เฉินชางใช้มือจับคีมดึงเปลือกตาขึ้นอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ออกแรงที่ปลายเข็ม พริบตาเดียวเข็มก็แทงทะลุเปลือกตา เขาพบว่ามีแรงต้านทานน้อยมาก ขณะที่เข็มแทงลงไปบนผิวคล้ายจะไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย
ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น
เข็มสองด้ายออกมาจากจุด a จากนั้นจึงแทงเข้าไปยังจุด b ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เย็บซ่อนด้ายไว้สามมิลลิเมตรแล้วแทงออกมาจากจุดเริ่ม!
ตอนนี้เอง ในที่สุดเฉินชางก็พบกับส่วนที่ยากแล้ว!
ต้องใช้เข็มสองเล่มแทงออกมาในจุดเดียวกัน ซึ่งเป็นการทดสอบความแม่นยำของคุณ!
ใช่แล้ว!
พริบตานั้น เฉินชางเข้าใจความหมายของค่าความแม่นยำที่อยู่ในคุณสมบัติ [ความแม่นยำ +1] ของมีดผ่าตัดแล้วว่ามันคืออะไร
[ความแม่นยำ] นำไปใช้กับงานที่ต้องการความละเอียดอ่อนต่างๆ ได้ เช่นการเย็บเส้นประสาท นอกจากนั้นยังมีงานที่ต้องการความละเอียดอ่อนอย่างมากอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือการศัลยกรรมเส้นประสาท จัดอยู่ในหมวดการผ่าตัดสมอง เป็นหมวดที่ต้องการความแม่นยำในการผ่าตัดสูง
เป็นงานที่ต้องเรียนเฉพาะทาง!
เฉินชางก็อยากเรียนเช่นกัน…
ความจริงเมื่อเทียบกับการเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกแล้ว การเรียนจบปริญญาตรีก็มีความโดดเด่นของมันอยู่ นั่นก็คือมีขอบเขตการพัฒนาที่กว้างขวาง
ปกติเมื่อเรียนจบปริญญาโทและกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก เรียกได้ว่ากำลังถูกสั่งสอนให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว หากกล่าวตามจริง ผู้เรียนจะมีทักษะเฉพาะทางค่อนข้างสูง แต่ก็มีข้อจำกัดทางสายอาชีพอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะข้อจำกัดทางด้านความคิด
เรียนพื้นฐานด้านไหนก็ต้องทำงานด้านนั้น คุณเรียนเรื่องระบบการย่อยอาหารย่อมทำงานเกี่ยวกับระบบประสาทไม่ได้ ขณะเดียวกันถ้าคุณเรียนผ่าตัดไส้ติ่งก็ไม่อาจไปเย็บหลอดเลือดหัวใจได้เช่นกัน
คนที่ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ อย่างเฉินชางเรียนจบเพียงปริญญาตรี ไม่เคยจู้จี้จุกจิก อยากเรียนมันเสียทุกเรื่อง อยากทำมันเสียทุกอย่าง เพราะอนาคตยังไม่แน่นอนว่าจะไปทางไหน ความสามารถก็มีไม่มาก
หากต้องอยู่แผนกฉุกเฉินไปชั่วชีวิตจริงๆ เฉินชางก็ยินดี แต่หากคิดจะทำเช่นนี้ก็ต้องฝึกฝนทักษะให้หลากหลาย ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง ไม่ต้องพูดถึงการประสบความสำเร็จอย่างหวังเซี่ยงจวิน[1]เลย จะต้องพยายามเพื่อหลี่เป่าซานด้วย
กล่าวเพียงเท่านี้แล้วกัน แต่จะอย่างไรความแม่นยำก็เป็นคุณสมบัติที่มีประโยชน์มากสำหรับงานศัลยศาสตร์
น่าเสียดาย [ค่าความแม่นยำ +1] เพียงหนึ่งเดียวที่มีเป็นของมีดผ่าตัดไม่ใช่ของเข็มเย็บแผล มิฉะนั้นคราวนี้เฉินชางคงประหยัดแรงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เฉินชางกลั้นใจแทงเข็มออกมาอย่างระมัดระวัง ในตอนนี้ หากแทงเข็มออกมาในจุดคลาดเคลื่อน จะส่งผลกระทบกับผลลัพธ์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย กระทั่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดด้วยซ้ำ เช่นด้ายเบอร์หกเกิดการยึดเกาะในกระบวนการดูดซึมเป็นต้น จะส่งผลกระทบกับความสวยงามได้!
เฉินชางพบว่านี่ไม่ใช่การเย็บธรรมดา พื้นฐานการเย็บมีรายละเอียดอื่นๆ อยู่อีกมากมายจริงๆ!
ในที่สุดก็สำเร็จ!
ขั้นต่อไปที่ต้องทำก็คือการมัดปมอย่างรวดเร็ว ซ่อนไหมเอาไว้ใต้เปลือกตา ซึ่งก็คือจุดที่แทงเข็มออกมาเมื่อครู่นี้
ทุกขั้นตอนดูเหมือนจะธรรมดา แต่ความจริงทุกย่างก้าวต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
นี่ก็คือศัลยกรรมความงาม เป็นการพยายามเพื่อความสมบูรณ์แบบ
การเย็บที่จุด a และ b เสร็จสมบูรณ์ เท่ากับว่าขั้นตอนแรกสำเร็จแล้ว เฉินชางเริ่มทำงานต่อไป
ใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง การผ่าตัดก็สำเร็จ!
เมื่อเสร็จแล้ว จางจื้อซินก็รีบรับช่วงต่อทันที
งานต่อจากนั้นง่ายดายมาก ปิดตา พันแผล กำชับคนไข้ แล้วให้พยาบาลพาคนไข้ออกไป
[ติ๊ง! เรียนรู้ทักษะการทำตาสองชั้นด้วยการร้อยไหม
ระดับในปัจจุบัน: ระดับต้น ประสบการณ์ 100/1000]
เฉินชางดีใจ จริงดังคาด ขอแค่ตนลงมือทดสอบด้วยตัวเองจึงจะเรียนรู้ทักษะได้อย่างแท้จริง
จางจื้อซินยิ้ม “ลงมือครั้งแรกก็แสดงผลงานแบบนี้ออกมาได้แล้ว ผมพอใจจริงๆ ทำได้ไม่เลวเลยครับ”
เฉินชางยิ้ม เขารู้ว่าตนยังด้อยอยู่มาก
การผ่าตัดในช่วงเวลาสั้นๆ แค่ครึ่งชั่วโมง แต่สิ้นเปลืองพลังสมาธิมากจริงๆ
นี่เรียกว่ายังไม่ถึงขั้น!
การผ่าตัดเคสแรกช่วยปลุกความฮึกเหิมให้เฉินชาง และทำให้จางจื้อซินรู้สึกเบาใจลงมาก ความจริงการให้เฉินชางลงมือครั้งนี้นับว่าเสี่ยงอันตรายอยู่บ้าง
หากเกิดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ยังคุยกันได้ แต่หากเข็มทิ่มไปที่ลูกตาหรือเย็บออกมาแล้วเกิดความผิดพลาดใหญ่หลวง จะต้องเกิดความวุ่นวายตามมาไม่น้อยเลยทีเดียว
การผ่าตัดทั้งสามเคสในช่วงเช้าเฉินชางเป็นคนทำทั้งหมด แต่…เขายังคิดว่าตนทำได้ไม่ดีพอ ยังเย็บและมัดปมไม่สวย คล้ายจะกลายเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง
เฉินชางมองคะแนนทักษะที่มีอยู่ในมือ เขารู้สึกลังเล จะใช้คะแนนทักษะเพื่อเพิ่มระดับดีหรือไม่?
เพิ่มระดับทักษะการทำตาสองชั้นด้วยการร้อยไหมไปเลยดีหรือไม่?
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขายังทนไว้ก่อน
ตอนกลางวันจางจื้อซินไปนอนพัก ส่วนเฉินชางกำลังไตร่ตรองอย่างละเอียดว่าควรจะทำอย่างไรกันแน่
ช่วงบ่าย ขณะกำลังเตรียมผ่าตัด จู่ๆ สวีโหรวก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางเร่งร้อน
“หมอจาง เกิดเรื่องแล้วค่ะ!”
เฉินชางและจางจื้อซินรีบหันมา “มีอะไร?”
ผู้ป่วยที่กำลังเตรียมรับการผ่าตัดก็อดชะงักไปไม่ได้!
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
จางจื้อซินก้มลงพูดกับคนไข้ “รอสักครู่นะครับ”
จากนั้นจึงดึงเฉินชางออกไป
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” จางจื้อซินขมวดคิ้วถาม
สวีโหรวกล่าวตอบ “มีคนมาก่อเรื่องค่ะ!”
แม้จะอยู่บริเวณทางเดินแต่ก็ได้ยินเสียงดังแว่วมา!
“คลินิกสารเลว หลอกเอาเงินคนอื่น!”
จางจื้อซินได้ยินดังนั้นก็รีบเดินลงมาทันที!
เฉินชางเดินตามลงไปชั้นล่างอย่าร้อนใจ เพิ่งจะถึงประตูก็ได้ได้กลิ่นเหม็นโชยมา!
กลิ่นอึ!
กลิ่นอึโชยมาปะทะใบหน้า เฉินชางคุ้นเคยดี เหมือนกลิ่นส้วมในชนบทไม่ผิดเพี้ยน
กลิ่นเหม็นโชยไปทุกที่ ทำให้ลูกค้าทุกคนที่อยู่ในห้องนั่งรอและห้องโถงทนไม่ไหวจนต้องปิดจมูก เพราะกลิ่นมันทรมานจมูกเกินไป!กระจกที่อยู่ข้างประตูเต็มไปด้วยอึมากมาย ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกอยากอาเจียน
พยาบาลน้อยที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ทนไม่ไหวจนต้องหันหลังไป
จางจื้อซินสูดหายใจลึก คิดทำให้ตนเองสงบใจลงบ้าง แต่กลิ่นเหม็นเกินไป เมื่อสูดหายใจไปครึ่งหนึ่งถึงกับรู้สึกท้อแท้
“คุณพาลูกค้าไปที่ห้องรับรองแขกวีไอพีก่อนเถอะครับ รับรองลูกค้าให้ดี”
สวีโหรวพยักหน้า รีบทำงานทันที
เฉินชางเดินออกมากับจางจื้อซิน
พวกเขาเพิ่งจะเดินออกมาก็ต้องตกใจ มีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บริเวณประตู สวมผ้าปิดปากอย่างหนาแน่น
คนกลุ่มนี้มีสิบกว่าคน ตะโกนเสียงดังว่า “คลินิกสารเลว!”จางจื้อซินรีบตะโกนตอบ “ผมเป็นผู้รับผิดชอบคลินิกศัลยกรรมแห่งนี้ คลินิกของพวกเราทำอะไรผิดต่อทุกท่านหรือครับ หวังว่าจะช่วยชี้แนะ”
ตอนนี้เอง ผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงมาจากรถบีเอ็ม X5 ความสูง…สูงไม่เกินรถของเธอ ร่างกายค่อนข้างสมบูรณ์ หรือเรียกว่าอ้วนจะเหมาะสมกว่า เธอสวมแว่นตาดำ ชุดกี่เพ้า และรองเท้าส้นสูง เหมือนกับเศรษฐีฮ่องกง
เศรษฐีนีนางนี้ยกมือขึ้น คนรอบๆ หยุดมือทันที
“ฉันมาทำอะไรน่ะหรือ? ฮ่าๆ…ในใจพวกคุณไม่มีความทรงจำอยู่เลยหรือไง?”
จางจื้อซินพูดอย่างสงบ “ผมละเลยการจัดการไปบ้าง หวังว่าคุณนายจะชี้แนะสักหน่อยนะครับ”
ไม่ใช่ว่าจางจื้อซินเป็นพวกอ่อนด้อย!
ตรงกันข้าม เขาสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร มีร่างกายสูงใหญ่ หัวโล้นจนล้าน ท่าทางเหมือนพวกชอบเข้าสังคม ทว่าจางจื้อซินเข้าใจดี ตอนนี้เขาทำธุรกิจ ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล ต้องพิถีพิถันและจัดการอารมณ์ให้ดี
ตอนนี้เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ถ้าเจ้าของกิจการโวยวายขึ้นมา จะทำธุรกิจต่อไปได้อีกหรือ?
ไม่ว่าใครผิดใครถูกล้วนไม่เป็นผลดีกับคลินิกศัลยกรรมแห่งนี้
ไม่ว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรก็ต้องจัดการให้เหมาะสม!
แน่นอนว่าจางจื้อซินไม่ได้กลัว กลับกัน เขาเปิดคลินิกศัลยกรรมแบบนี้ จะไม่มีเบื้องหลังพิเศษได้อย่างไร แต่เรื่องที่จางจื้อซินจัดการเองได้ก็จะจัดการเอง หากจัดการไม่ได้ก็ไม่กลัวมีเรื่อง
ผู้หญิงคนนั้นแค่นเสียงครั้งหนึ่ง “ฉันเสี้ยวเถียนฮวา เป็นคนใจกว้างเปิดเผย มีบุญคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ ไม่ก่อเรื่องโดยไร้เหตุผลแน่นอน”
พูดจบก็ถอดผ้าปิดปากและแว่นดำออก กล่าวว่า “นี่เป็นดวงตาที่ฉันมาทำที่คลีนิคของพวกคุณ ฉันจ่ายเงินไปสามแสน แล้วดูสภาพนี้สิ? พวกคุณคิดว่าจะหลอกเอาเงินฉันได้ง่ายๆ งั้นหรือ?”
ตอนนี้เอง ทุกคนที่ล้อมดูอยู่รอบๆ พากันสังเกตอย่างละเอียด!
ตกลงดวงตาแบบไหนกันแน่ที่กินเงินไปถึงสามแสน!
ผู้หญิงคนนี้ก็กล้าหาญมาก ยืนอยู่ตรงนั้นปล่อยให้ทุกคนดู!
“ดวงตานี่…ความจริงดูทีละข้างก็ดูดีอยู่นะ…”
“อืม แต่พอมองรวมกันแล้วทำไมรู้สึกแปลกๆ ล่ะ?”
“แค่แปลกที่ไหน นี่มัน…ดูไม่ได้เลย”
“ฉันเริ่มรู้สึกร้อนๆ ที่ตาแล้ว! ทำไมอยู่ดีๆ ก็อยากร้องไห้ล่ะ?”
“นั่นเป็นเพราะกลิ่นอึต่างหาก…”
……
……
ผู้หญิงคนนั้นแค่นเสียงเย็นออกมา “นี่คือดวงตาของหวังจู่เสียน[2]ที่พวกคุณบอกงั้นหรือ? เหอะ!”
“ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้าพวกคุณไม่แก้ให้ฉัน ฉันจะส่งคนมาทุกวัน! ถึงตอนนั้นก็ลองดูกันหน่อยว่าขี้บ้านฉันจะเยอะกว่าหรือคนของคุณจะเยอะกว่า!”
[1] หวังเซี่ยงจวิน คือ นักคณิตศาสตร์ชาวจีนผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง
[2] หวังจู่เสียน นักแสดงชาวไต้หวัน