เฉินชางพบว่าในสุดคนรอบข้างก็เริ่มมีเสียงพูดคุยเล็กน้อยแล้ว เขาถอนหายใจออกมา
นี่แผนกอะไร
แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองยังดีกว่า ทุกวันมีพี่เชียนเอ๋อร์คุยโม้ให้ฟัง ฟังคนขี้ประจบตะโกนชื่นชม ส่วนตนก็สั่งให้หวังหย่งเขียนบันทึกประวัติผู้ป่วย แบบนี้ถึงจะเรียกว่าสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่หมอควรได้รับ
แล้วดูที่นี่ แต่ละคน…
เมิ่งซีพยักหน้า “อืม ไม่เลว”
หลังจากที่เฉียนหลินได้ยินเช่นนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมาทันที คิดไม่ถึงว่าปีศาจสาวตนนี้จะชมคนเป็น?
เห็นได้น้อยมาก
ทุกครั้งเวลาที่ตนทำโอที คำพูดที่ได้ยินมากที่สุดคือ ทำไมคุณถึงได้โง่ขนาดนี้เนี่ย!
คำพูดนี้วนเวียนอยู่ข้างหูของเฉียนหลินมาเป็นเวลาหลายเดือน ทำให้เขารู้สึกล้มเหลว!
จนกระทั่งผลคะแนนสอบเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทออก คะแนนของเขาอยู่อันดับหนึ่งของนักศึกษาแพทย์ที่สอบเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ความรู้สึกล้มเหลวนี้ก็เลยค่อยๆ หายไป
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่านางปีศาจเมิ่งจะชมคนเป็นด้วย!
หมอที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างก็มองหน้ากันเลิกลั่ก น้อยมากจริงๆ ที่จะเห็นเมิ่งซีกล่าวชมใคร สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นน้อยมากจริงๆ
แต่พ่อหนุ่มน้อยคนนี้เก่งมากจริงๆ ทักษะในการฟังภาษาอังกฤษของเขา บอกได้คำเดียวว่ายอดเยี่ยมแน่นอน
“คุณทำงานเป็นหมออยู่โรงพยาบาลมาสามปี การผ่าตัดขั้นพื้นฐานทำได้หมดแล้วใช่มั้ยคะ” ความจริงแล้วในใจเมิ่งซีพอใจในตัวเฉินชางมาก กล่าวตามความจริงว่าทักษะภาษาอังกฤษระดับเขามีไม่กี่คนที่ทำได้
บทความวิจัยเมื่อครู่นี้มีคำศัพท์เฉพาะทางเยอะมาก ถึงขนาดที่คำศัพท์จำนวนมากเป็นคำศัพท์ที่อยู่ในหมวดหมู่ของคำศัพท์การผ่าตัดที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็น สิ่งนี้ต้องอาศัยทักษะการแปลของเฉินชาง เมิ่งซีเลยวัดอะไรได้หลายอย่างมาก ประเด็นสำคัญคือทัศนคติที่มีต่อบทความวิจัยทางวิทยาศาสตร์ กับทัศนคติมีต่อการเรียนที่ไม่หยุดนิ่ง
เฉินชางพยักหน้า “ผ่าตัดขั้นพื้นฐานทั้งหมดพอได้ครับ แต่ปัจจุบันยังไม่เคยผ่าตัดหัวใจครับ”
เมิ่งซีพยักหน้า “อ๋อ ค่ะ…เย็บหลอดเลือดเป็นมั้ยคะ”
เดิมทีเฉินชางคิดว่าตนเองควรจะตอบตามความจริงว่าชำนาญมากทีเดียว แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วว่าทุกคน ณ ที่แห่งนี้เป็นอยู่แผนกศัลยกรรมหัวใจกันทั้งนั้น เป็นแผนกที่เจอหลอดเลือดทั้งวัน เฉินชางเลยคิดว่าตนควรจะเก็บเป็นความลับสักหน่อย “ครับ เป็นนิดหน่อยครับ”
เมิ่งซีเงยหน้าขึ้นมามองหมอคนอื่นๆ โดยรอบ บรรดาหมอทั้งทั้งหลายหันหน้าไปมทางอื่นทันที ฟึ่บๆ เริ่มเปิดแฟ้มประวัติผู้ป่วย
เมิ่งซีชี้ไปที่ชายคนหนึ่ง กล่าวว่า “หมอเก่อ เอาชุดฝึกทำหัตถการจำลองมาสองสามชุดกับอุปกรณ์เย็บแผลมาให้หน่อยค่ะ”
หมอที่เมิ่งซีเรียกว่าหมอเก่อรีบยืนตัวตรงทันที “ครับหัวหน้าเมิ่ง”
เมิ่งซีอายุสามสิบ แต่เธอมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้า แล้วแผนกศัลยกรรมหัวใจก็แบ่งทีมออกเป็นสามทีม มีหัวหน้าทีมทั้งหมดสามคน เมิ่งซีเป็นหนึ่งในสามคนนั้น หัวหน้าทีมทั้งสามคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปดูแลทีละทีม กล่าวอย่างตรงไปตรงมา เมิ่งซีเป็นผู้บังคับบัญชาของหมอทั้งหลาย นอกจากมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแล้ว เมิ่งซี ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นคนที่ศักยภาพที่แข็งแกร่งมากด้วย
ดังนั้นทุกคนก็เลยให้ความเคารพในตัวสาวน้อยเมิ่งซีมาก ทั้งที่เธออายุไม่ได้มากไปกว่าพวกเขาเหล่านั้นสักเท่าไหร่
ไม่นานหมอเก่อฮว๋ายก็ถืออุปกรณ์เย็บแผลกับชุดฝึกทำหัตถการจำลองมา สิ่งเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่แผนกศัลยกรรมใช้อยู่เป็นประจำ ส่วนใหญ่ใช้ในการฝึกเย็บหลอดเลือด เทคนิคการเย็บหลอดเลือดเป็นเทคนิคที่มีความจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการผ่าตัด ถึงจะเป็นเทคนิคขั้นพื้นฐาน แต่ก็เป็นเทคนิคที่มีความสำคัญมากที่สุด!
ดังนั้นไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม ทันทีที่หมอส่วนใหญ่มีเวลาว่างก็จะหยิบเข็มเย็บแผลขึ้นมาฝึกฝนฝีมือ
ซย่าเกาเฟิงเองได้กำหนดวันแข่งขันเล็กๆ ภายในแผนก เป็นการแข่งขันเย็บหลอดเลือด กติกาในการแข่งขันคือผู้ที่เย็บได้ไวและเย็บได้ถี่ที่สุดเป็นผู้ชนะ
เมิ่งซีกล่าวกับเฉินชางว่า “มาค่ะ เย็บให้ดูหน่อย เย็บสามสิบเข็ม ฉันจะดูว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่”
นี่เป็นหลอดเลือดแดงใหญ่จำลองสำหรับฝึกทำหัตถการสองชุด
หลังจากที่พูดจบ เมิ่งซีมองเก่อฮว๋ายเหมือนว่าจะกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ แล้วเธอก็หัวเราะออกมา “หมอเก่อ คุณแข่งกับหมอหนุ่มคนนี้สักหน่อย ดูซิว่าใครจะไวกว่า”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาจากปากของเมิ่งซี ทุกคนต่างมองมาที่เฉินชางด้วยสายตาที่ค่อนข้างเย้าหยอก
หมอเก่อคนนี้อายุไม่มาก อายุสามสิบห้า กำลังอยู่ในช่วงหนุ่มแน่นไฟแรงพอดี ในการแข่งขันเย็บหลอดเลือดภายในแผนก เขามักจะคว้าคะอันดับหนึ่งเสมอ เป็นบุคคลที่เข้าตาซย่าเกาเฟิงมาก
ขณะที่เก่อฮว๋ายรู้สึกค่อนข้างลังเลใจอยู่นั้น ทันใดนั้นซย่าเกาเฟิงก็เดินเข้ามา เขามองสถานการณ์ตรงหน้านี้ด้วยสีหน้าที่ดูสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ซย่าเกาเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเก่อ คุณฝึกเป็นเพื่อนหมอหนุ่มสักหน่อยสิ!”
ในตอนนี้เองจู่ๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น!
[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจ PK[1] ชนะเสี่ยวเก่อ อาจได้ดรอปของหรือได้รับหนังสือทักษะหนึ่งเล่มจากเสี่ยวเก่อ สามารถเลือกได้ตามใจชอบ!]
เฉินชางเลือกกดรับภารกิจ!
ภารกิจ PK
ฟังดูน่าเร้าใจมาก
เฉินชางรู้ว่าตนเย็บแผลได้เร็วมาก แต่ยังไม่เคยเปรียบเทียบกับคนอื่นว่าใครเย็บแผลได้เร็วกว่ากันแน่!
ดังนั้นเฉินชางก็เลยเงยหน้ามองเก่อฮว๋ายทีหนึ่ง เก่อฮว๋ายเป็นคนที่มีรูปร่างค่อนข้างผอมเพรียว ดูเต็มไปด้วยน่าความสนใจยิ่ง
ทันทีที่ได้ยินคำว่าแข่งขัน ทุกคนคนต่างก็ดูคึกคักมีชีวิตชีวากันขึ้นมาทันที
เฉียนหลินเหมือนแมวอ้วนที่แทรกตัวเบียดเสียดผ่านเข้าไปในกลุ่มคนได้ในที่สุด
เขามองเฉินชางด้วยความตื่นเต้น พึมพำส่งกำลังใจอยู่ในใจ สู้ๆ น้องชายสู้ๆ ความสุขของพี่ชายขึ้นอยู่กับน้องแล้ว
ซย่าเกาเฟิงเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เขาพินิจพิเคราะห์เฉินชางหนึ่งรอบ “พ่อหนุ่มลองแข่งดู แพ้ก็ไม่ต้องน้อยใจ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณคนนี้เป็นกำลังหลักของแผนกเรา”
หลังจากที่พูดจบ ซย่าเกาเฟิงก็มองเสี่ยวเก่อ “เสี่ยวเก่อ แสดงให้พ่อหนุ่มคนนี้ดูหน่อย ให้แรงผลักดันพ่อหนุ่มน้อยคนนี้หน่อย!”
แผนกศัลยกรรมกับแผนกอายุรกรรมไม่เหมือนกัน
ในแผนกศัลยกรรม การประลองเป็นเหมือนการฝึกฝีมือการต่อสู้ ส่วน PK ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ในการแข่งขันจะวัดฝีมือกันตั้งแต่รายละเอียดเล็กๆ อย่างการผูกปมไหมเย็บแผลว่าผูกได้กี่ปมภายในเวลาหนึ่งนาที ไปถึงจุดใหญ่ๆ อย่างการจำลองทักษะพิเศษในการผ่าตัด ถึงอย่างไรเสีย การเปรียบเทียบก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
แล้วการแข่งขันประเภทนี้ก็เป็นแง่ดี เมื่อผ่านกาแข่งขัน ก็จะได้ฝ่าขีดจำกัดของตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง และก้าวสู่ระดับใหม่ที่สูงขึ้น
และสิ่งนี้คือที่สุดของเป้าหมายในการแข่งขัน!
ซย่าเกาเฟิงไม่ได้ต้องการเห็นเฉินชางปล่อยไก่ สิ่งที่สำคัญคือต้องการให้เฉินชางได้รู้แนวทางในการพัฒนาความสามารถต่อไป
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ซย่าเกาเฟิงก็หัวเราะออกมา “มาครับ ใครจะเป็นคนจับเวลา ผมจะนับ สาม สอง หนึ่ง เริ่ม!”
ในตอนนี้ นักศึกษาปริญญาโทของซย่าเกาเฟิงรีบวิ่งเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือในมือ “ผมเป็นคนจับเวลาเองครับ!”
เฉินชางยิ้มให้เก่อฮว๋าย เขาหยิบคีมสำหรับจับเข็มเย็บแผลขึ้นมาช้าๆ
นักศึกษาปริญญาโทที่ยืนอยู่ข้างหลังเริ่มพูดขึ้นว่า “หมอเก่ออย่าลืมทำลายสถิติเก่านะครับ!”
เก่อฮว๋ายครองสถิติเย็บแผลได้เร็วที่สุดในแผนก ตัวเลขสถิติที่ครอบครองคือเย็บสามสิบเข็มภายในเวลาสองนาทีห้าสิบวินาที
เก่อฮว๋ายยิ้ม เขาหยิบคีมสำหรับจับเข็มเย็บขึ้นมา เตรียมพร้อมสอนบทเรียนให้กับเด็กหนุ่มคนนี้
การแข่งขันครั้งนี้ความจริงแล้วไม่มีอะไรที่ต้องพะวงใจทั้งสิ้น ฝ่ายหนึ่งเป็นนักศึกปริญญาโทตัวแทนพลังของคนรุ่นใหม่ของแผนกศัลยกรรมหัวใจโรงพยาบาลตงต้า เขาเป็นหมอที่เย็บแผลได้เร็วที่สุด อีกฝ่ายหนึ่งกำลังเตรียมจะเข้าเรียนในระดับปริญญาโท เขาเป็นหมอหนุ่มแผนกฉุกเฉิน
ในการเปรียบเทียบผลการแข่งขัน ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจการทำลายสถิติของเก่อฮว๋ายว่าจะสำเร็จหรือไม่
เมิ่งซีกับซย่าเกาเฟิงเห็นมือทั้งสองข้างของเฉินชางที่ถือคีมสำหรับจับเข็มเย็บแผลอยู่ สีหน้าทั้งสองก็ดูเหมือนว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ มือทั้งสองข้างนี้…มั่นคงมาก!
คนทั่วไปมองรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ไม่ออก แต่เมิ่งซีมองออก มือทั้งสองมั่นคงดั่งขุนเขา สำหรับศัลยแพทย์แล้ว มือทั้งสองที่มั่นคงเช่นนี้มีความสำคัญมาก
ซย่าเกาเฟิงมองเฉิงชางเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ “สาม…สอง…หนึ่ง เริ่ม!”
คำออกสตาร์ทเพิ่งจะออกจากปากซย่าเกาเฟิงไป เฉิงชางก็ตกใจจนสะดุ้งเล็กน้อย
เพราะหัวหน้าซย่าคนนี้พูดอยู่ข้างหูเขา จนมือทั้งข้างของเขาแทบสั่นเพราะความตกใจ
ขณะที่เขายึกยักอยู่นี้ เก่อฮว๋ายเริ่มเย็บหลอดเลือดอย่างรวดเร็ว!
เมื่อเฉินชางเห็นสถานการณ์ เขาก็เริ่มเย็บเช่นกันด้วยความสุขุมเยือกเย็น
ถ้าเหล่าหัวหน้าที่โรงพยาบาลอันดับสองอยู่ที่นี่ด้วย จะต้องถอนหายใจออกมาแล้วบอกกับตนว่า เฮ้…เสี่ยวเฉิน เริ่มประลองได้แล้ว
[1] PK ย่อมาจาก Player Kill การฆ่าผู้เล่นด้วยกัน