บทที่ 203 ที่แท้เขาก็คือเฉินชาง!
[ติ๊ง! ทักษะการรักษาภาวะหลอดอาหารทะลุส่วนทรวงอกเลื่อนขั้นเป็นระดับปรมาจารย์
ทักษะพิเศษ
1.แข็งแรงมั่นคง
2.ประณีตแม่นยำ!]
เฉินชางเงยหน้ามองเซียวเหอ “หัวหน้าเซียวครับ เตรียมผ่าตัดกันครับ”
ทันทีที่เฉินชางพูดคำนี้ออกมา นัยน์ตาของเซียวเหอก็พลันเปล่งประกาย!
“เสี่ยวเฉิน…คุณทำได้?”
เฉินชางพยักหน้าจริงจัง “ครับ ผมทำได้”
ทันทีที่เซียวเหอได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นเต้นดีใจพร้อมจะเดินออกไปที่ห้องส่องกล้อง ทว่าในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู เขาวกกลับมากะทันหัน “เราผ่าตัดในห้องหัตถการด้านในห้องส่องกล้องเลยได้มั้ยครับ”
เฉินชางลังเลเล็กน้อย “ไปที่ห้องผ่าตัดเถอะครับ จำเป็นต้องรมยาสลบครับ”
เซียวเหอพยักหน้า “ผมติดต่อห้องผ่าตัดให้ครับ”
หลังจากที่พูดจบ เซียวเหอก็หยิบโทรศัพท์มือถือโทรติดต่อห้องผ่าตัด
การผ่าตัดในวันนี้จะต้องเป็นเรื่องน้ำใจอย่างแน่นอน แต่ในฐานะที่เซียวเหอเป็นหัวหน้าประจำห้องส่องกล้อง ย่อมมีเรื่องของรักษาหน้าอยู่บ้าง
หลังจากเซียวเหอวางสายแล้ว เฉินชางก็กล่าวขึ้นว่า “ผมขอไปดูอาการผู้ป่วยสักหน่อย อ้อจริงด้วย…ได้ถ่ายรูปไว้หรือเปล่าครับ”
เซียวเหอพยักหน้า “มีครับ ตอนนั้นผมถ่ายไว้สองสามรูป”
เฉินชางรีบกล่าวทันที “ไปกันครับ ไปดูหน่อย”
ในเวลานี้ทั้งห้องส่องกล้องรู้กันหมดแล้วว่าหัวหน้าเซียวมีผู้ป่วยที่เกิดภาวะแทรกซ้อน ทุกคนต่างทยอยกันเข้ามาดูเผื่อว่ามีอะไรพอจะช่วยเหลือได้บ้าง
ในเวลานี้เฉินชางเดินนำหน้าหัวหน้าเซียวออกมาจากห้องทำงาน ส่วนเซียวเหอเดินตามอยู่ด้านหลัง ทั้งสองรีบเดินไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ เปิดดูรูปที่ถ่ายไว้
“คุณดูสิ ตรงนี้เป็นรอยทะลุที่เกิดขึ้นตอนส่องกล้อง…ผมสงสัยว่าตรงนี้จะมีรอยแตกนิดหน่อย ถ้าปล่อยทิ้งไว้ระยะยาวจะฉีกขาดได้ง่าย…”
เมื่อหมอส่วนใหญ่ในห้องส่องกล้องเห็นรูปภาพบนจอมอนิเตอร์ ต่างก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้!
หลอดอาหารทะลุ!…
ขืนยังมัวชักช้าอยู่จะต้องเกิดเรื่องใหญ่โตแน่!
เฉินชางดูรูปหลอดอาหาร หลังจากได้วิเคราะห์แล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ปัญหาไม่น่าจะใหญ่โตอะไรนัก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็เริ่มพูดปลอบประโลมเซียวเหอให้สบายใจ “ผู้ป่วยจำเป็นต้องเตรียมตัวก่อนผ่าตัด อันดับแรกคืองดอาหารแล้วใส่สายยางอาหารทางจมูกเพื่อลดแรงบีบตัวของหลอดอาหาร แล้วก็อย่าให้ผู้ป่วยกลืนน้ำลาย ให้คายออกมาให้หมด จากนั้นให้บ้วนปากด้วยน้ำยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาความสะอาดของช่องปากไว้”
เซียวเหอพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ครับๆ ได้ครับ!”
กระบวนการเหล่านี้จะช่วยป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งภายในช่องปากที่มีเชื้อแบคทีเรียปนอยู่จำนวนมากไหลผ่านรูรั่วทะลักเข้าไปในช่องทรวงอกทำให้เพิ่มโอกาสติดเชื้อที่รุนแรง!
เซียวเหอเรียกพยาบาลเข้ามา “ดำเนินการทุกอย่างตามที่เฉินชางบอก”
เมื่อครั้งที่แล้วที่เฉินชางมาผ่าตัดที่ห้องส่องกล้อง พยาบาลสาวท่านนี้ก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับเขาแล้ว เธอพยักหน้ารับทราบ
แต่หมอท่านอื่นๆ ภายในห้องส่องกล้องไม่รู้จักเฉินชาง
เมื่อเห็นว่าเซียวเหอปฏิบัติต่อเฉินชางด้วยเคารพเช่นนี้ พวกเขาต่างก็พากันขมวดคิ้ว หมอคนนี้เป็นใคร
ยังหนุ่มอยู่เลย คาดไม่ถึงว่าจะทำให้หัวหน้าเซียวเคารพได้ขนาดนี้
แต่ดูจากสัญลักษณ์บนเสื้อแล้ว ชัดเจนเลยว่าเป็นโรงพยาบาลอันดับสอง
ทันใดนั้นทุกคนต่างก็เกิดความสงสัย!
โหวซวี่ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ การเย็บซ่อมแซมหลอดอาหารที่ทะลุส่วนทรวงอกเป็นการผ่าตัดระดับสาม จัดว่าเป็นกระบวนการผ่าตัดที่มีขั้นตอนที่ค่อนข้างยาก และค่อนข้างต้องการคุณสมบัติมาตรฐานของแพทย์ผู้ผ่าตัดสูง ดังนั้นการผ่าตัดประเภทนี้จะต้องไม่ใช่การผ่าตัดที่เรียบง่ายขนาดนั้นแน่
โรงพยาบาลอันดับสองมีบุคลากรที่มีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เมื่อโหวซวี่คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็เดินเข้าไปหาเซียวเหอ “หัวหน้าเซียว…ผู้ป่วยไม่ย้ายโรงพยาบาลหรือครับ”
เซียวเหอส่ายหน้า หาข้ออ้างสักข้อหนึ่ง “ย้ายไม่ทันแล้วครับ ผ่าตัดที่โรงพยาบาลเราเลย! แล้วอีกอย่าง หมอเฉินก็ทำได้!”
ทันทีที่โหวซวี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ถึงกับตกตะลึง “หมอเฉิน? คือ…”
ดูเหมือนว่าเซียวเหอจะกำลังคิดอะไรอยู่ เขาหันไปหาทุกคนแล้วบอกว่า “หมอเฉินเป็นหมอแผนกฉุกเฉินที่ผมเชิญให้มาผ่าตัดในวันนี้…”
“…หมอเฉินเป็นเพื่อนของพวกเรา วันข้างหน้าถ้าต้องการขอความช่วยเหลือจากห้องส่องกล้อง ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”
ห้องส่องกล้องจัดในหมวดของแผนกเสริม ถึงแม้อำนาจไม่มาก แต่ก็เป็นแผนกที่สำคัญมากเป็นพิเศษ เวลาที่มีญาติสนิทมิตรสหายมาส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่องกล้องตรวจลำไส้ จะต้องให้อันเยี่ยนจวินเป็นผู้จัดการเรื่องคิวให้ทั้งหมด มิฉะนั้นคุณต้องรอคิวนานเป็นสัปดาห์โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย
ทันทีที่ทุกคนได้ยินชื่อได้ยินชื่อเฉินชาง จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกว่าชื่อนี้ค่อนข้างคุ้นหู และเมื่อลองคิดดีๆ ทุกคนก็จำเขาได้ในทันใด!
นี่เป็นบุคคลนัมเบอร์วัน!
เฉินชาง บุคคลที่กำลังเป็นที่เลื่องลือของโรงพยาบาลในช่วงเวลานี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้
และสาเหตุที่ปัจจุบันนี้หัวหน้าซ่งเฉียงต้องไปทำงานจัดเก็บประวัติผู้ป่วยอยู่ในห้องเวชระเบียนก็เป็นเพราะเรื่องเฉินชาง
แล้วตัวการของเรื่องก็คือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้!
คนยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้…
เรื่องของซ่งเฉียงกับเฉินชางกลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างของคนทั้งโรงพยาบาลอยู่ช่วงหนึ่ง
เพียงแต่หลายคนไม่รู้จักเฉินชางดี แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเฉินชางเป็นบุคคลนัมเบอร์วันประเภทไหน
พอได้มาเจอตัวจริงในวันนี้ ก็รู้สึกคาดไม่ถึงว่าจะยังหนุ่มขนาดนี้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขามีดีอะไร ทำไมหัวเซียวถึงได้ให้ความสำคัญกับเขาถึงขนาดนี้
หลังจากที่เฉินชางดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว เขาก็โทรหาหลิวเจี้ยนวิสัญญีแพทย์
“อาจารย์หลิวครับ ผมเสี่ยวเฉินนะครับ อีกเดี๋ยวจะมีเคสผ่าตัด จำเป็นต้องให้คุณมาวางยาสลบให้ ครับ…โอเคครับ”
…
การผ่าตัดดำเนินการอย่างรวดเร็ว
เฉินชางโทรหาหวังหย่งอีกคน “มาที่ห้องผ่าตัดหน่อยครับ ห้องหมายเลขหกมีเคสผ่าตัด คุณมาดูหน่อย”
หวังหย่งไม่ได้ถามมากความ เขารีบมาที่ห้องผ่าตัดด้วยความรีบร้อน ในตอนที่เขารู้ว่าเป็นการผ่าตัดทรวงอก หวังหย่งตกตะลึงก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็นิ่งเงียบไม่พูดจา
เขารู้ว่าอยู่กับเฉินชางไม่จำเป็นต้องพูดมาก แต่ให้ดูให้มาก ศึกษาให้มาก ทำสิ่งที่ตนควรทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว
ตนควรทำอะไร
ก็แค่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยก็พอแล้ว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป หวังหย่งกับเซียวเหอเดินตามเฉินชางเข้าไปในห้องผ่าตัด ส่วนหลิวเจี้ยนรออยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว
เมื่อเห็นเฉินชางกับเซียวเหอเดินเข้ามา หลิวเจี้ยนก็กล่าวทักทายเซียวเหอ “สวัสดีครับหัวหน้าเซียว”
เซียวเหอยิ้มพร้อมพยักหน้า “ต้องรบกวนหมอหลิวด้วยนะครับ”
ทันทีหลังจากนั้น…หลิวเจี้ยนก็เดินไปข้างๆ เฉินชาง เขาอดถามไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน…คุณผ่าตัดเองหรือครับ”
เขารู้ว่าเซียวเหอทำได้มากสุดก็แค่ตัดติ่งเนื้องอกด้วยการส่องกล้องแล้วห้ามเลือดอะไรทำนองนี้ การผ่าตัดประเภทนี้เซียวเหอน่าจะทำไม่ได้
เฉินชางพยักหน้า “ครับ ต้องรบกวนพี่หลิวแล้ว”
หลิวเจี้ยนยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรมากนัก “สู้ๆ ครับ!”
เหตุผลที่เฉินชางเชิญให้หลิวเจี้ยนมา เป็นเพราะว่าวิธีวางยาสลบสำหรับการผ่าตัดประเภทนี้แตกต่างจากการผ่าตัดประเภทอื่น ประเภทการผ่าตัดที่แตกต่างกัน วิธีวางยาสลบที่เลือกใช้ก็จะแตกต่างกัน สำหรับวิสัญญีแพทย์แล้ว สิ่งนี้เปรียบเสมือนแบบทดสอบอย่างหนึ่ง หลิวเจี้ยนเป็นหัวหน้าทีมของวิสัญญีแพทย์ที่เพิ่งเข้าใหม่ในแผนกวิสัญญี แต่ก่อนหลิวเจี้ยนเป็นวิสัญญีแพทย์ที่วางยาสลบให้กับผู้ป่วยแผนกศัลยกรรมทรวงอก ดังนั้นหลิวเจี้ยนก็น่าที่จะเข้าใจการผ่าตัดประเภทนี้ดี
ระดับความเชี่ยวชาญของวิสัญญีแพทย์ก็เหมือนกันกับระดับความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ คือมีการแบ่งระดับความเชี่ยวชาญอย่างชัดเจน
วิธีการวางยาสลบที่เลือกใช้สำหรับเคสนี้คือการรมยาสลบแบบใช้ท่อช่วยหายใจ
สำหรับการจัดท่าสำหรับการผ่าตัดของเหล่าหยาง เฉินชางไม่ได้เลือกท่านอนหงายราบซึ่งเป็นท่าที่ใช้บ่อย แต่กลับเลือกใช้ท่านอนตะแคงแทน เพราะตำแหน่งที่กรีดเปิดบาดแผลมีหลายตำแหน่งมาก ในเคสนี้จำเป็นต้องลงมีดที่ตำแหน่งซี่โครงคู่ที่สี่หรือห้าฝั่งขวา
หลังจากรมยาสลบแล้ว การผ่าตัดก็เริ่มขึ้น!
หวังหย่งเองไม่ได้ถามอะไรมากนัก เพียงแต่ค่อนข้างประหลาดใจ เพราะถึงอย่างไรเสีย…นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเฉินชางผ่าเปิดทรวงอก อีกทั้งยังเป็นการเย็บซ่อมแซมหลอดอาหารที่ทะลุ ซึ่งเป็นประเภทการผ่าตัดที่จัดว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างยากเลยทีเดียว
ซึ่งการผ่าตัดประเภทนี้ไม่ใช่การเย็บแผลง่ายๆ อย่างแน่นอน
หลังจากที่เย็บซ่อมแซมหลอดอาหารที่ทะลุเรียบร้อยแล้ว ยังต้องปิดรอยบาดแผลที่เย็บแล้วด้วยเยื่อหุ้มปอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลอดอาหารอยู่ในตำแหน่งที่พิเศษมาก เพราะตำแหน่งหลอดอาหารจะมีเส้นประสาทเวกัส[1]ที่กระจายตัวอยู่ทั่ว ถ้าไม่ระมัดระวังตอนที่แยกหลอดอาหารจากอวัยวะส่วนอื่นก็มีโอกาสพลาดทำให้เส้นประสาทเวกัสบริเวณนั้นเสียหายได้ ข้อพึงระวังจึงค่อนข้างมาก หวังหย่งก็เลยค่อนข้างกระวนกระวายใจ
เฉินชางหันมาหาพยาบาล “ส่งมีดผ่าตัดให้ผม!”
[1] เส้นประสาทเวกัส (Vagus nerve) หรือที่เรียกว่าเส้นประสาทสมองเส้นที่สิบ ส่วนใหญ่เป็นประสาทพาราซิมพาเทติค มีประสาทยนต์เลี้ยงกล้ามเนื้อเรียบของหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้ จนถึงส่วนทอดขวางของลำไส้ใหญ่ ตับ หัวใจ ปอด รวมทั้งต่อมต่างๆ ของทางเดินลำไส้ด้วย และมีประสาทรับความรู้สึก ซึ่งทำหน้าที่รับความรู้สึกจากอวัยวะต่างๆ เหล่านี้