนึ่งลอยขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
[ความประทับใจที่สวินฉางอันมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 6 ดาว]
หานเจวี๋ยปลื้มปีติ
นี่แหละคือศิษย์ที่ดี รู้จักบุญคุณคน
หานเจวี๋ยไม่เชื่อคำสัญญาด้วยลมปาก เชื่อแต่ระดับความประทับใจเท่านั้น
ครั้นกลับเข้ามาในถ้ำเทวา หานเจวี๋ยนำกำไลเบญจธาตุวัชระออกมาตีตราเป็นเจ้าของ
[เสียงหลงฝัวเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]
[พุทธาเทพฟ้าพิโรธเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]
ในที่สุดก็มาแล้ว!
หานเจวี๋ยตรวจดูข้อมูลของพุทธาเทพฟ้าพิโรธทันที
[พุทธาเทพฟ้าพิโรธ: ไม่ทราบตบะ พุทธาเทพสำนักพุทธ เจ้านายในอดีตชาติของโสมวิญญาณบรรพกาล คำนวณพบว่าท่านช่วยขจัดเคราะห์รักให้กับโสมวิญญาณบรรพกาล จึงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]
‘ไม่ทราบตบะ? เช่นนั้นก็เป็นจักรพรรดิเซียน! มิน่าล่ะเคราะห์รักนี้ถึงได้กำจัดยากเย็นเช่นนี้’
หานเจวี๋ยคิดอยู่เงียบๆ
หลังจากกำไลเบญจธาตุวัชระยอมรับเจ้าของแล้ว หานเจวี๋ยก็รีบนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสาปแช่งพุทธาเทพฟ้าพิโรธ
ตั้งแต่นี้ไป ในรายการสาปแช่งจะมีชื่อเพิ่มมาสองชื่อ
เมื่อถือโอกาสสาปแช่งศัตรูทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อตี้ไท่ไป๋ แสร้งทำเป็นสอบถามว่าพุทธาเทพฟ้าพิโรธคือใคร
“หนึ่งในพุทธาเทพของสำนักพุทธ ตัวตนระดับจักรพรรดิเซียน เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร” ตี้ไท่ไป๋ถามอย่างประหลาดใจ
หานเจวี๋ยตอบกลับ “ข้าถูกเขาคุกคามในฝัน บอกว่าจะสังหารข้า”
ถึงอย่างไรก็เป็นศัตรูกัน จะโกหกอย่างไรก็ไม่เป็นไร!
ตี้ไท่ไป๋พูดเสียงขรึม “เรื่องนี้ข้าจะรายงานจักรพรรดิสวรรค์เอง เจ้าไม่ต้องกังวล!”
“ได้”
หลังจากป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ตัดการติดต่อ หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อไป
การทะลวงถึงระดับเซียนลึกล้ำวัฏจักรระยะปลายโดยเร็วต่างหากถึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
……
ภายในโถงใหญ่สีทองแห่งหนึ่ง มีกระถางสำริดยักษ์ตั้งอยู่หนึ่งใบ เงาร่างหนึ่งลอยอยู่เหนือกระถางสำริด ผมยาวสยาย เรือนร่างเปลือยเปล่า กล้ามเนื้อบึกบึน ราวกับเป็นสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์
นั่นคือโจวฝาน!
เบื้องหน้ากระถางสำริดมีนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาลูบหนวดพลางยิ้มกล่าว “ไม่เลว ไม่เลว สามารถทนความเจ็บปวดเช่นนี้ได้ กล่าวในอีกความหมายหนึ่ง เจ้าก็นับว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์เช่นกัน”
โจวฝานใบหน้าบิดเบี้ยว เขากัดฟันกล่าว “อีกนานเท่าใด”
“ยังเร็วไป ยืนหยัดไว้ ขอแค่อดทนผ่านไปได้ เจ้าก็จะสำเร็จระดับเซียน”
“ระดับเซียนต่างจากแม่ทัพสวรรค์และทหารสวรรค์อย่างไร”
“ย่อมเหนือกว่าทหารสวรรค์ ส่วนแม่ทัพสวรรค์นั้น พลังแท้จริงแตกต่างกัน ไม่อาจสรุปกว้างๆ ได้”
พอได้ยิน โจวฝานก็เผยสีหน้าดีใจออกมา
ตั้งแต่หานเจวี๋ยเอาชนะแม่ทัพสวรรค์และทหารสวรรค์ได้ เขาก็ยึดแม่ทัพสวรรค์ทหารสวรรค์เป็นเป้าหมายมาโดยตลอด
ในที่สุดเขาก็ตามหานเจวี๋ยทันแล้ว!
……………………………………….