บทที่ 253 ล้านล้านปี ภารกิจมารสวรรค์
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 2,677 / 54,112,999,999,999]
[เผ่าพันธุ์: มนุษย์เซียน (กายดาราอนธการ)]
[ตบะ: จักรพรรดิเซียนวัฏจักรหนึ่งวัฏ]
[วิชายุทธ์: วิชาวัฏจักรหกวิถี (สามารถสืบทอดได้) วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด]
[วิชาเวท: …]
…..
อายุขัยห้าสิบสี่ล้านล้านปี?
หานเจวี๋ยตกตะลึง
ไม่ใช่แล้ว
ไม่ใช่ว่าระดับจักรพรรดิเซียนเป็นอมตะหรอกหรืออย่างไร
เหตุใดถึงยังมีขีดจำกัดอยู่อีก
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาเพื่อติดต่อกับตี้ไท่ไป๋
“มีเรื่องใด” เสียงของตี้ไท่ไป๋ดังขึ้น น้ำเสียงของเขาดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง
“ผู้อาวุโส จักรพรรดิเซียนเป็นอมตะหรือไม่”
“จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ ทว่าจักรพรรดิเซียนก็สามารถแหลกสลายได้เช่นกัน”
“มีจักรพรรดิเซียนที่มีอายุหลายล้านล้านปีหรือไม่”
“ล้านล้านปี? อาจจะมีกระมัง เวลาอาจจะนานไปหน่อย อย่างไรเสียข้าก็อยู่ได้ไม่นานเพียงนั้น”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว กล่าวเช่นนี้ก็ถูก
จะมีสักกี่คนที่สามารถอยู่ได้นานขนาดนั้นกัน
ไม่ต้องพูดถึงล้านล้านปี เพียงร้อยล้านปีก็นานเกินพอแล้ว
คาดว่ายอดแม่ทัพเทพเองก็คงมีอายุเพียงไม่กี่ล้านปี แต่ก็สามารถที่จะสร้างความปั่นป่วนได้แล้ว ผู้ที่มีชีวิตอยู่ถึงล้านล้านปีจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน
รอกระทั่งหานเจวี๋ยไปถึงระดับเทพ อายุขัยของเขาคงจะพุ่งทะยานขึ้นอีก นั่นก็ยากที่จะจินตนาการได้
หานเจวี๋ยมีระบบ ปรับแต่งแนวคิดเรื่องความเป็นอมตะก็เรียบร้อยแล้ว
หากมีจักรพรรดิเซียนที่มีชีวิตยาวนานเป็นอมตะมากมายถึงเพียงนั้น แล้วจะสู้กันไปด้วยเหตุใด อีกทั้งยามนี้จะมีผู้ที่มีชีวิตเป็นบรรพกาลลอบอาศัยอยู่มากมายเพียงใดกัน
หลังจากที่หานเจวี๋ยคิดได้แล้ว เขาก็หยุดคิดเรื่องนี้อีก
จากนั้นทั้งคู่พูดคุยเป็นมารยาทไม่กี่คำก็ตัดขากการเชื่อมต่อ
สรุปแล้ว เขาในตอนนี้ยากที่จะดับขันธ์ สำหรับขีดจำกัดนั้นยังห่างไกลเกินไปจริงๆ ยาวนานเสียขนาดที่โลกอาจจะไม่ได้มีอายุยืนยาวเช่นนี้เลยก็ได้
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายและหินมรรคาสวรรค์ออกมา เริ่มผสานทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันเพื่อยกระดับพลังของหนังสือแห่งความโชคร้าย
ไม่กี่วันต่อมา
[หนังสือแห่งความโชคร้ายของท่านได้รับการยกระดับเป็นยอดสมบัติมรรคจักรพรรดิแล้ว]
หานเจวี๋ยเห็นอักขระที่ปรากฏเบื้องหน้า พลันยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
เขาเริ่มสาปแช่งในทันที โดยเริ่มสาปแช่งพุทธะพิชิตชัยก่อน
เขาสาปแช่งไปพลางตรวจสอบจดหมาย พุทธะพิชิตชัยยังไม่บุกสังหารเข้ามา ดูเหมือนว่าเขาจะถูกวังสวรรค์ขัดขวางเอาไว้
[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านรู้แจ้งในเทวรูปจักรพรรดิสวรรค์ ดวงชะตาพุ่งทะยาน]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผีร้าย] x372111
[หลงซั่นสหายของท่านได้ประกอบกายเนื้อใหม่]
[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย ดวงชะตาของวังเทพไม่ได้รับผลกระทบ]
[โจวฝานสหายของท่านพบโอกาสวาสนา เรียนรู้พลังวิเศษ]
…..
เมื่ออ่านลงมาจนสุดก็ไม่เห็นคำว่าผู้ทรงพลัง ล้วนมีแต่คำว่าจักรพรรดิเซียน
พุทธะพิชิตชัยนั้นสุดยอดมาก แม้แต่ยอดแม่ทัพเทพและเจียงอี้ยังไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้
หานเจวี๋ยรู้สึกเป็นกังวล เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ ไม่มีทางเอาชนะพุทธะพิชิตชัยได้อย่างแน่นอน
ทำได้เพียงสาปแช่งให้มากขึ้น เพื่อยืดเวลาออกไปก็เท่านั้น
หานเจวี๋ยลอบคิดอย่างเงียบๆ
ครึ่งปีต่อมา หานเจวี๋ยเริ่มยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ของตน ทำให้พลังวิเศษมรรคกระบี่ทั้งหลายยกระดับจนถึงขีดสุด
หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อย หานเจวี๋ยก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก
ต่อไปเป็นการทดสอบแล้ว
ได้เวลาตรวจสอบผลลัพธ์!
สายตาของหานเจวี๋ยแปรเปลี่ยนเป็นเฉียบคม และเริ่มจำลองการทดสอบ
ต่อสู้กับพุทธะอาภรณ์ขาว สังหารในฉับพลัน!
ต่อสู้กับจอมพลเสินเผิง สังหารในฉับพลัน!
ต่อสู้กับเจียงอี้ สังหารในฉับพลัน!
ต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ สังหารในฉับพลัน!
รวมถึงคนอื่นๆ ล้วนสังหารในฉับพลัน!
หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดถูกกวาดล้างออกไป หานเจวี๋ยก็พลันรู้สึกไม่มีชีวิตชีวา
ระดับจักรพรรดิเซียนที่เขาคัดลอกมานั้นมีเพียงเจียงอี้ผู้เดียว แม้ว่าจอมพลเสินเผิงจะเป็นพิสูจน์จักรพรรดิ แต่ก็เป็นหลังจากที่พวกเขาพบกันเท่านั้น
สำหรับจักรพรรดิสวรรค์ แปดหรือเก้าในสิบคือระดับเทพ
หานเจวี๋ยสู้ไม่ได้!
หลังจากถอนหายใจออกมายาวๆ หานเจวี๋ยก็ลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทานไป
เมื่อเหล่าศิษย์เห็นเขา ต่างก็พากันเข้ามารุมล้อมทันที
“อาจารย์ ท่านทะลวงขั้นแล้ว?”
“อาจารย์ปู่ ตอนนี้ท่านแข็งแกร่งเพียงใดกัน”
“ท่านกำลังหยั่งรู้พลังวิเศษ หรือกำลังทะลวงระดับกันแน่”
“ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว!”
เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ตื่นเต้น หานเจวี๋ยก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เอาเถิด ไม่ต้องถามแล้ว วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะเทศนาธรรมให้พวกเจ้าฟังสักรอบ”
ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา ทุกคนยิ่งยินดีมากขึ้นไปอีก
พวกเขาก็คิดถึงการแสดงธรรมของหานเจวี๋ยมากยิ่งนัก!
หวงจุนเทียนนั่งอยู่ด้านหลังสุด ตั้งตารออย่างร้อนใจ ในใจรอคอยเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่ที่เขามาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เขาก็เชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการตัดสินใจของเขานั้นถูกต้อง
ดูสิว่าเหล่าศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นพวกนี้จะแข็งแกร่งจนไร้เหตุผลเพียงใด!
เขารู้สึกว่าไม่ต้องให้หานเจวี๋ยลงมือ ลำพังเพียงลูกศิษย์กลุ่มนี้ก็เพียงพอที่จะล้มล้างโลกมนุษย์ทั้งโลกได้แล้ว
‘ข้าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้!’
หวงจุนเทียนคิดด้วยแววตาหนักแน่น
…..
ในความว่างเปล่าไร้ขอบเขต บุรุษที่ฉลาดเฉลียวและทรงพลังผู้หนึ่งกำลังนั่งลงบนที่นั่งบงกชสีทองสว่างไสว
คนผู้นี้สวมเกราะลูกโซ่สีทองทั้งร่าง ด้านนอกเป็นจีวร มีใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำ แท่งยักษ์ที่อยู่ข้างหลังเขาเหมือนเสาสูงถึงหมื่นจั้ง
เขาก็คือพุทธะพิชิตชัย!
พุทธะพิชิตชัยค่อยๆ ลืมตาขึ้น สีหน้าท่าทางเคร่งขรึม เอ่ยเสียงขรึมว่า “ไสหัวไป!”
ทันใดนั้นเอง ลำแสงสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นรอบทิศทาง รวมทั้งหมดยี่สิบสี่สาย
“พุทธะพิชิตชัย อาจหาญบุกรุกวังสวรรค์ หาที่ตาย!”
“หึ คิดว่าลำพังแค่เจ้าจะสามารถกวาดล้างวังสวรรค์ได้จริงหรือ”
“วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!”
“พุทธะพิชิตชัย ยังไม่ตายอีก!”
เสียงสายหนึ่งดังขึ้นตามมา ก้องกังวานไปทั่วสารทิศ
พุทธะพิชิตชัยกวาดสายตามองดูรอบกาย เผยยิ้มอย่างดูแคลน “ข้ายังนึกว่าเป็นการมาถึงของดารายี่สิบสี่ดวงจริงๆ เสียอีก แต่กลายเป็นรุ่นที่สองเสียได้ อาศัยความสามารถเช่นพวกเจ้าก็คิดจะเอาชนะข้าหรือ มาเพิ่มอีกสักร้อยก็ทำอะไรข้าไม่ได้!”
ห้าวหาญยิ่งนัก!
ดูถูกทุกสิ่ง!
พุทธะพิชิตชัยลุกขึ้นตามมา ส่งเสียงคำรามออกไปอย่างเกรี้ยวโกรธ ดูราวกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย!
เงาร่างเทพเซียนเหาะทะยานออกมาจากลำแสงทั้งยี่สิบสี่อย่างรวดเร็ว เกิดเป็นสงครามใหญ่ขึ้นอีกครั้ง!
…..
สองปีต่อมา
หานเจวี๋ยกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทาน อู้เต้าเจี้ยนเองก็ตามเข้ามาด้วย
หานเจวี๋ยนั่งอยู่บนเตียง จิตรับรู้จมดิ่งลงไปในส่วนลึกของวิญญาณ ไปพบกับมารสวรรค์เบิกฟ้า
หลังจากถูกคุมขังเป็นเวลานาน ตราประทับหกวิถีของหานเจวี๋ยได้แทรกซึมเข้าไปในร่างของมารสวรรค์เบิกฟ้า ในความคิดเดียว เขาก็สามารถฆ่ามารสวรรค์เบิกฟ้าได้แล้ว
เขาจะควบคุมชีวิตและความตายมารสวรรค์เบิกฟ้า!
“เจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่” หานเจวี๋ยเอ่ยถาม
มารสวรรค์เบิกฟ้าที่กำลังหลับใหลอยู่ก็พลันตื่นขึ้นในทันที รีบร้อนตะโกนอย่างรวดเร็ว “อยาก! ข้าอยาก! ท่านจะให้ข้าทำสิ่งใดก็ได้!”
นับว่าเขาคิดได้แล้ว หานเจวี๋ยไม่ฆ่า จะต้องมีแผนแน่!
“เจ้าสามารถกลับเข้าไปในเขตหวงห้ามฮุ่นตุ้น หลังจากนั้นลอบเข้าไปในสำนักพุทธได้หรือไม่” หานเจวี๋ยเอ่ยถาม
มารสวรรค์เบิกฟ้ากัดฟันแน่นและเอ่ยว่า “ได้ ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด”
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เพียงแฝงตัวอยู่ในสำนักพุทธก็พอ หากเป็นไปได้ เจ้าก็หาวิธีกลายเป็นบรรพชนพุทธ พยายามคุมอำนาจ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำสิ่งใดเพื่อข้า หากภายภาคหน้าสำนักพุทธเป็นศัตรูกับข้า ก็ถือว่าเจ้าได้ทำประโยชน์ แต่หากสำนักพระพุทธไม่มากวนใจข้า เจ้ากับข้าก็เหมือนคนแปลกหน้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มารสวรรค์เบิกฟ้าก็รู้สึกประหลาดใจ
เท่านี้หรือ
“ข้ารับปากท่าน!”
มารสวรรค์เบิกฟ้ารีบร้อนตกลงอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยปล่อยเขาในทันที
อู้เต้าเจี้ยนเห็นเงาสีดำลอยออกมาจากเหนือศีรษะของหานเจวี๋ย และเงาดำนั้นกล่าวอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ไม่สังหารข้า!”
กล่าวจบ มารสวรรค์เบิกฟ้าก็จากไปอย่างรวดเร็ว
อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นายท่าน เมื่อครู่นั้นคืออะไรกัน”
หานเจวี๋ยตอบว่า “เจ้าแสร้งทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน”
ทันใดนั้นเอง เขาเริ่มตรวจสอบผู้แข็งแกร่งโดยรอบโลกเขย่าพิภพ
[พุทธะพิชิตชัย: จักรพรรดิเซียนหกวัฏ พุทธาเทพสำนักพุทธ]
…………………………………………………………………..