บทที่ 179 ผมไม่มีเงิน
ความจริงแล้วเฉินชางไม่อยากลุกจากเตียงนอน แต่ใครจะไปรู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้ฉินเยว่ต้องโทรมาหาตนตอนตีสาม
จะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน!
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องบทความวิจัยนั้นที่ได้ตีพิมพ์ลงบนวารสาร ‘ปลูกถ่ายตับ’ เฉินชางยังคงตัดสินใจลุกขึ้นมารับสายดูว่ามีเรื่องอะไร
ในเวลากลางคืนเช่นนี้ เฉินชางสวมแค่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น ทำให้รู้สึกค่อนข้างหนาว หลังจากที่ไปถึงโรงพยาบาลแล้ว เฉินชางก็เห็นฉินเยว่รอเขาอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าแล้ว
“เฉินชาง ทางนี้!” ฉินเยว่เรียกเขาด้วยเสียงเบา!
เฉินชางวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาเธอ “เกิดอะไรขึ้น”
ฉินเยว่ชี้นิ้วไปที่ข้างใน “มีผู้ป่วยจิตเวชคนหนึ่งมาที่นี่”
เฉินชางชะงักงัน ตกตะลึงอยู่สามวินาที กล่าวด้วยท่าทางที่ดูเคร่งขรึมจริงจัง “มีผู้ป่วยจิตเวชมาที่โรงพยาบาลแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่โทรเรียกผมมากลางดึกกลางดื่น?…”
“คุณควรจะติดต่อขอความเห็นจากแผนกจิตเวชไม่ใช่หรือไง”
ฉินเยว่ทำปากยู่ “หมอแผนกจิตเวชเข้ามาตรวจแล้วค่ะ แต่ทางนั้นบอกว่าผู้ป่วยดูไม่ได้มีอาการทางจิต ทางนั้นเลยไม่รับตัวไป”
เฉินชางขมวดคิ้ว “ไปกันเถอะ ไหนๆ ผมก็มาแล้ว ไปดูหน่อยว่าเป็นอะไร”
ฉินเยว่พยักหน้า “คุณระวังตัวด้วยนะคะ ฉันรู้สึกว่าผู้ป่วยมีอาการพูดจาเลอะเทอะไม่ค่อยรู้เรื่อง”
เฉินชางหันกลับมา เขารู้ว่าฉินเยว่ค่อนข้างหวาดกลัว ทำให้สารอะดรีนารีนในร่างกายของเขาหลั่งออกมาหนึ่งมิลลิลิตร ดูเหมือนว่าจะทำให้ความกล้าหาญ +1? ความเป็นลูกผู้ชาย +1?
เมื่อเดินเข้าไปในโถงแผนกฉุกเฉิน เฉินชางก็เห็นชายขาเป๋คนหนึ่งเดินกะเผลกอยู่กลางโถง เดี๋ยวก็จับนู่น เดี๋ยวก็สัมผัสนี่ สวมเสื้อกล้ามสีแดงเก่าๆ รองเท้าผ้าใบสีดำขาดเป็นรูหลายแห่ง ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเป็นคนเร่ร่อน
และดูเหมือนว่าชายคนนี้จะสนใจไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เขาสัมผัสสิ่งต่างๆ อย่างระมัดระวัง เดินก็เดินอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่ารองเท้าที่ตนสวมอยู่ทำให้พื้นสกปรก เขาก็รีบถอดรองเท้าออก แล้วก้มลงเอาชายเสื้อเช็ดพื้นจนสะอาด
เฉินชางมองฉินเยว่ทีหนึ่ง
หรือว่าจะป่วยทางจิตจริงๆ
พยาบาลที่เคาน์เตอร์พยาบาลเผ่นหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ และในตอนนี้เอง ชายคนนี้ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ด้านหลัง
เขาหันมาทันที!
เฉินชางถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง!
ว้อท?
สิ่งที่เห็นคือที่หน้าอกของชายคนนี้มีเหล็กเส้นยาวปักอยู่!
ทำเอาเฉินชางถึงกับตกใจมากในทันใด มิน่าเล่าฉินเยว่ถึงได้โทรหาตน
แต่…
ฉินเยว่โทรหาตน แล้วตนจะโทรหาใคร…
ชายคนนี้อายุไม่มาก เฉินชางเดาว่าน่าจะอายุประสามสิบได้ ศีรษะโล้น
เฉินชางถามด้วยความระมัดระวังว่า “สวัสดีครับ คุณมาหาหมอใช่มั้ยครับ”
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินชาง สายตาของชายหนุ่มเมินเฉยไม่สนใจเฉินชางที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่ฉินเยว่ เขามองอย่างไม่ละสายตา มองเสียจนฉินเยว่รู้สึกผวา
และในตอนนี้เอง จู่ๆ ชายคนนี้ก็หัวเราะออกมา “คุณหมอ คุณหมอหน้าตาดีจังครับ…”
เมื่อฉินเยว่ได้ยินคำนี้ เธอไม่เพียงไม่รู้สึกดีใจ แต่ใจเธอกลับยิ่งรู้สึกหวาดผวามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เธอฝืนยิ้มออกมา “คุณก็หน้าตาดีเหมือนกันค่ะ คุณก็หน้าดีเหมือนกัน…”
เมื่อชายคนนี้ได้ยินสิ่งที่ฉินเยว่พูด เขาก็ก้มหน้าทันทีด้วยความเขินอาย “สมัยวัยรุ่นผมหล่อมาก…”
แล้วเฉินชางถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าฉินเยว่สวมชุดกาวน์สีขาว ดังนั้นผู้ป่วยก็เลยไม่สนใจตน
เฉินชางรีบกลับเข้าในห้องทำงานทันที หยิบชุดกาวน์ที่วางพาดบนเก้าอี้ขึ้นมาสวม แล้วเดินกลับออกไปใหม่อีกครั้ง
ชายคนนั้นหันมาอย่างกะทันหัน ทำเอาลวดเหล็กดัดที่ปักอยู่กลางอกเขาเกือบจะเหวี่ยงมาโดนหน้าเฉินชาง เฉินชางถอยหนึ่งก้าวทันใด!
เฉินชาง “ผมเป็นหมอครับ ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ผมช่วยคุณได้บ้าง”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ผม…ผมมาให้หมอตรวจแผลที่อก!”
หลังจากที่พูดประโยคนี้จบ เขาก็พูดเสริมทันทีว่า “แต่ผมไม่มีเงิน”
เมื่อเฉินชางเห็นว่าชายหนุ่มยังพูดจารู้เรื่องอยู่ เขาก็พยักหน้า “คุณมีบัตรประชาชนมั้ยครับ จะได้ลงทะเบียนก่อน ไม่เสียเงินครับ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่มีครับ ผมไม่มีบัตรประชาชน”
เฉินชางพลันชะงักงัน “ไม่มีเงินไม่เป็นไรครับ คุณเอาบัตรประชาชนให้ผมก่อน ระเบียบการเข้ารักษาจำเป็นต้องใช้บัตรประชาชน ค่ารักษาพวกเราช่วยทำเรื่องค้างชำระไว้ก่อนให้คุณได้”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินว่าทำเรื่องค้างชำระไว้ก่อนได้ เขาก็กล่าวขึ้นว่า “คุณหมอทำเรื่องค้างชำระไว้ก่อนให้ผม ผมก็จ่ายไม่ไหวอยู่ดีครับคุณหมอ ผมไม่มีเงิน”
ถึงตอนนี้ พยาบาลฉางลี่น่ากับพยาบาลฝึกหัดคนหนึ่งเดินเข้ามายืนข้างเฉินชาง ฉางลี่น่าพูดกระซิบเสียงเบาว่า “หมอเสี่ยวเฉินคะ เมื่อกี้นี้เขาเอาแต่บอกว่าไม่มีเงิน”
เฉินชางกล่าวปลอบขวัญชายหนุ่ม “ไม่เป็นไรครับ คุณตามผมไปที่ห้องหัตถการ ผมจะช่วยดูให้คุณว่าเป็นอะไรหรือเปล่า”
ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่ “ผมไม่มีเงินครับ”
เฉินชางยิ้ม “ผมช่วยดูแผลให้คุณ ไม่เอาเงิน ผมจะดูว่าเราควรจะทำยังไง ดูว่าอาการของคุณสาหัสแค่ไหน”
หลังจากพูดจบ เฉินชางก็ประคองแขนชายหนุ่มเดินไปที่ห้องหัตถการ
ฉางลี่น่ากับพยาบาลฝึกหัดอีกสามคนเดินตามเฉินชางไปด้วยความสงสัย เฉินชางถลึงตาจ้องทีหนึ่ง ฉางลี่น่ากับพยาบาลฝึกหัดสามคนก็เลยยอมเดินออกไปด้วยความผิดหวัง
แล้วฉินเยว่กับเฉินชางก็ปิดประตูห้องหัตถการลง
ในตอนนี้ฉินเยว่ก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มไม่ได้มีอาการป่วยทางจิต “คุณชื่ออะไรคะ”
ชายหนุ่มลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง “ผมลืมแล้ว”
ฉินเย่ว “…”
เฉินชางเดาว่าชายหนุ่มไม่อยากตอบ ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในโรงพยาบาล ชายคนนี้ก็เอาแต่เน้นย้ำว่าเขาไม่มีเงิน ถามเขาว่าเป็นอะไรเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่ตอบ
ทุกถ้อยทุกคำที่เปิดปากพูดมีแต่คำว่า ‘ผมไม่มีเงิน’
เฉินชางก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันใด เขาคลิกที่ชายคนนั้น
[จูหย่งวั่งจิตใจตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง ช่วยปลดล็อกปมในใจให้จูหย่งวั่งอาจพบภารกิจ]
ลวดเหล็กดัดที่ปักตรงหน้าอกเฉียงไปทางซ้ายของอก เฉินชางเป็นห่วงมากอยู่เรื่องหนึ่งคือ จะแทงทะลุหัวใจหรือเปล่านะ?
ตำแหน่งนั้นอยู่ใกล้กับตำแหน่งของหลอดเลือดแดงปอด[1] มาก จะแทงทะลุเข้าไปแล้วหรือเปล่า
เฉินชางอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “ลวดเหล็กดัดนี้แทงเข้าไปได้ยังไงครับ หลังจากที่แทงเข้าไปแล้วมีอาการอะไรหรือเปล่า”
ชายหนุ่มหัวเราะอย่างขมขื่น “ผมเป็นคนแทงตัวเองครับ ซ่อมแซมบ้านแล้วมีลวดเหล็กดัดนี้เหลืออยู่ เดิมทีเป็นเหล็กยาวขนาดนี้ครับ แต่หลังจากที่แทงเข้าไปแล้ว ผมเดินไปไหนมาไหนลำบาก ผมก็เลยหักทิ้ง!”
ขณะที่เล่าให้เฉินชางฟังอยู่นั้น เขาก็ใช้มือสองข้างกะความยาวของลวดเหล็กดัดให้เฉินชางดู เขาหัวเราะด้วยความสิ้นหวังถึงที่สุด
เมื่อฉินเยว่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็พลันเปลี่ยน เธอถามเขาว่า “คุณโง่หรือเปล่า ทำไมทำแบบนี้ คุณไม่กลัวตายหรือไง”
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว “ก็เพราะผมอยากตายถึงได้ทำ แต่ผลคือไม่ตาย…”
คำพูดเพียงหนึ่งประโยคทำเอาเฉินชางกับฉินเยว่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เฉินชางหยิบกรรไกรมา “ผมจะตัดเสื้อคุณ จะได้ดูได้ว่าบาดแผลคุณเป็นยังไงบ้าง”
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ผมมีเสื้อแค่ตัวนี้ตัวเดียว”
เฉินชาง “ผมจะชดใช้คืนให้คุณหนึ่งตัว เสื้อผมเอง”
เฉินชางถือกรรไกรตัดที่เสื้อกล้ามสีแดงให้ขาดออกจากกัน ทันใดนั้นเฉินชางก็พบว่าบริเวณผิวหนังโดยรอบที่โดนลวดเหล็กดัดแทงเข้าไปเน่าแล้ว รอบบาดแผลเป็นหนองอย่างรุนแรง แม้แต่เฉินชางเองก็ยังอดขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้
นี่จะต้องเจ็บมากขนาดไหน!
ฉินเยว่รู้สึกตกใจยิ่งกว่า อากาศในช่วงฤดูร้อนอากาศก็ร้อนมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บาดแผลประเภทนี้เน่าและติดเชื้อง่ายมากอยู่แล้ว ไม่! ในตอนนี้บาดแผลของชายหนุ่มคนนี้เน่าและติดเชื้อไปแล้ว!
ฉินเยว่รู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังสั่นเทิ้ม เธอที่เคยเห็นโรคแปลกๆ มาตั้งมากมายเวลาที่ตรวจผู้ป่วยยังเกิดอาการสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
น้ำเสียงของฉินเยว่สั่นเครือ “คุณ…คุณไม่เจ็บเหรอ”
ชายหนุ่มเบ้ปากหัวเราะออกมา “ยังไหว ไม่เจ็บปวดเท่าเป็นมะเร็ง”
ทันทีที่คำพูดประโยคออกมาจากปากชายหนุ่ม ฉินเยว่กับเฉินชางสบตากันทีหนึ่ง “คุณรู้ได้ยังไงคะว่าคุณเป็นมะเร็ง”
ชายหนุ่มหัวเราะด้วยความรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจมากเป็นพิเศษ “ผมตรวจที่โรงพยาบาลแถวบ้านเก่า พวกเขาบอกว่าผมอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งปี เชื้อมะเร็งแพร่กระจายเข้าไปในกระดูกขาแล้ว”
ระหว่างที่ชายหนุ่มเล่า เขาก็ชี้นิ้วไปที่ขาขวาที่เฉินชางคิดว่าขาเป๋
[1] หลอดเลือดแดงปอด (Pulmonary artery) เป็นหลอดเลือดแดงซึ่งนำเลือดที่ไม่มีออกซิเจนจากหัวใจห้องล่างขวาเข้าสู่ปอด ซึ่งถือว่าเป็นหลอดเลือดแดงเพียงชนิดเดียวที่บรรจุเลือดแดงที่ปราศจากออกซิเจน