บทที่ 258 ผานซิน เงาเทพต้าเหยี่ยน
‘มีคนมาหาเรื่องแม่น้ำมรรคกระบี่อีกแล้วหรือ”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว พลันรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ยากลำบากเรื่องหนึ่ง
เขานำจิตดั้งเดิมกระโจนเข้าไปในแม่น้ำมรรคกระบี่ และมาถึงตรงหน้าหลิวเป้ยโดยตรง
พอเห็นหานเจวี๋ย หลิวเป้ยก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
เขาชี้นิ้วไปยังทิศทางบางแห่ง
หานเจวี๋ยหันไปมองเห็นเงาหลังอัปลักษณเงาหนึ่ง
คนผู้นั้นหันหลังให้พวกเขา ไหล่ขวาสั่นไหว ดูเหมือนว่ามือขวากำลังคลำหาอะไรบางอย่างตรงหน้า
ร่างของเขาผอมกะหร่องก่อง
สมองหานเจวี๋ยสร้างภาพขึ้นมาทันที
เขารีบเอ่ยปากกล่าว “ท่านมีเจตนาใด”
คนผู้นั้นไม่หันตัวมา และไม่ได้ตอบเขาด้วย
หานเจวี๋ยถามน้ำเสียงหนักแน่น “หากท่านไม่พูด ข้าคงต้องเสนอเรื่องนี้ให้กับฝ่าบาทแล้ว!”
เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่โลกเขย่าพิภพ หานเจวี๋ยไม่อาจตรวจสอบตบะของฝ่ายตรงข้ามได้
เพื่อความปลอดภัยจึงหงายไพ่ใบที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่ทว่า
ฝ่ายตรงข้ามยังคงไม่สะทกสะท้าน
‘ยโสโอหังเช่นนี้เชียว’
หานเจวี๋ยโมโหแล้ว เตรียมใช้พลังแม่น้ำมรรคกระบี่ขับไล่ฝ่ายตรงข้าม
โครมคราม
แม่น้ำมรรคากระบี่เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เงาร่างที่กำลังเดินไปข้างหน้าอยู่หายไปทั้งหมด
ขณะนี้เอง เงาร่างผ่ายผอมก็หยุดการกระทำแปลกๆ ในฉับพลัน
เขาหันมากล่าว “ผู้เยาว์ เหตุใดต้องหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ด้วย ข้าเพียงแค่อยากหลบอยู่ที่นี่ระยะหนึ่งเท่านั้น”
หานเจวี๋ยถาม “กล่าวอีกนัยหนึ่งท่านอาจนำภัยพิบัติมาสู่พวกเรามากขึ้น?”
“คำพูดของเจ้าช่าง…อืม มันก็สามารถพูดเช่นนี้ได้”
“เช่นนั้นข้าเชิญท่านจากไปได้หรือไม่ ผู้อาวุโส!”
“เซียนลึกล้ำไท่อี่ก็กล้าหุนหันพลันแล่นเช่นนี้เชียวหรือ”
“เป็นท่านที่เลยขอบเขตเกินไป!”
“เจ้ารู้หรือไม่ข้าเป็นใคร”
“ทำไมล่ะ ท่านเป็นพระบิดาราชันสวรรค์หรือ”
“พระบิดาราชันสวรรค์คือใคร”
“พ่อของจักรพรรดิสวรรค์”
“เช่นนั้นข้าเก่งกาจยิ่งกว่า!”
หานเจวี๋ยได้ยินก็ใจร่วงตุ๊บ
‘คงไม่ใช่จริงๆ หรอกนะ’
‘เจ้าหมอนี่คงไม่ใช่ผู้ทรงพลังจริงๆ หรอกนะ’
หานเจวี๋ยใช้พลังจิตตรวจสอบ แต่กลับจับอะไรไม่ได้เลย ราวกับว่าไม่มีคนผู้นี้อยู่
ตอนนี้หานเจวี๋ยตึงเครียดกว่าเดิม
หากไม่ไหวจริงๆ ก็พาหลิวเป้ยหนีเถอะ!
แม้จะเป็นมรดกของพี่ใหญ่ แต่ก็ไม่ต้องพิทักษ์จนตัวตาย
พอนึกถึงจุดนี้หานเจวี๋ยก็มีความคิดจะถอย
“ได้ นับว่าท่านเจ๋ง ยอมให้ท่านแล้ว!”
หานเจวี๋ยทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็มองไปทางหลิวเป้ยกล่าว “พวกเราไปกันเถอะ!”
หลิ่วเป้ยอึ้ง ‘ไปเช่นนี้เลยหรือ’
‘ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนอยู่ทั้งวัน’
“ช้าก่อน!”
เงาร่างผ่ายผอมรีบเรียกหานเจวี๋ยไว้ และกล่าวด้วยท่าทีไม่ดี “เหตุใดผู้เยาว์อย่างเจ้าถึงไม่มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นนี้”
หานเจวี๋ยกล่าว “ท่านเก่งกาจขนาดนั้น ข้าสู้ท่านได้หรือ”
“แม้ว่าจะสู้ไม่ได้จริงๆ เจ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร”
“ช่างเถอะ อันตรายเกินไป”
“เจ้าเด็กอย่างเจ้านี่…”
เงาร่างผ่ายผอมหมดคำพูด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับเรื่องประหลาดเช่นนี้
คนขี้ขลาดมีเยอะมาก แต่ไม่มีใครมีเหตุผลที่จะพูดได้เต็มปากเต็มคำอย่างหานเจวี๋ย อีกทั้งเขาไม่ได้เปิดเผยกลิ่นไอเลยแม้แต่น้อย
‘เจ้าหมอนี่…’
‘น่าสนใจเล็กน้อย!’
[ผานซินเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
หานเจวี๋ยมองเห็นอักขระตรงหน้าก็รีบนำค่าความสัมพันธ์มาตรวจสอบข้อมูลของผานซิน
[ผานซิน: ตบะไม่ทราบ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกในการเบิกฟ้า ผ่านมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาหลายครั้ง เล่นอยู่ในโลกมนุษย์ เหตุเพราะกลัวถูกเจ้าแห่งมหาเคราะห์โบราณค้นพบ จึงตั้งใจแฝงเข้ามาในแม่น้ำมรรคกระบี่ เพราะท่านมีจิตใจดีงาม จึงเกิดความสนใจในตัวท่านเล็กน้อย ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1ดาว]
‘เจ๋งขนาดนี้เชียว
หนึ่งในสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกในการเบิกฟ้า!
จักรพรรดิสวรรค์ยังไม่มีสถานะนี้เลย!
ที่สำคัญคือเจ้าหมอนี่แซ่ผาน!’
หานเจวี๋ยอดนึกถึงผานกู่ไม่ได้ หรือจะเป็นลูกหลานของผานกู่
หานเจวี๋ยผุดความคิดในใจติดๆ กันอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกตึงเครียดกว่าเดิม
ตบะไม่ทราบ แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่าจักรพรรดิเซียน เผชิญหน้ากับการดำรงอยู่ระดับนี้ เขาควรทำอย่างไร
“ผู้อาวุโส แม้น้ำนี้มอบให้ท่าน ข้าเองก็จะไม่เปิดเผยการดำรงอยู่ของท่านด้วย!”
“ตามนี้แหละ ลาก่อน!”
หานเจวี๋ยรีบกล่าว จากนั้นก็ยกมือกดไหล่หลิวเป้ย เตรียมพาหลิวเป้ยหนี
“ช้าก่อน! ข้าไม่อยากได้แม่น้ำมรรคกระบี่ของเจ้าสักหน่อย ข้าไม่อาจสืบทอดกรรมใหญ่ได้!”
ผานซินรีบตะโกนออกมา พลังลึกลับบางอย่างคุมขังแม่น้ำมรรคกระบี่ไว้ ทำให้หานเจวี๋ยไม่อาจกระโดดออกไปได้
‘แย่แล้ว
วันนี้ต้องพังพินาจแล้วหรือ’
จิตใจหานเจวี๋ยดำดิ่งสู่ก้นเหว
“เจ้าเด็กน้อย อย่ากลัว ข้าเป็นผู้อาวุโสเก่าแก่ จะทำให้ผู้เยาว์ลำบากใจได้อย่างไร แม่น้ำนี้ยังคงเป็นของเจ้า ข้าแค่ยืมอยู่สักระยะหนึ่งเท่านั้น ข้าเองก็จะไม่เอาเปรียบเจ้า ข้าสามารถถ่ายทอดพลังวิเศษให้เจ้าได้ เจ้าว่าอย่างไร”
ผานซินกล่าวน้ำเสียงฮึดฮัด ในใจเขารู้สึกว่านับวันผู้เยาว์ในแดนเซียนก็ยิ่งใช้การไม่ได้ แย่ลงในทุกๆ ยุค
หานเจวี๋ยได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจกล่าว “เอาเถอะ”
ผานซินหายวับมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
เขายกมือขวาขึ้น ยื่นนิ้วออกมาสามนิ้วกล่าว “ข้ามีพลังวิเศษสามอย่าง เจ้าเลือกมาหนึ่งอย่าง”
“หนึ่ง พลังวิเศษแห่งเผด็จการ สังหารศัตรูในชั่วอึดใจ!”
“สอง พลังวิเศษแห่งกรรม สังหารศัตรูไม่แปดเปื้อนกรรม สามารถฝ่ามหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้!”
“พลังวิเศษแห่งท่าร่าง ขณะที่ต่อสู้สามารถหลบการโจมตีของศัตรูแข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย และสามารถทะลุไปมาหมื่นโลกาได้!”
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่ลังเล “ข้าเลือกอย่างที่สาม!”
ผานซินอึ้ง และกล่าวขึ้นมา “พลังวิเศษอย่างแรกแข็งแกร่งที่สุด เจ้าไม่เรียนหรือ พลังวิเศษอย่างที่สองมีประโยชน์ใช้สอยมาก”
หานเจวี๋ยส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ข้าเลือกอันที่สาม ครั้งหน้าจะได้หลบหนีได้สะดวก”
‘เจ้าเด็กนี่…’
ผานซินนิ่งเงียบ
[ระดับความประทับใจที่ผานซินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]
พอมองเห็นอักขระที่ปรากฏตรงหน้า หานเจวี๋ยก็เลิกคิ้ว
‘หรือจะเป็นคนบนเส้นทางเดียวกัน
มีความเป็นไปได้มาก!’
หากเจ้าหมอนี่ไม่ขี้ขลาด คงไม่หลบมาต่อล้อต่อเถียงกับผู้เยาว์อย่างเขาอยู่ที่นี่
ผานซินยกมือเอานิ้วแตะหน้าผากหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยไม่ทันได้ตอบสนอง จิตรับรู้ก็ถูกโจมตีทันที ความทรงจำขนาดใหญ่ทะลักเข้าไปในสมองของเขา
พลังวิเศษ เงาเทพต้าเหยี่ยน!
……
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยถึงฟื้นขึ้นมาในที่สุด
หลิวเป้ยนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้าง ผานซินกลับมาที่เดิม ไม่รู้เขากำลังทำอะไรอยู่ เงาหลังยังคงอัปลักษณ์เช่นนั้น
หานเจวี๋ยจัดระเบียบความทรงจำพลังวิเศษของเงาเทพต้าเหยี่ยนอยู่ครู่หนึ่ง
เขาเผยสีหน้าตกใจระคนดีใจ
เขากำลังขาดพลังวิเศษประเภทนี้พอดี!
ในการต่อสู้สามารถเปลี่ยนแปลงความเร็วและการตอบสนอง สามารถแยกเป็นเงาเทพทำให้คู่ต่อสู้สับสน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทะลุไปมาในหมื่นโลกาฟ้าดินได้โดยตรง มันทรงพลังมาก
หานเจวี๋ยกำชับหลิวเป้ยสองสามประโยค จากนั้นก็กลับถ้ำเทวาฟ้าประทาน
เขามีคุณสมบัติท่าร่างขั้นสุดยอด จะต้องเชี่ยวชาญเงาเทพต้าเหยี่ยนได้แน่ แต่ไม่อยากพัวพันกับผานซินมากเกินไป
หากเขาแสดงออกมาดีเกินไป ผานซินอยากจะรับเขาเป็นศิษย์ล่ะจะทำอย่างไร
ผานซินเก่งกาจก็จริง แต่มีศัตรูตัวฉกาจนี่!
เจ้าแห่งมหาเคราะห์โบราณอะไรนั่นฟังดูแล้วแข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล จักต้องแกร่งกว่าจักรพรรดิสวรรค์อย่างแน่นอน!
หานเจวี๋ยไม่อยากเสี่ยงอันตราย
หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง และรีบทำความเข้าใจเงาเทพต้าเหยี่ยนทันที
หลายวันต่อมา
หานเจวี๋ยฝึกฝนเงาเทพต้าเหยี่ยนจนเชี่ยวชาญ
เขารีบสำแดงพลังวิเศษนี้ เงาร่างสองเงาพุ่งออกจากร่าง รูปร่างลักษณะเหมือนกับเขาไม่มีผิด และยังเปล่งแสงสีม่วงออกมา
หานเจวี๋ยสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่ากลิ่นไอก็เหมือนกับเขาไม่มีผิด
หรือว่าเงาเทพต้าเหยี่ยนนี้ยังสามารถช่วยเขาต่อสู้ได้ด้วย
หานเจวี๋ยเก็บเงาเทพต้าเหยี่ยนทั้งสองเข้าไป จากนั้นเริ่มจำลองการทดสอบ
เลือกท้าสู้จักรพรรดิสวรรค์โดยตรง!
ผ่านไปสองอึดใจ หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น
‘สมควรตาย’
คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป ที่เขามีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นอีกหนึ่งวินาที เป็นเพราะจักรพรรดิสวรรค์ทำลายเงาเทพก่อนแล้วค่อยสังหารเขา
เขาลองหนีดูก็ไม่ได้ผล
หานเจวี๋ยจำต้องเปลี่ยนคู่ต่อสู้เป็นเจียงอี้ จนเขารู้สึกสบายขึ้นทันที
เขาอาศัยเงาเทพต้าเหยี่ยนยั่วเย้าเจียงอี้ เจียงอี้พยายามต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดก็ไม่สามารถแตะต้องชายเสื้อของร่างจริงของเขาได้
……………………………………….