บทที่ 428 ทะลวงระดับ! เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคืออริยะอย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยตรวจสอบค่าความสัมพันธ์เพื่อให้แน่ใจว่าโจวฝานและเต้าจื้อจุนยังอยู่ดี จะได้ไม่ต้องกังวลใจอีก
แต่ละคนมีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง ถ้าเอาแต่เหลวไหล ไม่ตั้งใจบำเพ็ญให้ดีก็ต้องพบกับจุดจบ
หานเจวี๋ยจดจ่ออยู่กับการสาปแช่งต้าจิ่วเทียน
ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ของต้าจิ่วเทียนเป็นอย่างไรบ้าง
ทว่าหากต้าจิ่วเทียนสิ้นลมแล้ว คำสาปแช่งของหานเจวี๋ยก็จะไม่ส่งผล และเขาย่อมรับรู้ได้ทันที ดังนั้นหมายความว่าต้าจิ่วเทียนยังคงสุขสบายดีอยู่
คนผู้นี้น่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน ไม่อาจสาปแช่งให้ตกตายได้ง่ายดายนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนผู้นี้ยังไม่เคยเข้าไปในแดนเซียน หานเจวี๋ยจึงจับจังหวะของอีกฝ่ายไม่ได้เลย
สำหรับสิ่งมีชีวิตทั่วไป พวกเขาไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของต้าจิ่วเทียนด้วยซ้ำ
ไม่กี่วันต่อมา หานเจวี๋ยก็วางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง และฝึกบำเพ็ญต่อ
ประมาณห้าสิบเจ็ดปีผ่านไป
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ได้รับโอกาสทะลวงระดับ
เขาปล่อยดวงจิตประหลาดออกมา และเริ่มการทะลวงระดับ
ดวงจิตประหลาดเคยช่วยเขาทะลวงระดับเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะช่วยได้อีกหรือไม่
การทะลวงระดับนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา
ผ่านไปเก้าปีเต็มๆ กว่าที่หานเจวี๋ยจะทะลวงระดับได้สำเร็จ
พลังเวทภายในมรรคผลต้าหลัวเพิ่มพูนขึ้น หานเจวี๋ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากายเนื้อและจิตวิญญาณของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าปลาบปลื้มเกินคำบรรยาย
ในขณะที่เขากำลังรวบรวมตบะ ก็ตรวจสอบหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตนเองได้ด้วย
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 6677/30,049,999,999,999,999,999]
[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ]
[ตบะ: ระดับเซียนทองต้าหลัว ระยะกลาง]
[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด มหามรรคแห่งกรรม]
…
อายุขัยเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า!
เมื่อมองเลขเก้าที่ยาวเหยียด หานเจวี๋ยก็พลันรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา
‘อายุขัยยาวนานเช่นนี้ ใครหนอจะจับมือข้าท่องไปตามถนนมหามรรคสายนี้ อีกประเดี๋ยวยกอายุขัยห้าแสนล้านปีให้กับต้าจิ่วเทียนดีกว่า! ฉลองการทะลวงระดับคนเดียวสักหน่อย’
ห้าแสนล้านปีไม่สะเทือนเลขศูนย์แม้แต่หลักเดียว หานเจวี๋ยคิดจะมอบอายุขัยให้กับต้าจิ่วเทียนเพิ่มเป็นหนึ่งล้านล้านปีด้วยซ้ำ
แต่ทันทีที่ความคิดนี้โผล่ขึ้นมา เขาก็สลัดมันทิ้งไปทันที
อย่าเพิ่งทำซี้ซั้วดีกว่า ถ้าติดเป็นนิสัย ต่อไปจะลำบากเอาได้ อีกอย่างต้าจิ่วเทียนเป็นเพียงภัยคุกคามแฝง ตอนนี้เขายังไม่สามารถทำอันตรายต่อหานเจวี๋ยได้
สามปีต่อมา
ตบะของหานเจวี๋ยมีความเสถียรขึ้น ระดับเซียนทองต้าหลัวระยะกลาง!
เขาเริ่มพัฒนาพลังวิเศษมรรคกระบี่ โดยใช้เวลาอีกหนึ่งปี
จากนั้นหานเจวี๋ยก็ฝึกร่างจำลองเสรีสุญญตาต่อ
ความทรงจำแห่งวิชาสืบทอดคลายออกตามที่คาด ทำให้ความทรงจำของพลังวิเศษต่างๆ หลั่งไหลเข้าสู่สมองของหานเจวี๋ย
ร่างจำลองเทพมารองค์ที่สาม ร่างจำลองเทพมารวาตะวิปโยค!
มหามรรคแห่งวายุ ทำลายทุกสิ่งให้ย่อยยับ กวาดล้างจนสิ้นซาก!
ร่างจำลองเทพมารแต่ละชนิดเป็นตัวแทนของมหามรรคแต่ละประเภท เพียงแต่ในขณะนี้หานเจวี๋ยยังไม่อาจบำเพ็ญมหามรรคเหล่านี้ผ่านร่างจำลองเทพมารได้ ทำได้เพียงรับพลังมาเท่านั้น
ห้าปีต่อมา หานเจวี๋ยทำความเข้าใจในร่างจำลองเทพมารวาตะวิปโยคได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เมื่อมีร่างจำลองเทพมารสามองค์คอยอำนวยพร หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าตนเองนั้นไร้เทียมทาน
ร่างจำลองเทพมารขุนพลสวรรค์ ร่างจำลองเทพมารเก้าหยิน ร่างจำลองเทพมารวาตะวิปโยค!
หานเจวี๋ยเริ่มดำเนินแบบจำลองการทดสอบ
สังหารจักรพรรดิสวรรค์ได้ในเสี้ยววินาที!
สังหารหลี่เต้าคงได้ในเสี้ยววินาที!
สังหารเซวี่ยหมิงเหอได้ในเสี้ยววินาที!
สังหารจักรพรรดิปีศาจได้ในเสี้ยววินาที!
สังหารบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ได้ในเสี้ยววินาที!
สังหารประมุขแห่งวังเทพได้ในเสี้ยววินาที!
…
‘สังหารทั้งหมดนี้ได้ในเสี้ยววินาที นี่ออกจะเก่งเกินไปหน่อยแล้ว แค่มีร่างจำลองเทพมารสามองค์ จะยังมีใครเหนือกว่าข้าอีก!’
เซียนทองต้าหลัวสามารถต่อสู้ได้หลายสิบล้านรอบในหนึ่งลมหายใจ ดังนั้นที่บอกว่าฆ่าภายในเสี้ยววินาที ไม่ได้หมายความว่าต้องสังหารอีกฝ่ายภายในกระบวนท่าเดียวเสมอไป
ในระดับต้าหลัวนี้ นอกจากผู้ทรงพลังเพียงไม่กี่คน ที่เหลือหานเจวี๋ยล้วนสังหารได้ภายในพริบตา
ส่วนการเผชิญหน้ากับตัวตนที่ไม่ทราบตบะนั้น นับว่ากินแรงหานเจวี๋ยไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ครึ่งอริยะทุกคนต่างมีพลังวิเศษและยอดสมบัติอันยิ่งใหญ่ จึงไม่อาจสังหารได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
การต่อสู้กินเวลานานกว่าครึ่งชั่วยาม หานเจวี๋ยขี้เกียจจะสู้ต่อ
ในสายตาของเขา การเสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วยามแต่กลับเอาชนะศัตรูไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรจากการพ่ายแพ้
หากเขาเผชิญกับสถานการณ์จริง แล้วศัตรูมีพันธมิตรมาด้วย แบบนี้เขาจะไม่หืดขึ้นคอเอาหรือ
หานเจวี๋ยจะไม่ยอมให้ตนเองต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นนั้นแน่!
หานเจวี๋ยพยายามจะท้าทายปรมาจารย์ลัญจกรสรวง แต่เมื่อที่ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงส่งเสียงคำรามเพียงครั้งเดียว เขาก็ตายทันทีตามคาด
‘พวกระดับต่ำกว่าอริยะล้วนเป็นเพียงมดปลวกทั้งสิ้น!’
หานเจวี๋ยไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดใจแต่อย่างใด นานๆ ครั้งได้ลองท้าทายพลังที่เหนือกว่าตนเองบ้าง ก็ถือเป็นการเตือนใจตนเองได้ดีเหมือนกัน
หลังจากนั้น หานเจวี๋ยก็หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งต้าจิ่วเทียน
…
ในอุทยานของวังสวรรค์
ต้าจิ่วเทียนและฟางเหลียงกำลังหารือเรื่องของมหาเคราะห์อยู่ภายในศาลา แต่แล้วจู่ๆ สีหน้าของต้าจิ่วเทียนก็เปลี่ยนไป
ฟางเหลียงถามขึ้น “เจ้าเป็นอะไรหรือ”
ต้าจิ่วเทียนตอบ “ไม่เป็นอะไรพะย่ะค่ะ”
เขาไม่กล้าที่จะบอกว่าตนเองถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่ง หากพูดไปแล้วตนจะเกลี้ยกล่อมฟางเหลียงได้อย่างไร
ไม่กี่วันต่อมา
ต้าจิ่วเทียนอยู่ในห้องของตน เขากำลังเคลื่อนย้ายลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บ แต่ทว่าคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกลับยิ่งรุนแรงขึ้น
“เหตุใดพลังคำสาปแช่งของคนผู้นี้ถึงได้ทวีความรุนแรงขึ้นอีกแล้วเล่า” ต้าจิ่วเทียนขมวดคิ้วแน่น
ความหวาดหวั่นในใจของเขาเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ
ก่อนหน้านี้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะทำการสาปแช่งเพียงห้าวันเท่านั้น แต่ครั้งนี้การสาปแช่งกลับดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเกินห้าวันไปแล้ว ทั้งยังรุนแรงขึ้นอีกด้วย
เมื่อนึกถึงจุดจบอันน่าเศร้าของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน เขาก็รู้สึกหวั่นใจยิ่งกว่าเดิม
ไม่มีทาง!
ข้าจะนิ่งเฉยรอความตายเช่นนี้ไม่ได้!
ต้าจิ่วเทียนกระโจนออกจากชั้นฟ้าที่เก้า และเหาะขึ้นไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
อึก…
จู่ๆ ต้าจิ่วเทียนก็กระอักเลือดออกมา โลหิตทะลักออกทางทวารทั้งเจ็ด โลหิตเหล่านี้เกิดจากพลังเวทที่กลั่นตัวรวมกัน ทำให้พลังชีวิตของเขาเสียหายอย่างหนัก
“แย่แล้ว! ต้องรีบแล้ว!”
ต้าจิ่วเทียนสีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาทะลวงผนึกควบคุมมรรคาสวรรค์ด้วยความเร็วเต็มกำลัง
…
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หานเจวี๋ยเห็นอายุขัยของตนเองที่ถูกหักไปกว่าสามแสนล้านปี ก็ต้องหยุดลงอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ได้การ จะมัวแต่สาปแช่งสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ไม่ได้”
หานเจวี๋ยตัดสินใจเข้าฝันต้าจิ่วเทียน ทำให้ต้าจิ่วเทียนชิงชังตน แบบนี้จึงจะเข้าใจในสถานการณ์ของอีกฝ่าย
ไม่นาน คนทั้งสองก็มาเยือนแดนความฝัน
เมื่อใบหน้าซีดขาวของต้าจิ่วเทียนมองเห็นร่างดำทะมึนของอีกฝ่าย สีหน้าของเขาก็พลันสิ้นหวังลงทันที
‘เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!’ เมื่อห็นอีกฝ่าย เขาก็คาดเดาตัวตนของฝ่ายนั้นได้ทันที
เขาหันซ้ายหันขวา และพบว่าสถานที่แห่งนี้คือแดนความฝัน
‘นี่คือพลังวิเศษอะไรกัน เหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกสังหรณ์ใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะถูกดึงเข้ามาในที่แห่งนี้…’
ในใจของต้าจิ่วเทียนรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นมา
เมื่อมองจากมุมนี้ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการนั้นแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างไร้ข้อกังขา
‘ต้องกำจัดให้สิ้นซาก!’
[ต้าจิ่วเทียนเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]
เมื่อเห็นข้อความแถวนี้ หานเจวี๋ยก็สลายแดนความฝันทันที
ต้าจิ่วเทียนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในพระราชวังอันใหญ่โต
เบื้องหน้าของเขามีร่างร่างหนึ่งนั่งอยู่ ร่างนั้นเปล่งแสงเจิดจ้าจนไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงเหม่อลอยไปเช่นนั้น” ร่างแสงเจิดจ้าเอ่ยถาม
ต้าจิ่วเทียนตอบกลับ “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเข้าฝันข้า…”
เดี๋ยวก่อน!
เมื่อครู่อริยะไม่รู้สึกเอะใจบ้างเลยหรือ
เหตุผลที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการสลายความฝันไปเสียดื้อๆ เป็นเพราะเห็นว่าข้างกายข้ามีอริยะอยู่หรือไม่
วินาทีนั้น หัวใจของต้าจิ่วเทียนก็พลันสั่นสะท้าน
นี่เขาไปยั่วยุบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวแบบไหนเข้าให้แล้ว หรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะเป็นอริยะ
สาเหตุที่เขาไม่เปิดเผยใบหน้า ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะดึงดูดปัญหาเข้ามาไม่สิ้นสุด แต่เพราะกลัวว่าจะทำลายบารมีของอริยะอย่างนั้นหรอกหรือ
ยิ่งคิดต้าจิ่วเทียนก็ยิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้น
“อืม เข้าฝันเช่นนั้นหรือ” ร่างแสงอันเจิดจ้าเริ่มนับนิ้วมือคำนวณ
แดนความฝันเมื่อครู่นั้นสั้นเกินไป ทั้งสองคนยังไม่ได้สนทนากัน ดังนั้นร่างแสงจึงไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังวิเศษของหานเจวี๋ย
พอมาคำนวณตอนนี้ ก็คำนวณอะไรออกมาไม่ได้เลย
เขาไม่คิดว่าต้าจิ่วเทียนจะโป้ปด
ดังนั้น จึงอธิบายได้เพียงอย่างเดียว
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการนั้นแข็งแกร่งมาก!
“เป็นอริยะผู้ใดกันที่ทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้” ร่างแสงอันเจิดจ้าพึมพำกับตนเอง
เมื่อต้าจิ่วเทียนได้ยินดังนั้น วิญญาณก็แทบหลุดออกจากร่าง
เป็นอริยะจริงๆ เสียด้วย!
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนถูกสาปแช่งอย่างน่าสยดสยองขึ้นมา ต้าจิ่วเทียนก็พลันรู้สึกว่าสติของเขากระเจิดกระเจิงไปอย่างสมบูรณ์แบบ
………………………………………………..