บทที่ 217 ระดับเซียนทองวัฏจักร!
“เป็นอะไรไป วังสวรรค์กำลังจะล่มสลายหรือ”
หานเจวี๋ยเอ่ยถามอย่างประหม่า เพียงเพราะเขาฆ่าบุตรจักรพรรดิปีศาจเนี่ยนะ
ตี้ไท่ไป๋กล่าวว่า “นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร!”
หานเจวี๋ยรอให้เขาพูดต่อไป
ทว่า จู่ๆ เจ้าหมอนี่ก็เงียบไป
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
‘ตี้ไท่ไป๋เป็นอะไรไป
ตัดการเชื่อมต่อแล้ว?
คลื่นของวังสวรรค์ติดขัดขนาดนี้เชียวหรือ’
ผ่านไปสักพัก ตี้ไท่ไป๋ถอนหายใจอีกครั้ง กล่าวว่า “ไม่รู้ทำไมวังเทพถึงเริ่มเปิดศึกกับเผ่าเทพอีกาทอง วังปีศาจและสำนักพุทธเป็นพันธมิตรกันอีกครั้ง วังสวรรค์จะตกอยู่ในสภาวะถูกกระทำ ช่วงระยะเวลาต่อมา วังสวรรค์จะค่อนข้างยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ว่าไม่เป็นไร ระดับเช่นนี้ในกาลเวลาเนิ่นนานก็ไม่ใช่ครั้งแรก”
หานเจวี๋ยอดคร่ำครวญถึงวังสวรรค์อย่างเงียบๆ ไม่ได้
ไม่ง่ายเลยกว่าจะทาบทามเส้นสายอย่างวังเทพได้ แต่วังเทพถึงกับปลุกปั่นเผ่าเทพอีกาทอง
บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับวังปีศาจ
แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ได้อยู่ในการควบคุมของหานเจวี๋ย
“จักรพรรดิปีศาจคงไม่มาหาเรื่องข้าหรอกกระมัง” หานเจวี๋ยเอ่ยถาม
ตี้ไท่ไป๋กล่าว “บุตรแห่งจักรพรรดิปีศาจมีมากมาย แต่รัชทายาทเทียนเจ๋อไม่โดดเด่น จักรพรรดิปีศาจค่อนข้างไม่พอใจเขา จักรพรรดิปีศาจจะไม่พรวดพราดโผล่มาง่ายๆ วังปีศาจและสำนักพุทธเองก็ไม่มีทางที่จะเชื่อใจกันตลอดไป ขอเพียงเจ้าไม่ออกจากโลกเมฆาแดง ไม่ออกจากอาณาเขตวังสวรรค์ก็พอ”
หานเจวี๋ยอดที่จะค่อนแคะไม่ได้ “นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ร้อยปี เป็นคนที่สองแล้วที่ต้องการชำระล้างโลกเมฆาแดง วังสวรรค์ไม่มีหน่วยลาดตระเวนใช่หรือไม่”
“มีสิ หลังจากนี้เราจะส่งแม่ทัพสวรรค์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป”
“มหาจักรพรรดิเหยียนจวินเล่า หาพบหรือยัง”
“หาพบแล้ว กำลังรักษาอาการบาดเจ็บ”
“เช่นนั้นก็ดี”
หานเจวี๋ยไม่ได้ถามให้มากความว่ามหาจักรพรรดิเหยียนจวินเป็นอะไร เขาเป็นเพียงคนเล็กจ้อยไร้ชื่อ ไม่อยากพัวพันมากเกินไป
ตี้ไท่ไป๋ไม่ได้พูดคุยต่อ หลังจากตัดสัญญาณพลังจิต หานเจวี๋ยก็เริ่มเข้าฌานฝึกบำเพ็ญ
ไม่ว่าอย่างไร การพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองถึงจะสำคัญ
หานเจวี๋ยคิดเช่นนั้น
ในชีวิตมนุษย์ ชีวิตก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนเช่นนี้แหละ
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนเองเก็บตัวถ่อมตนมากพอแล้ว แต่ก็ยังประสบปัญหาเข้าจนได้
หากเขาสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ ไม่แน่ว่าอาจจะพบกับปัญหามากกว่านี้
ไม่มีผู้ใดสามารถไกลห่างจากทางโลกได้อย่างสิ้นเชิง และยิ่งไม่มีผู้ใดสามารถมีชีวิตที่สงบสุขไปได้ทั้งชาติ
ตั้งมั่นในมรรคจิต!
เพียงฝึกบำเพ็ญตามหนทางที่ผ่านมา!
…
วสันต์ผันผ่านยามสารทมาเยือน
ผ่านไปอีกสี่สิบปี
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงถึงระดับเซียนลึกล้ำวัฏจักรขั้นสมบูรณ์!
ระดับเซียนทองอยู่ตรงหน้าแล้ว!
ในใจหานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้น
การทะลวงระดับครั้งนี้ เขาก็เฝ้ารอมาเนิ่นนาน นานกว่าการฝ่าด่านครั้งใดๆ
หลังจากทะลวงระดับแล้ว หานเจวี๋ยก็รีบหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาทันที เริ่มต้นเฉลิมฉลอง
ในเวลาเดียวกัน เขาตรวจดูจดหมาย ด้วยอยากรู้สถานการณ์ของเหล่าสหายในหลายปีที่ผ่านมานี้
[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าเทพอีกาทอง] x12098
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x167782
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x237644
[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย หมู่เกาะเซียนมังกรเผชิญกับภัยพิบัติหนาวสะท้านที่ยากจะได้พบในรอบหลายหมื่นปี]
[โจวฝานสหายของท่านมุมานะอุตสาหะ มาถึงหมู่เกาะเซียนนัดสหาย]
[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านหยั่งรู้แก่นแท้ฟ้าดิน ปลุกพลังมหามรรคประจำตัว]
[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการล้อมโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ] x15
[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านฆ่าสังหารจักรพรรดิเซียน ดวงชะตาเพิ่มพูน]
…
หานเจวี๋ยไล่อ่านลงมา เห็นว่าแดนบำเพ็ญค่อนข้างสงบสุข ทว่าแดนเซียนนั้นวุ่นวายจริงๆ
‘วังสวรรค์และวังปีศาจเริ่มเปิดศึกทำสงครามกันจริงๆ แล้ว ซ้ำยังเป็นศึกใหญ่!
นี่มันเกิดจริงยิ่งกว่ามหาอริยะผิงเทียนบุกอาละวาดวังสวรรค์ก่อนหน้านี้เสียอีก
ยอดแม่ทัพเทพโหดร้ายเช่นเคย ถูกจักรพรรดิเซียนสิบห้าองค์ล้อมไว้ ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นยังสามารถโจมตีโต้กลับ’
หานเจวี๋ยสาปแช่งต่อไป หลังจากนั้นหลายเดือน ในที่สุดการสาปแช่งก็จบลง
เขาตั้งมั่นตบะต่อ เตรียมพร้อมการทะลวงระดับ
กล่าวกันว่าเมื่อทะลวงถึงระดับเซียนทองแล้วก็จะสามารถหยั่งรู้ผลกรรม คำนวณโชคชะตาได้ เข้าใกล้สู่ความเป็นอมตะ
หานเจวี๋ยยังคงตั้งตารอคอยระดับเซียนทองมากยิ่งนัก
เมื่อทะลวงถึงระดับเซียนทอง เขาก็อยู่ไม่ไกลจากจักรพรรดิเซียนแล้ว
แน่นอนว่าจักรพรรดิเซียนไม่ใช่เป้าหมายของหานเจวี๋ย
เขาต้องการเหนือกว่าระดับเทพ เหนือกว่าระดับต้าหลัว!
มีเพียงต้องแข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น ถึงจะมีชีวิตต่อไปได้ตลอด
ผ่านไปราวๆ เจ็ดปี
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็เริ่มการทะลวงระดับ
เขาไล่อู้เต้าเจี้ยนออกไป
อู้เต้าเจี้ยนเข้าใจว่าเขากำลังจะทะลวงระดับ จึงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยแต่อย่างใด
เมื่อเหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ใต้ต้นฝูซังเห็นนางออกมา คราแรกพวกเขาไม่ได้สนใจ แต่ยามที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พวกเขาจึงตระหนักได้ว่าหานเจวี๋ยกำลังทะลวงระดับ
มู่หรงฉี่กล่าวอย่างทอดถอนใจ “พรสวรรค์ของอาจารย์ปู่ช่างเหลือเชื่อจริงๆ อดีตชาติและชาตินี้ข้ายังไม่เคยเห็นบุคคลที่มีพรสวรรค์แข็งแกร่งกว่าเขาเลย”
นี่คือความจริง
ภพนี้ยามที่เขามาอยู่กับหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยยังไม่ถึงระดับเซียน
สวินฉางอันกล่าวยิ้มๆ “อันที่จริง ตัวตนของท่านอาจารย์นั้นลึกลับมาโดยตลอด บางทีเขาอาจจะเป็นผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิดของแดนเซียนก็ได้”
ไก่คุกรัตติกาลกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ฮ่าๆๆ นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว นายท่านของข้าต้องน่าทึ่งมากอยู่แล้วสิ!”
“ข้ารู้สึกมาตลอดว่านายท่านหาใช่ธรรมดา” เจ้าใหญ่อีกาทองเอ่ยขึ้น
เจ้ารองก็พยักหน้าตามด้วย พวกมันไม่อาจลืมความน่าสะพรึงในตอนแรกที่ถูกหานเจวี๋ยสยบกำราบไว้ได้
ขณะที่ทุกคนพูดคุยกัน หานเจวี๋ยได้เข้าสู่จุดเชื่อมต่อสำคัญของการฝ่าด่านแล้ว
…
พระราชวังเทียมเมฆา เหล่าเทพเซียนรวมตัวกัน
จักรพรรดิสวรรค์ประทับบนที่นั่งบนสุด สีพระพักตร์ไร้ความรู้สึก
บรรยากาศในห้องโถงมาคุ แม้แต่ยอดแม่ทัพเทพก็ยังสีหน้าอึมครึม
“จักรพรรดิเซียนของวังปีศาจผู้นั้น ไม่มีใครฆ่าได้เชียวหรือ” จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถาม
เหล่าเทพเซียนมองหน้าสบตากัน เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า
เทพยุทธ์จวี้หลิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ฝ่าบาท หรือว่าไม่อาจอัญเชิญเทพเหล่านั้นมาได้”
จักรพรรดิกล่าวอย่างใจเย็น “จักรพรรดิดารายี่สิบสี่คนกำลังเร่งเดินทางกลับมา ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยปราบปรามชายแดนฮุ่นตุ้น จะกลับมาก็ต้องใช้เวลาราวชั่วยาม”
เมื่อเหล่าเทพเซียนได้ยินก็พากันประหลาดใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะต่อสู้กับเขาอีกครั้ง แม้ว่าข้าจะฆ่าเขาไม่ได้ แต่เขาก็อย่าคิดจะฆ่าข้าเช่นกัน” ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยปากกล่าว
เทพเซียนคนอื่นๆ พากันเอ่ยปากทัดทาน
“ไม่ได้นะ ทันทีที่ท่านลงมือ จักรพรรดิเซียนหลายสิบคนในวังปีศาจจะออกมาจากรัง พวกเขาอยากสังหารท่านใจจะขาด!”
“นั่นสิ วังปีศาจก็เห็นท่านเป็นหนามยอกอก!”
“ยอดแม่ทัพเทพท่านเพิ่งสู้ศึกใหญ่มา ไม่อาจกระทำการส่งเดช”
“วังสวรรค์ไม่สามารถสูญเสียยอดแม่ทัพเทพได้!”
ฟังคำของเหล่าเทพเซียน ยอดแม่ทัพเทพขมวดคิ้ว
หลักการเขาล้วนเข้าใจ แต่ตอนนี้วังสวรรค์ต้องการสักคนออกไปต้าน ไม่อย่างนั้นวังสวรรค์จะเสียหน้ายับเยิน
จี้เซียนเสินยืนอยู่ที่ปลายแถวสุดของแม่ทัพสวรรค์ ในใจเขาเลือดร้อนเดือดพล่าน อยากลุกขึ้นยืนเป็นอย่างมาก แต่จนใจที่ตบะของเขาอ่อนแอเกินไป
หากเขาแข็งแกร่งพอ นี่ก็คือโอกาสที่ทำให้เขาจะมีชื่อเสียงได้
จักรพรรดิสวรรค์เหลือบพระเนตรมองตี้ไท่ไป๋ กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไปเชิญรัชทายาทเถิด”
รัชทายาท!
เหล่าเทพเซียนต่างฮือฮา!
ยอดแม่ทัพเทพหรี่ตาลง ตี้ไท่ไป๋โล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ตี้ไท่ไป๋ยิ้มกล่าวยิ้มๆ ว่า “รัชทายาทรอมานานแล้ว รอเพียงให้ฝ่าบาทเอ่ยปาก”
เซียนเฒ่าคนหนึ่งรีบร้อนถามขึ้นว่า “รัชทายาทไม่ได้อยู่ที่คุนหลุนหรือ”
“ยามที่เรากลับมาจากคุนหลุนก็พาเขากลับมาด้วย ยามนี้เขาอยู่ระดับจักรพรรดิน่าจะไร้คู่ต่อสู้” จักรพรรดิกล่าวอย่างใจเย็น
เหล่าเทพเซียนยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก
บุตรแห่งจักรพรรดิสวรรค์มีมากมาย แต่มีคนหนึ่งที่เป็นตำนานของวังสวรรค์ ก่อนที่ยอดแม่ทัพเทพผงาดง้ำก็เป็นหน้าเป็นตาของวังสวรรค์
จี้เซียนเสินแอบสงสัยว่ารัชทายาทผู้นั้นแข็งแกร่งเพียงใดกัน ถึงกับทำให้เหล่าเทพเซียนตื่นเต้นขนาดนี้
…
สิบปีต่อมา
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับสำเร็จ!
ระดับเซียนทองวัฏจักรระยะต้น!
เพิ่งทะลวง พลังเวทของหานเจวี๋ยก็เริ่มพุ่งทะยาน จิตวิญญาณของเขายิ่งเพิ่มระดับขึ้น จิตรับรู้กระโจนออกจากห้าธาตุ มายังพื้นที่ห้วงอากาศที่ขมุกขมัวแถบหนึ่ง
…………………………………………………………………