จุดสำคัญในการศัลยกรรมของฟู่อวี้ฟางอยู่บริเวณรอบๆ ดวงตา คราวนี้เฉินชางไม่คิดเชิญคนอื่นมาช่วยทำ แต่ตัดสินใจทำด้วยตัวเอง
หลังจากได้รับทักษะศัลยกรรมหางตาและหัวตา รวมไปถึงทักษะการกรีดตาสองชั้นมาแล้ว เฉินชางก็ยังไม่มีโอกาสลงมือ เขาคันมือจนทนไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้นที่สำคัญก็คือการศัลยกรรมครั้งนี้เขาไม่วางใจให้คนอื่นทำให้ เพราะหางตาของฟู่อวี้ฟางต้องปรับแต่งอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกรีดดวงตาที่มีขนาดเล็ก จำเป็นต้องกรีดให้ดวงตากว้างขึ้น และจะต้องปรับปรุงระยะห่างระหว่างดวงตา จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือเส้นโค้งบริเวณดวงตา เฉินชางต้องการให้หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย
การปรับแต่งหางตาเป็นสิ่งสำคัญ หากมอบหมายให้คนอื่นทำ เฉินชางไม่วางใจจริงๆ!
ที่สำคัญที่สุดก็คือความยืดหยุ่นของฟู่อวี้ฟางค่อนข้างสูง หลังจากปรับแต่งไปแล้วจะกลายเป็นผลงานอันยอดเยี่ยม มีประโยชน์ต่อชื่อเสียงของตนในภายหลัง!
เสี้ยวเถียนฮวาอาจช่วยตนได้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่อาจช่วยได้ตลอดไป
หากเฉินชางอยากสร้างชื่อให้ตัวเองในเมืองอันหยางก็ต้องมีสินค้าสำเร็จรูปออกมาตั้งโชว์ ฟู่อวี้ฟางถือเป็นสินค้าตัวอย่างที่ดี!
เงื่อนไขด้านร่างกายใช้ได้ รูปร่างและหน้าตาก็ไม่เลว หากศัลยกรรมออกมาตามการออกแบบของตนจะต้องไม่เลวแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น รับเงินคนอื่นมาแล้ว เฉินชางย่อมต้องรับผิดชอบอีกฝ่ายให้ดี
สรุปคือ จุดสำคัญในการศัลยกรรมใบหน้าให้ฟู่อวี้ฟางอยู่ที่ดวงตา ส่วนปากและบริเวณอื่นๆ ก็ไม่ซับซ้อน จางจื้อซินคงทำได้ดี
บางครั้งดวงตาที่งดงามคู่เดียวก็ช่วยชีวิตใบหน้าทั้งใบได้!
เมื่อกลับไปที่ห้องทำงาน จางจื้อซินก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “จะให้ใครเป็นคนผ่าตัดดีครับ? คุณนักออกแบบใหญ่!”
เฉินชางยิ้ม “พวกเราสองคนไงครับ ทำกันเอง!”
จางจื้อซินได้ยินดังนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี “คุณบ้าไปแล้วหรือ? บทเรียนโชกเลือดของเสี้ยวเถียนฮวาไม่ทำให้คุณได้สติอีกหรือครับ? ให้หยางเทากับฉินเสียงทำเถอะ? อย่าเห็นว่าตอนนี้คนรวยพวกนี้คุยง่ายเชียว พอเกิดปัญหาขึ้นมาจัดการยากเลยนะครับ”
เฉินชางส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าเขามีอคติกับทั้งสอง แต่ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดใด คุณต้องทำเองถึงจะพัฒนาฝีมือได้!
รูปแบบที่เฉินชางเป็นคนออกแบบคงไม่มีใครเข้าใจไปมากกว่าเขาอีกแล้ว
คำพูดบางคำ เฉินชางก็ไม่สะดวกพูด เช่นการผ่าตัดคราวที่แล้วของเสี้ยวเถียนฮวา เฉินชางรู้สึกไม่พอใจนัก แม้จะดีขึ้นมาก แต่ยังห่างจากความต้องการและอุดมคติของเฉินชางอยู่มาก
นี่ทำให้เฉินชางรู้สึกตัวว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะต้องทำด้วยตัวเองจึงจะควบคุมรายละเอียดและความปราณีตให้อยู่ในกำมือได้
เฉินชางเงยหน้าขึ้น “หรือคุณคิดจะให้คนอื่นผ่าตัดแทนตลอดไป?”
คำพูดนี้ทำให้จางจื้อซินถึงกับหน้าแดง
ผ่านไปหลายนาทีจางจื้อซินจึงถอนใจออกมา “ตอนที่ผมออกมาทำงานนี้ครั้งแรก คลินิกศัลยกรรมมีแค่สามคน ตอนนั้นไม่ว่าอะไรก็ทำทั้งนั้น ตอนนี้สิ มีคนเยอะ คลินิกก็ใหญ่ แต่ความกล้ากลับลดลง กลัวว่าจะเกิดปัญหาอยู่ตลอด ไม่กล้าทำอะไรเลย!”
“จะกลัวอะไรกัน! ทำๆ ไปก็พอแล้ว!” จางจื้อซินให้กําลังใจตัวเอง!
จากนั้นจางจื้อซินก็หยิบกระดาษร่างแบบขึ้นมาดูอยู่ครึ่งค่อนวัน เพียงแต่…ยิ่งดูก็ยิ่งกังวล ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกใจสั่น เนื่องจากบนกระดาษมีการวาดสัญลักษณ์เอาไว้อย่างละเอียดเกินไป มีรายละเอียดมากขนาดนี้เชียวหรือ!
หลังจากดูภาพแล้ว จางจื้อซินที่เมื่อครู่ยังมีความมั่นใจอัดแน่นเต็มอกก็ยกธงขาวทันที “เฉินชาง…เกรงว่าผมจะทำไม่ไหว คุณปรับแต่งดวงตามากเกินไป รายละเอียดปรับแต่งก็เยอะ ด้วยฝีมือของผมตอนนี้…ผมกลัวว่าจะทำให้การออกแบบของคุณเละน่ะสิ!”
เฉินชางส่ายหน้า “คุณไม่ต้องทำตาหรอกครับ ตรงตาเดี๋ยวผมทำเอง คุณรับผิดชอบจมูกและปากไปก็พอแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนี้จางจื้อซินก็ถอนใจออกมา คล้ายกับยังไม่รู้ตัว “อ้อ…”
แต่ไม่ทันไรจางจื้อซินก็ถูกเฉินชางทำให้โกรธจนยิ้มออกมา “คุณทำสู้ผมไม่ได้หรอก! คุณนี่นะ การออกแบบกับการทำศัลยกรรมไม่เหมือนกัน การทำศัลยกรรมก็ไม่เหมือนการวาดรูป ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้น…บริเวณใบหน้ามีเส้นประสาทและเส้นเลือดอยู่มาก อาจเกิดปัญหาใหญ่ได้!”
“คุณออกแบบได้ นั่นถือเป็นพรสวรรค์ แต่การผ่าตัดเพื่อศัลยกรรมความงามไม่ได้ต้องการแค่พรสวรรค์อย่างเดียว คุณจะต้องสะสมความรู้เฉพาะทางและฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แค่พรสวรรค์อย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะครับ!”
“ถ้าพูดให้ฟังดูแย่สักหน่อยก็คือ คุณเพิ่งเรียนรู้ได้ไม่เท่าไหร่เอง! ไม่ได้ๆ ไปให้ฉินเสียงทำเถอะ พวกผมสองคนร่วมมือกันจะต้องราบรื่นแน่”
พูดจบจางจื้อซินก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมา
เฉินชางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จะอย่างไรตอนนี้ก็มี [ระบบอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง] อยู่ ต้องฝึกฝนให้มากๆ ต่อไปจะมีโอกาสแบบนี้ที่ไหนกัน?
เฉินชางส่ายหน้า “ผมออกแบบเอง ผมย่อมเข้าใจผู้ป่วยมากกว่า ผลการผ่าตัดจะออกมาดีที่สุดแน่นอน”
จางจื้อซินได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าจนใจ “แต่ว่า…คุณเคยทำหรือครับ?”
เฉินชางส่ายหน้า “ไม่เคย แต่ใครไม่มีครั้งแรกบ้างล่ะครับ?!”
จางจื้อซินเงียบไปครู่หนึ่ง “นี่ไม่ได้กำลังล้อเล่นนะครับ!”
เฉินชางพูดอย่างมั่นใจ “ผมมั่นใจ!”
หลังจากคิดอยู่นาน ในที่สุดจางจื้อซินก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน…”
เฉินชาง “ครับ?”
จางจื้อซิน “ใช้ชีวิตให้ปลอดภัยหน่อยไม่ดีหรือ?”
……
……
วันต่อมา เป็นครั้งแรกที่จางจื้อซินรู้สึกว่าการไปที่เตียงผ่าตัดให้ความรู้สึกเหมือนเดินไปยังลานประหาร
เขามองเฉินชาง รู้สึกได้ถึงความกระฉับกระเฉง!
เขามองฟู่อวี้ฟาง รู้สึกได้ถึงความกระฉับกระเฉง!
จากนั้นจึงถอนใจออกมาครั้งหนึ่ง มีเพียงตนที่แห้งเหี่ยว….
การผ่าตัดเริ่มขึ้นแล้ว
เฉินชางเริ่มลากเส้นลงบนใบหน้าของฟู่อวี้ฟาง คราวนี้เขาผ่าตัดด้วยตัวเองย่อมวาดละเอียดเป็นพิเศษ กระทั่งมีหลายแห่งที่ต้องไตร่ตรองให้ดี
ฟู่อวี้ฟางรู้สึกได้ถึงมือคู่ใหญ่ มั่นคง มีพลัง อบอุ่น และพึ่งพาได้…ยิ่งคิดก็ยิ่งเลอะเทอะ คิดจนใบหน้าเห่อร้อน รู้สึกเหมือนหน้าแดง…
เฉินชางขมวดคิ้วทันที “มีไข้หรือครับ?”
จางจื้อซินได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วตาม “การตรวจก่อนผ่าตัดปกติหมดนะครับ?”
ในตอนที่ฟู่อวี้ฟางสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเฉินชางที่อยู่ใกล้หน้าของตน เธอก็รู้สึกบอกไม่ถูก
“ไม่มีๆ ฉันแค่รู้สึกตื่นเต้นไปหน่อยน่ะ!” เมื่อได้ยินทั้งสองพูดเช่นนั้น ฟู่อวี้ฟางก็รู้สึกเขินอาย
เฉินชางพยักหน้าก่อนจะยิ้มปลอบโยน “ครั้งแรกก็ต้องตื่นเต้นกันทั้งนั้นแหละครับ!”
จางจื้อซินมองเฉินชาง ในนี้ คนที่สมควรตื่นเต้นที่สุดควรจะเป็นคุณนั่นแหละ!
คุณสิครั้งแรก!
ไม่นานยาชาก็ออกฤทธิ์ การผ่าตัดก็เริ่มต้น!
ความจริงวิธีหลักๆ ในการผ่าตัดดวงตามีอยู่สองอย่าง หนึ่งก็คือการร้อยไหม ไม่ว่าจะเป็นการกรีดตาสองชั้นหรือการกรีดตาให้กว้างขึ้นก็ใช้วิธีนี้ได้ แต่วิธีนี้จะเหมาะสมกับมือใหม่ เพราะทำง่าย แต่ข้อเสียก็ชัดเจน นั่นก็คือหลังจากชั้นตาถูกผูกเรียบร้อยแล้วจะมีปัญหาเรื่องการระบายน้ำเหลือง และจะเกิดพังผืดขึ้นบริเวณกล้ามเนื้อดวงตาและผิวหนัง
ดังนั้นวิธีที่เฉินชางเลือกทำก็คือการกรีดเปิด!
เพราะการกรีดเปิดจะต้องใช้มีดผ่าตัดและการเย็บที่ดี เรียกได้ว่าเป็นศิลปะการแกะสลักที่ทำให้เป็นจริงได้ทั้งหมด!
แน่นอนว่ายังมีอีกสาเหตุหนึ่ง นั่นก็คือตอนนี้ทักษะการศัลยกรรมทั้งสองของเฉินชางอยู่ในระดับต้นเท่านั้น
หนึ่งก็คือทักษะการกรีดตา (คุณสมบัติพิเศษ: ฟื้นตัวเร็ว) อีกหนึ่งคือการศัลยกรรมหัวตาและหางตา (คุณสมบัติพิเศษ: ดูเป็นธรรมชาติ)
เฉินชางลงมืออย่างจริงจัง มือของเขานิ่งและคล่องแคล่วมาก ค่อยๆ กรีดไปที่หนังตาทีละน้อย วาดเป็นเส้นบริเวณหางตา หลังจากได้มุมก็ใช้การเย็บปรับแต่งซึ่งจะทำให้หมุนแกนได้ตามจริง ความจริงนี่เป็นจุดสำคัญในการศัลยกรรมใบหน้า ขอเพียงปรับเปลี่ยนแกนดวงตาเล็กน้อยก็จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจแล้ว นี่คือสิ่งที่เฉินชางทำ
ในใจของจางจื้อซินตื่นเต้นแทบตาย เหงื่อออกบนศีรษะจนหยุดไม่ได้! แอร์ในห้องเย็นมากแล้ว แต่ทั้งๆ ที่เป็นเช่นนี้ จางจื้อซินก็ยังรู้สึกร้อน! ร้อนมาก!
แต่ไม่ช้าเขาก็พบอะไรบางอย่าง การผ่าตัดของเฉินชางค่อนข้างเสถียร!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับแต่งบริเวณหางตาและหัวตา วิธีการของเขาค่อนข้างมีระดับ อาจเรียกได้ว่าแม่นยำมาก! นี่ทำให้จางจื้อซินรู้สึกแปลกใจจนต้องรีบมองไปที่เฉินชางอย่างตั้งใจ หากไม่ดูคงไม่รู้ แต่พอดูก็ทำให้จางจื้อซินตกใจจนตาค้าง
ต้องทราบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการผ่าตัดปรับแต่งใบหน้าก็คือการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด ซึ่งจะดูจากกล้ามเนื้อและลักษณะรอยย่นของผิวหนังแล้วออกแบบเป็นโครงร่างที่ดีที่สุด และเหมาะกับโครงสร้างใบหน้าที่สุด
ดังนั้นในการผ่าตัดปรับแต่งใบหน้าจึงสำคัญที่ความแม่นยำ และยากที่ความแม่นยำ!
จำเป็นต้องเลือกจุดที่ดีที่สุดในรายละเอียดเหล่านี้ หากเลือกผิดไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตรก็อาจทำให้ผลลัพธ์แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อมีระบบคำชี้แนะจากอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง เฉินชางจึงซ่อมแซมและแก้ไขส่วนที่เขาเห็นว่าไม่ดีไปหลายแห่ง
การผ่าตัดปรับแต่งดวงตาไม่ซับซ้อน แต่เฉินชางกลับใช้เวลาไปถึงหนึ่งชั่วโมงกว่า ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของจางจื้อซินแล้ว
ดูเหมือนว่าเฉินชางทำให้เขามีกำลังใจ การผ่าตัดของจางจื้อซินจึงไม่มีอะไรผิดพลาด ทำสำเร็จเต็มร้อย!
การผ่าตัดเสร็จสิ้นลงแล้ว!
จู่ๆ ฟู่อวี้ฟางก็เริ่มรู้สึกกังวล ความจริงการศัลยกรรมถือเป็นการเสี่ยงอันตรายสำหรับผู้หญิง จะต้องรวบรวมความกล้าให้มาก และไม่ใช่ทุกคนที่กล้าตัดสินใจทำศัลยกรรม!
ตอนเริ่มฟู่อวี้ฟางยังเต็มไปด้วยกำลังใจ แต่ตอนนี้เมื่อทำเสร็จแล้วกลับรู้สึกไม่สบายใจ
“เสร็จแล้วหรือคะ?”
เฉินชางพยักหน้า “ประสบความสำเร็จมากครับ ช่วงนี้คุณพักผ่อนให้ดีนะครับ”
การผ่าตัดเคสที่สอง จางจื้อซินผ่อนคลายลงแล้ว ไม่ได้สงสัยในตัวเฉินชางเหมือนเมื่อครู่นี้อีก ทว่าไม่สงสัยแล้วก็จริง แต่กลับต้องรู้สึกตื่นตะลึง
เรื่องอื่นของเฉินชางเขาอาจไม่รู้ แต่ในเรื่องการศัลยกรรมความงาม จางจื้อซินเป็นคนพาเฉินชางเข้าสู่วงการ เป็นเขาที่พาเฉินชางเดินเข้ามาในวงการนี้ทีละก้าวๆ นี่เพิ่งจะผ่านไปเท่าไหร่เอง?
อีกฝ่ายมาอาทิตย์ละสองวัน มาแล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้ลงมือ งานสำคัญๆ ก็ไม่ได้ทำมากเท่าไหร่
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ให้เฉินชางทำ แต่เป็นเพราะไม่วางใจ ไม่ต้องพูดถึงตัวเองเลย ใครจะวางใจได้ล่ะ?
แต่ตอนนี้ ดูๆ ไปแล้ว จางจื้อซินพบว่าตนใช้ความคิดของตัวเองไปตัดสินคนอื่นเกินไป?
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เฉินชางเห็นการผ่าตัดมาหลายเคสแล้ว เขาเลยทำเองได้?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะสงสัยและคาดเดาอย่างไร ในเมื่อความจริงมาปรากฏตรงหน้าแล้ว สงสัยไปจะได้อะไรขึ้นมา?
เมื่อเห็นเฉินชางเริ่มผ่าตัดเคสที่สอง จางจื้อซินก็สูดหายใจลึก เขายากจะเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้เพิ่งเข้ามาสู่วงการนี้แค่ไม่กี่วัน ไม่อยากคิดเลยว่าหากให้เวลาเขาอีกหน่อย อนาคตของเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน!
บางที…
นี่อาจเป็นพรสวรรค์! ไม่อาจใช้สายตาของคนธรรมดาไปตัดสินได้!
จู่ๆ จางจื้อซินก็คิดว่า ตอนนี้ตนทำอะไรก็ต้องจับขาเฉินชางไว้ให้แน่น เพราะระดับการพัฒนาของตนเทียบเฉินชางไม่ได้เลย ขอเพียงก้าวตามเฉินชางไป อย่างไรก็ต้องมีงานทำ!
เมื่อคิดตกแล้ว จางจื้อซินก็สูดหายใจลึก คิดว่าต้องซื้ออุปกรณ์เสริมหรือไม่