บทที่ 182 สุดแผนที่ ปรากฏมีดสั้น
เฉินชางเป็นฝ่ายไปหาจูหย่งวั่ง
“พิจารณาจากสภาวะทางร่างกายของคุณตอนนี้ พวกเราแนะนำให้คุณใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งนี้ต่อไปครับ”
จู่หย่งวั่งไม่เข้าใจ เขาถามด้วยนัยน์ตาที่เบิกโต “ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งนี้? หมายความว่ายังไงครับคุณหมอ”
เฉินชางอธิบายหนึ่งรอบด้วยความอดทน “ก็คือพวกเราจะไม่ดึงลวดเหล็กดัดออกมาจากร่างกายคุณ คุณรู้จักการสู้รบใช่มั้ยครับ มีนักรบหลายคนที่ร่างกายมีกระสุนปืน มีเศษระเบิดที่ฝังอยู่ตามร่างกาย ไม่ได้เอาออกมา แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิต ดังนั้นลวดเหล็กดัดเส้นนี้ก็จะไม่กระทบอะไรกับชีวิตของคุณเช่นกัน…”
“…แล้วอีกอย่าง ถ้าหากผ่าตัดแล้วอายุของคุณก็จะยิ่งสั้นลงกว่าเดิม ดังนั้น…ผลการหารือสรุปว่าการผ่าตัดไม่ได้ส่งผลดีอะไรกับตัวคุณ”
จูหย่งวั่งถึงกับหน้าชาทันใด ตามมาด้วยเสียงหัวเราะดุร้าย “คุณหมอหมายความว่าไม่ว่าจะยังไงผมก็ต้องตายอยู่ดี ดึงออกหรือไม่ดึงออกก็ค่าเท่ากัน ถ้าดึงออกก็เปลืองเงินเปล่า คุณหมอหมายความว่าอย่างงี้ใช่มั้ยครับ”
เฉินชางพยักหน้า “สภาวะทางร่างกายของคุณ คุณเข้าใจดีมากที่สุด ผมทำได้แค่บอกทางเลือกที่เป็นประโยชน์กับตัวคุณที่สุดให้คุณทราบ อันที่จริงสิ่งที่พวกเราทำได้ เราก็ได้ทำจนครบแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ จูหย่งวั่งก็แค่นหัวเราะออกมาทันใด “ตอนนี้คุณหมอต้องการจะไล่ผมแล้ว?”
เฉินชางรู้สึกจนปัญญา นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาพูดคำว่า ‘คุณต้องการจะไล่ผม’
เฉินชางถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก “ผมไม่ได้จะไล่คุณ เพียงแต่กำลังพวกเรามีจำกัด อะไรที่ช่วยคุณได้พวกเราก็ได้ช่วยแล้ว อะไรที่เกินกว่ากำลังอำนาจในการตัดสินใจของพวกเรา พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ขอโทษจากใจอย่างลึกซึ้งครับ!”
จูหย่งวั่งหัวเราะลั่น เขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวจนชิดกับตู้ สูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งที!
เฉินชางหันหลังจะเดินออกไป
สายตาของจูหย่งวั่งแหลมคมขึ้นมาในทันใด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชังและเคียดแค้นกับความไม่เป็นธรรมที่ต้องเผชิญ และแล้วก็ราวกับว่าเหตุการณ์ได้เดินทางมาจนสุดทางแล้วความจริงจึงปรากฏ!
เขาวิ่งออกไปจากห้องสังเกตอาการ วิ่งไปยังโถงใหญ่ของโรงพยาบาล!
แผดเสียงตะโกนดังลั่น!
“มีสิทธิ์อะไร!”
“มีสิทธิ์อะไร!”
“มีสิทธิ์อะไร!”
“ทำไมผมต้องป่วย ทำไมผมต้องเป็นคนป่วยที่ไม่มีเงินรักษา ทำไมผมต้องสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ทำไมพวกคุณแต่ละคนสวมเสื้อผ้าดีๆ ทำไมพวกคุณถึงได้ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ได้พักอาศัยในตึกสูง มีรถขับ ได้ไปกินอาหารในร้านอาหาร ป่วยก็ได้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีเงินใช้จ่าย! พวกคุณมีสิทธิ์อะไร…ผมไม่มีเงินพวกคุณก็ไม่รักษาให้ผมใช่มั้ย พวกคุณคิดว่าผมน่ารังแกมากใช่มั้ย…”
“…ได้ ไม่รักษาให้ผมใช่มั้ย! ผมจะแก้แค้นสังคม ถึงยังไงผมใกล้จะตายอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ…”
คนรอบข้างต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่นเป็นลูกนก
ทุกคนต่างมองชายหนุ่มด้วยท่าทางระแวดระวังตัว
ฉางลี่น่าตกใจกลัวจนถอยหลบ เธอดึงแขนฉินเยว่ไว้แล้วกล่าวว่า “คุณเห็นหรือยัง! ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้! ฉันรู้!”
เฉินชางรีบวิ่งเข้าไปหาจูหย่งวั่งทันที “ผมอธิบายให้คุณฟังอย่างละเอียดชัดเจนแล้ว พวกเราช่วยคุณได้เท่านี้ ถ้าทำการผ่าตัดให้คุณ ก็จะทำให้อายุของคุณยิ่งสั้นเข้าไปอีก!…”
“…จะว่าไปแล้วพวกเราเองก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปเหมือนกัน พวกเราจะกินข้าวก็ต้องลำบากตรากตรำทำงานหนักหาเงินมาซื้อข้าวกินเหมือนกัน เข้างานเลิกงานก็นั่งรถสาธารณะเบียดเสียดแออัด พวกเราไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างไปจากคนทั่วไป คุณอย่ามีความคิดเช่นนี้ในหัวเด็ดขาด คุณต้องคิดถึงลูกของคุณ คุณอยากให้ลูกของคุณก็ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับคุณเหรอครับ”
จูหย่งวั่งหันมาจ้องมองเฉินชางทันที “คุณหมอเฉิน คุณหมอวางใจเถอะ ผมไม่วางระเบิดโรงพยาบาลหรอกครับ พวกคุณทุกคนเป็นคนดี!”
เฉินชางรีบปลอบประโลมเขา “จูหย่งวั่ง คุณอย่าคิดอะไรฟุ้งซ่านเด็ดขาด คุณกลับไปที่ห้องผู้ป่วยกับผม ผมจะคุยกับคุณให้เข้าใจ คุณไปนอนพักที่ห้องผู้ป่วยสักครู่ก่อน เดี๋ยวผมจะไปหาหัวหน้าจ้าว ไปปรึกษาเรื่องของคุณกับเขาสักหน่อย ลองคุยกับเขาสักรอบ แบบนี้เป็นไงครับ”
หลังจากที่พูดจบแล้ว เขาก็บอกกับฉินเยว่ว่า “คุณดูแลเขาก่อน”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ไปหาหลี่เป่าซาน
เมื่อหลี่เป่าซานเห็นเฉินชางวิ่งเข้ามา “เกิดอะไรขึ้นครับ”
เฉินชางอธิบายด้วยความรีบร้อนหนึ่งรอบ ทั้งสามคนถึงกับนิ่งขรึมในทันใด ทุกคนต่างคิดใคร่ครวญอย่างสุดความสามารถ!
ในเวลานี้ เฉินชางพยายามสูดลมหายใจอย่างเต็มที่ กวาดตามองทุกคน กล่าวหารือด้วยความตั้งอกตั้งใจ “หัวหน้าทุกท่านครับ ผมมีแนวคิดอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเราคุยเรื่องนี้กันตามหลักเหตุผลก็จะได้ข้อสรุปเดียวกันกับหัวหน้าหยางและหัวหน้าเถา ที่ว่าไม่แนะนำให้ผ่าตัดเพราะเขามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงสามเดือน แทนที่จะเสียเงินจำนวนมากเพื่อทำการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูงขนาดนี้ ถึงขั้นที่ทำให้เวลาชีวิตที่เหลือน้อยของเขายิ่งลดน้อยลงไปอีก ความคิดนี้ไม่ผิดครับ…
…แต่ ผู้ป่วยคนนี้มาถึงจุดที่หมดอาลัยตายอยากกับชีวิตแล้ว สิ่งที่ต้องเผชิญในชีวิตโจมตีชายหนุ่มคนนี้จนทุกข์ทรมานถึงจุดแตกหัก เขายังหนุ่ม อายุเพิ่งจะสามสิบกว่าเอง พวกเราควรจะพิจารณาถึงสภาพจิตใจภายในของเขากับโลกแห่งจิตวิญญาณของเขา คนเป็นแพทย์สำคัญที่หัวใจแห่งการรักษา…
…ดังนั้นผมแนะนำให้พยายามช่วยชีวิตผู้ป่วยให้เต็มที่ ไม่ควรคิดว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ พวกเราควรรักษาเขา สิ่งนี้เป็นความหวังเดียวบนโลกใบนี้ของเขา อีกทั้งยังเป็นความอบอุ่นเดียวที่เขาสัมผัสได้ ถึงขั้นที่อาจจะทำให้เขารู้สึกได้ถึงความหวังดีเพียงเล็กน้อยในสังคมที่เขาได้รับ…
…เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา ผมจะพยายามรวบรวมให้ครบ ผมจะสำรองจ่ายไปก่อน เรื่องการผ่าตัด ผมจะเป็นคนผ่าตัดเอง! ผมทำได้! ดังนั้นหวังว่าหัวหน้าทุกท่านจะให้โอกาสนี้กับผม!”
เฉินชางตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะช่วยชีวิตจูหย่งวั่งสักตั้ง เสียเงินนิดหน่อยถือซะว่าเป็นการลงทุนกับภารกิจของตน ถึงอย่างไรก็ไม่เสียหาย!
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มีหลายเรื่องมากที่คุณรู้อยู่เต็มอกว่าทำไปก็เสียแรงเปล่า แต่คุณก็ยังจำเป็นต้องทำ!
ก็เหมือนกันกับเรื่องนี้ เขาอาจไม่มีความจำเป็นต้องช่วยจูหย่งวั่ง ถึงขั้นที่การผ่าตัดนี้จะนำซึ่งผลร้าย!
แต่การผ่าตัดจะช่วยเยียวยาจิตใจของจูหย่งวั่งได้!
ทำให้จูหย่งวังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่มีอยู่บนโลกใบนี้ เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องจากโลกใบนี้ไปก็ยังมีความทรงจำที่ดีในชีวิตเพิ่มขึ้นมา
หลังจากที่เฉินชางพูดจบแล้ว เขาก็เดินออกจากห้องไป
หลังจากที่ออกมาจากห้องแล้ว เฉินชางก็ไปหาจูหย่งวั่งที่ห้องสังเกตอาการทันที ทว่าทันใดนั้นเขากลับพบว่าชายหนุ่มไม่อยู่แล้ว!
สีหน้าของเฉินชางพลันเปลี่ยน เขาวิ่งไปที่ห้องทำงาน เห็นฉินเยว่นั่งอยู่ตรงนั้น เขาตะโกนถามเสียงดัง “แค่คนคนเดียวทำไมคุณยังดูไม่ได้!”
ฉินเยว่ถึงกับชะงักงัน นัยน์ตาของเธอแดงก่ำ “นี่เป็นความผิดของฉัน? เรื่องนี้โทษฉันได้ด้วยเหรอ ขาติดอยู่กับตัวเขา ฉันจะไปห้ามเขาได้เหรอ…”
“…จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่เช้าฉันไม่เป็นอันทำอะไรเลย ฉันต้องเอาเวลาตามเฝ้าเขา?…”
“…รั้งเขาไว้แล้วได้อะไร คุณช่วยชีวิตเขาได้หรือไง เขาอาการหนักขนาดนี้แล้ว คุณจะช่วยเขายังไง!”
เฉินชางกัดฟันกรอด เขาวิ่งออกไปจากห้องทำงาน!
เมื่อเจอฉางลี่น่า “เห็นจูหย่งวั่งมั้ยครับ”
ฉางลี่น่าส่ายหน้า “ไม่เห็นนะคะ! คงจะหนีไปแล้วมั้งคะ…”
“…ทุกวันที่แผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่หนีออกจากโรงพยาบาลไปเพราะเงินไม่พอค่ารักษา!”
เฉินชางชะงักงัน “ทำไมคุณไม่รั้งเขาไว้”
ฉางลี่น่าหัวเราะหึๆ ออกมา “ทำไมฉันถึงไม่รั้งเขาไว้น่ะเหรอคะ ลักษณะท่าทางของเขาคุณเองก็เห็น เขาไม่ชอบฉัน เกิดเขาเอามีดแทงฉันขึ้นมาจะทำยังไง ฉันไม่เอาชีวิตของฉันไปเสี่ยงกับคนประเภทนี้หรอกค่ะ…”
“…จะว่าไปแล้ว…ถ้าเขาไม่หนี เขาจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่ารักษาคะ! เวลาที่หัวหน้าพยาบาลด่าขึ้นมา คนที่โดนด่าไม่ใช่คุณ แต่เป็นฉัน!”
กล่าวตามความเป็นจริง ฉางลี่น่าไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้กับจูหย่งวั่งเลยแม้แต่นิดเดียว!
ถึงขั้นรู้สึกรังเกียจ!
คนอย่างจูหย่งวั่ง เป็นคนที่จงเกลียดจงชังและเคียดแค้นกับความไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น
เธอเป็นแค่พยาบาลตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แสดงเคารพรักอยู่ห่างๆ ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง