บทที่ 218 เจียงอี้ พลังวิเศษระดับจักรพรรดิ
“ที่นี่คือ……”
หานเจวี๋ยมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย เขาส่งพลังจิตออกไป และราวกับจะมีพลังลึกลับซ่อนอยู่ในหมอกมืดสลัว
ในความมืด หานเจวี๋ยมองเห็นแม่น้ำสายหนึ่ง
แม่น้ำใหญ่ที่ควบแน่นหมื่นโลกาทั่วหล้า มองไม่เห็นแหล่งกำเนิด มองไม่เห็นปลายทาง
ภายในแม่น้ำใหญ่สายนี้ หานเจวี๋ยมองเห็นสรรพชีวิตจำนวนมาก มองเห็นความผันผวนของชีวิต แม้กระทั่งมองเห็นอดีตที่ผ่านมาของตนเอง รวมถึงภาพฉากส่วนหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย บางทีอาจจะเป็นอนาคต
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในสมองของหานเจวี๋ย
หรือนี่ก็คือแม่น้ำโชคชะตา
หานเจวี๋ยเหินไปทางแม่น้ำโชคชะตา ตอนที่เขาต้องการเห็นอนาคตของตัวเอง เขาในอนาคตที่อยู่ในแม่น้ำโชคชะตาก็พลันหันหน้ามามองเขาทันที
หานเจวี๋ยรู้สึกราวกับกำลังส่องกระจก
“อย่าก้าวก่ายอนาคต การเปลี่ยนแปลงผลกรรมเป็นตัวแปรที่ใหญ่ที่สุด”
หานเจวี๋ยที่อยู่ในแม่น้ำโชคชะตากล่าวประโยคนี้กับเขา
หานเจวี๋ยรีบถอนสายตากลับมาทันที ไม่สอดส่ายแอบมองอนาคตอีก
เขาหันกลับไปมองข้างหลัง เห็นแม่น้ำอีกสายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้ลึกลับทว่างดงาม ราวภาพฝันดุจจินตนาการ
ทันใดนั้น ลำแสงเจิดจ้าสายหนึ่งก็พลันม้วนตลบเข้ามาอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นหานเจวี๋ยผู้ที่บรรลุระดับเซียนทองวัฏจักรก็ยังตอบสนองไม่ทัน
จิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยถูกโจมตี เวลาชั่วพริบตา เขาสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลและแข็งแกร่งที่เจาะเข้าไปในร่างกาย
พลังนี้แตกต่างจากพลังเวท สูงล้ำสุดหยั่งยิ่งกว่า
เพียงไม่นานหานเจวี๋ยก็เข้าสู่สภาวะลึกลับและซ่อนเร้น
รู้แจ้งฉับพลัน!
จิตดั้งเดิมของเขาเปล่งประกายแสงออกมา เป็นลำแสงที่มีสีเข้มที่เกือบจะดำมืด ดูราวกับความมืดที่อยู่รายล้อม แต่ดูไม่เข้าพวกอย่างเห็นได้ชัด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ได้สติขึ้นมา เขาเชี่ยวชาญพลังบางอย่างแล้ว
[ยินดีด้วยท่านหยั่งรู้มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด]
[เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ท่านหยั่งรู้มหามรรค ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]
[สอง ได้สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกแรกเงียบๆ จากนั้นจึงเริ่มรู้แจ้งมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดอย่างถ้วนถี่
เขาคาดเดาว่าสาเหตุที่เขาสามารถรู้แจ้งมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดได้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับวิชาวัฏจักรหกวิถีที่ฝึกบำเพ็ญมาโดยตลอด
พลังของมหามรรคแกร่งเกินกว่าพลังเวทมากโข!
หานเจวี๋ยไม่สามารถเข้าใจพลังนี้ได้ทั้งหมด เขาเพียงแค่ได้รับสืบทอดมาเท่านั้น
“เจ้าถึงกับรู้แจ้งมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดในระดับเซียนทองแล้ว เจ้าหนู ที่เจ้ากำลังฝึกนั้นคือวิชายุทธ์ของข้า!”
เสียงเรียบเย็นสายหนึ่งดังลอยเข้ามา ทำเอาหานเจวี๋ยตกใจขวัญสะท้าน
เขาหันหน้าไปมอง แต่กลับไม่เห็นเงาร่างใด
หานเจวี๋ยรู้สึกกังวล ไม่รู้ว่าควรจะออกจากที่นี่และกลับสู่กายเนื้อได้อย่างไร
‘หรือว่าดวงชะตาของทายาทของจักรพรรดิเซียนจะเป็นเรื่องจริง’
สีหน้าของหานเจวี๋ยแปลกประหลาด ในใจรู้สึกสับสนอยู่บ้าง
เหตุใดระบบถึงกำหนดตัวตนให้กับเขา
หานเจวี๋ยเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโส?”
เขาไม่ได้รับคำตอบกลับมา
ไม่ได้ยินเสียงนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน หานเจวี๋ยก็พลันรู้สึกได้ถึงพลังผลักไสที่แข็งแกร่งหอบหนึ่ง ดันเขาออกจากพื้นที่มืดมิดผืนนี้
เมื่อกะพริบตาอีกครั้ง หานเจวี๋ยกลับเข้าสู่กายเนื้อแล้ว
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 1681/12,399,999,999]
[เผ่าพันธุ์: มนุษย์เซียน (กายดาราอนธการ)]
[ตบะ: ระดับเซียนทองวัฏจักรระยะต้น]
[วิชายุทธ์: วิชาวัฏจักรหกวิถี (สามารถสืบทอดได้)]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด]
[วิชาเวท: ดรรชนีกระบี่เทพ ย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น สามกระบี่แยกเงา (ไร้เทียมทาน) ตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร มหาวายุอัสนี วิชาเทพวายุ วิชาเผยโฉม]
[พลังวิเศษ: พลังดูดวิญญาณหกสาย กระบี่ฟ้าสังหารเทพปีศาจ ค้ำฟ้าเสมือนพสุธา เมฆตีลังกา (ขั้นไท่อี่) พลังเทพหมื่นกระบี่ คำสาปตถาคต ตราประทับหกวิถี ปราณกระบี่ฟ้าดิน (ไท่อี่) ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ (ไท่อี่) ภูษาเอกภพ ประตูวัฏจักร วิชาอัญเชิญเทพ สามเศียรหกกร มหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่ (กฎกรรม) เนตรเทพสังสารวัฏ ร่างแยกวัฏจักร]
[อาวุธเวท: …]
…
อายุขัยหนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยล้านปี!
นี่ยาวนานยิ่งกว่าชีวิตของโลกในอดีตชาติเสียอีก!
หานเจวี๋ยจิตใจเบิกบาน
เขาตั้งมั่นตบะต่อไป
ผ่านไปสามปีเต็มๆ ตบะของเขาจึงมั่นคง เขาเรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา จากนั้นจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งศัตรู
หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยเริ่มพัฒนาพลังวิเศษมรรคกระบี่ของตน และกลับมาที่แม่น้ำมรรคกระบี่อีกครั้ง เขาก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
สิ่งแรกที่หานเจวี๋ยจะยกระดับคือไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ
เมื่อเดินผ่านหลิวเป้ย หลิวเป้ยก็พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
หานเจวี๋ยเดินต่อไปข้างหน้า คราวนี้ เขาต้องการดูว่าพลังวิเศษของตนเองจะเหนือกว่าไท่อี่ได้หรือไม่!
ระหว่างทางมุ่งไปข้างหน้า หานเจวี๋ยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันเลยสักนิด กระทั่งเขาข้ามผ่านขีดจำกัดก่อนหน้านี้ของตนเองก็ยังคงไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด
หลังจากทะลวงถึงระดับเซียนทอง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปจริงๆ
เงาร่างที่มุ่งหน้าไปตามทางเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน แต่ยังสามารถทนไหว เขาจึงเดินหน้าต่อไป
ทันใดนั้นเอง เขาเห็นร่างสีม่วงสายหนึ่ง ไม่รู้ว่าปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร เดินเคียงไหล่มุ่งหน้าไปกับเขา
ฝีเท้าของเจ้าหมอนี่ยังคงเร่งขึ้น พยายามแซงหน้าหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยเร่งฝีเท้าตาม
หลังผ่านไปร้อยก้าว ทั้งคู่ก็ชะลอฝีเท้าลง
“ฮึ!”
เสียงแค่นเย็นเยียบสายหนึ่งดังลอยเข้ามา คาดว่าคงมาจากร่างสีม่วงนั่น
หานเจวี๋ยไม่ตอบสนอง เพ่งสมาธิมุ่งไปข้างหน้า
[เจียงอี้เกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
หานเจวี๋ยเพิกเฉยต่อข้อความที่แจ้งเตือนอยู่ตรงหน้า กลับไปค่อยตรวจดู
มุ่งหน้าต่อไป!
ไม่รู้ว่าเขาก้าวไปข้างหน้านานเพียงใดแล้ว รอบกายไม่มีเงาร่างอื่นอีก เบื้องหน้ามีเพียงร่างสีม่วงสายนั้น เจียงอี้
คนชื่อเจียงอี้ผู้นี้มีของอยู่บ้าง กลับเดินได้เร็วกว่าหานเจวี๋ยเสียอีก
หานเจวี๋ยรู้สึกหนักอึ้งในใจ จวนจะเดินไม่ไหว ในความมืดมิด เขารู้สึกว่ามีห่วงที่มองไม่เห็นอยู่บนร่างกายของเขา
เขาจะต้องหลุดพ้น!
หานเจวี๋ยกัดฟันยืนหยัด
จู่ๆ เจียงอี้ก็หยุดลง หันกลับมาและเอ่ยว่า “เบื้องหน้าก็คือระดับจักรพรรดิ ท่านจะไปต่อหรือไม่”
ระดับจักรพรรดิ?
แววดีใจวาบขึ้นในดวงตาของหานเจวี๋ย ในที่สุดก็ใกล้จะถึงแล้ว!
แม้ว่าเขาจะรู้สึกกดดันมาก แต่ก็ยังไม่ถึงจุดสะท้อนกลับ
“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!”
หานเจวี๋ยกล่าวยิ้มๆ น้ำเสียงสบายๆ
เจียงอี้เอ่ยถามว่า “ใต้เท้าเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ใด”
หานเจวี๋ยตอบกลับ “วังสวรรค์ ซือหม่าอี้”
เจียงอี้จำชื่อนี้ไว้และไม่กล่าวอะไรอีก
หานเจวี๋ยก้าวย่างแสนลำบาก ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้ม
เขาเริ่มทำเค้นพลังสุดแรงเกิด พยายามหลุดพ้นจากพันธนาการบนร่างกาย
ตู้ม!
หานเจวี๋ยรู้สึกเพียงว่าทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าล้วนแตกระเบิด
…
แดนเซียน บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพลันเกี่ยวพันกัน บดบังแสงที่ส่องสว่างบนวังสวรรค์
ภายในพระราชวังเทียมเมฆา จู่ๆ จักรพรรดิสวรรค์ก็ขมวดคิ้วเอ่ยพึมพำ “ระดับจักรพรรดิ?”
เขารีบสังเกตการณ์วังสวรรค์ทันที และพบว่าไม่มีใครกำลังฝ่าด่านเคราะห์
ไม่ใช่การทะลวงขอบเขตพลังหรอกหรือ
หรือจะเป็นพลังวิเศษระดับจักรพรรดิ
จักรพรรดิสวรรค์เริ่มส่งพลังจิตไปยังหมื่นโลกมนุษย์เบื้องล้างวังสวรรค์ ความคิดเดียวกวาดผ่าน สรรพชีวิตทั้งปวงก็อยู่ในสายตา
เพียงไม่นาน สายตาของเขาก็จับจ้องไปยังโลกเมฆาแดง
กลิ่นอายนี้…
หานเจวี๋ย!
“เจ้าหนูนี่ได้หยั่งถึงพลังวิเศษระดับจักรพรรดิแล้ว?” ดวงพระเนตรของจักรพรรดิสวรรค์ฉายแววดีพระทัย
หานเจวี๋ยทำให้เขาประหลาดใจไม่หยุดจริงๆ ทำให้เขาพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาโบกแขนฉลองพระองค์ทันที บดบังกลไกสวรรค์ เลี่ยงไม่ให้ผู้ใดคาดเดาได้ว่าเป็นหานเจวี๋ย ด้วยว่าจะสร้างปัญหาให้หานเจวี๋ย
หลายเดือนต่อมา
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน เบื้องหน้าหานเจวี๋ยปรากฏอักขระขึ้นสามบรรทัด
[ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิพลังวิเศษของท่านพัฒนาถึงระดับจักรพรรดิ]
[เนื่องจากท่านรู้แจ้งพลังวิเศษระดับจักรพรรดิเป็นครั้งแรก ท่านจะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]
[ยินดีด้วยท่านได้รับยอดสมบัติไท่อี่ชั้นสุดยอด–กระบี่พิฆาตเทพ]
………………………………………………………..