บทที่ 220 เฉินชาง…คุณไปอวดเก่งที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลมาหรือไง
เฉียนเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรไปหาเว่ยจื้อ หัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล
“หัวหน้าเว่ยครับ ตอนนี้มีผู้ป่วยหนึ่งรายอยู่ระหว่างเดินทางไปที่โรงพยาบาลพวกคุณ หมอสองคนเขาสงสัยว่าจะเป็นโรคพยาธิไฮดาติดในปอด คุณเตรียมห้องผ่าตัดให้พร้อมไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ”
ทันทีที่เว่ยจื้อได้ฟังเช่นนั้น สีหน้าของก็เปลี่ยนทันที!
ผู้ป่วยโรคพยาธิไฮดาติดในปอด
นี่ไม่ใช่โรคธรรมดาทั่วไป?
ไม่แน่ว่าโรงพยาบาลตนอาจทำการผ่าเคสนี้ไม่ได้
ถ้าอาการของผู้ป่วยยังคงที่ก็ยังทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลทัน มิฉะนั้นขืนปล่อยให้การรักษาผู้ป่วยล่าช้าออกไปหรือมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นระหว่างผ่าตัดต้องจบเห่แน่!
ถึงแม้ว่าเว่ยจื้อจะไม่เคยผ่าตัดเคสประเภทนี้ แต่ก็เคยเห็นเคสแบบนี้มาหลายเคส จัดว่าเป็นเคสผ่าตัดที่พิเศษมากในสาขาศัลยกรรมทรวงอก เพราะโรคพยาธิไฮดาติดเป็นโรคที่พบน้อยมาก
โดยปกติทั่วไปแล้ว โรคชนิดนี้มักพบเห็นได้ที่แผนกตับและถุงน้ำดี แผนกศัลยกรรมทั่วไป แต่พบน้อยมากในแผนกศัลยกรรมทรวงอก ซึ่งถึงแม้จะพบ ก็พบกระจายอยู่ตามเขตปศุสัตว์มากกว่า
มีโรคหลายชนิดมากที่เกิดขึ้นเฉพาะแต่ละท้องที่ สิ่งนี้ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่
ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ ทางตอนเหนือของมณฑลตงหยางเป็นแหล่งอุตสาหกรรมถ่านหิน ดังนั้นโรงพยาบาลแต่ละแห่งในเขตเหมืองถ่านหินจึงมีความเชี่ยวชาญมากในด้านระบบทางเดินหายใจ ด้านศัลยกรรมทรวงอก ด้านของศัลยกรรมกระดูกและข้อ
นี่เป็นเพราะว่าโรคที่พบได้บ่อยในคนงานในเหมืองถ่านหินคือโรคระบบทางเดินหายใจ โรคปอด รวมทั้งการบาดเจ็บภายนอกที่ทำให้กระดูกหักเป็นต้น
เรามักจะพบโรคชนิดเดียวกันในพื้นที่เดียวกัน และเนื่องจากในภาคกลางพบผู้ป่วยโรคพยาธิไฮดาติดน้อยมาก โรคชนิดนี้มีให้เห็นแค่เพียงครั้งคราว แต่ช่วงระเวลาหลายปีมานี้ระบบการคมนาคมพัฒนาไปไกล จึงมีผู้คนจากหลายภูมิภาคหลั่งไหลเข้ามาในโซนภาคกลางจำนวนมาก ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดโรคที่ปกติไม่ค่อยพบ
มิฉะนั้นแล้วแทบจะไม่ค่อยพบโรคชนิดนี้ในภาคกลาง!
ส่วนพื้นที่ตอนล่างของลุ่มแม่น้ำแย่งซีเกียง เขตพื้นที่ทางใต้ เป็นท้องที่ที่พบโรคพยาธิไฮดาติดในปอดค่อนข้างบ่อย เนื่องจากสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นแม่น้ำและแหล่งเพาะปลูกข้าวแบบนาดำ
ทว่าสำหรับทางภาคเหนือแล้วนั้น กล่าวได้ว่าเป็นหมอมาทั้งชีวิตก็อาจไม่เคยเจอโรคนี้มาก่อน
ดังนั้นปฏิกิริยาแรกหลังจากที่เว่ยจื้อได้ยินสิ่งที่เฉียนเลี่ยงบอกก็คือรู้สึกลังเลใจ
“เอ่อ ผู้อำนวยการเฉียน ตอนนี้อาการของผู้ป่วยเป็นยังไงบ้างครับ”
สีหน้าของเฉียนเลี่ยงค่อนข้างหม่นหมอง เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “มีอาการภูมิแพ้ฉับพลัน ต้องรีบรักษาอาการภูมิแพ้ให้เร็วที่สุด เตรียมพร้อมผ่าตัดทุกเวลา เรื่องย้ายโรงพยาบาล…ไม่ทันแล้วครับ”
ยุคสมัยนี้ ถ้าเกิดมีเหตุนักศึกษาเสียชีวิตกะทันหันเกิดขึ้นในสถานศึกษาเช่นนี้ ข่าวจะแพร่กระจายไปไวมาก อีกทั้งผลกระทบก็ใหญ่หลวงมากด้วย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุเกิดในงานประชุมใหญ่ของนักศึกษาใหม่ด้วย!
ถ้ารักษาหายช่วยชีวิตได้ก็จะเป็นเรื่องดี และแน่นอนว่าจะเป็นผลดีต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยาง
ถึงอย่างไรเสียก็เป็นข่าวที่ส่งผลกระทบโดยตรง!
ในฐานะพวกคุณเป็นมหาวิทยาลัยด้านการแพทย์ หน้าที่ที่แบกรักไว้คือการบ่มเพาะบุคลากรทางการแพทย์
กรณีที่รักษาจนหายดีได้ หลังจากที่บรรดานักศึกษาป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป นักศึกษาเหล่านี้ก็จะเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยชนิดที่เพิ่มทวีอย่างรวดเร็ว ผลกระทบโดยตรงในแง่บวกจะสูงขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบนโลกออนไลน์ ทั้งในและนอกกลุ่มวีแชท
ในอีกด้านหนึ่งคือเป็นการขับเน้นให้เห็นถึงฝีมือกับมาตรฐานในการรักษาโรคในทางอ้อม ส่งผลกระทบเชิงบวกที่เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยโดยตรง!
แต่…
ถ้าผลการรักษาออกมาแย่ งั้นก็จะกลายเป็นใหญ่โต
ผลกระทบด้านลบ ตนยับยั้งไว้ได้หมดด้วยการกันไม่ให้ข่าวด้านลบนี้ถูกแพร่กระจายออกไป
แต่แล้วอย่างไรต่อล่ะ!
นักศึกษาจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
นักศึกษาเสียชีวิตทั้งคน ทางมหาวิทยาลัยไม่พยายามที่จะช่วยชีวิตให้สำเร็จ แต่กลับควบคุมเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชน เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เฉียนเลี่ยงไม่ทางยอมปล่อยให้เกิดขึ้นเด็ดขาด
เมื่อมองในระยะยาวแล้ว เรื่องนี้จะสร้างความรู้สึกเจ็บปวดให้กับนักศึกษาทุกคน!
สิบปีปลูกต้นไม้ ร้อยปีปลูกสร้างคน ย่อมเป็นธรรมดาที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยางไม่ได้ โดยเฉาะอย่างยิ่ง จะปล่อยให้เรื่องเช่นนี้กระทบจิตใจของนักศึกษาไม่ได้เด็ดขาด
เฉียนเลี่ยงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า สำหรับเรื่องนี้ ตนควรที่ทุ่มเทสุดความสามารถให้ผลรักษาออกมาดี!
มอบสิ่งที่ดีให้กับนักศึกษา มอบผลกระทบเชิงบวกให้กับนักศึกษา
สร้างความั่นใจให้กับนักศึกษาทุกคน!
หลังจากที่เว่ยจื้อได้ฟังคำตอบของเฉียนเลี่ยงแล้ว เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก “ผู้อำนวยการเฉียนครับ ผมพูดตามตรงนะครับ สำหรับการผ่าตัดรักษาโรคพยาธิไฮดาติดในปอด ตัวผมมีความรู้จำกัด เพราะในพื้นที่เรามีการผ่าตัดชนิดนี้น้อยมากเกินไปน่ะครับ พวกเราขาดการฝึกฝน
…ผมไม่กลัวว่าคุณจะหัวเราะเยาะผม ผมไม่เจอเคสแบบนี้มานานมากแล้ว โรงพยาบาลของเราก็ไม่เจอเคสมานานมากแล้ว ครั้งล่าสุดที่เจอเคสนี้ ก็เชิญก็ต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญจากมองโกเลียในมาผ่าตัดให้
…แต่ถ้าย้ายโรงพยาบาลไม่ทัน ผมก็จะพยายามรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่เรื่องที่ควรจะบอก ผมก็ยังต้องบอกคุณสักหน่อย”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เว่ยจื้ออดรู้สึกอับอายจนหน้าแดงไม่ได้
เฉียนเลี่ยงชะงักงัน เหตุผลที่เขาส่งตัวผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลก็เพราะว่าฝีมือในการผ่าตัดทรวงอกของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลเหนือชั้นกว่าโรงพยาบาลตงต้า
คิดไม่ถึงว่าที่นี่ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน!
อัตราส่วนผลสำเร็จในการย้ายโรงพยาบาลมีมากแค่ไหนกันเชียว
เฉียนเลี่ยงหันไปมองเฉินชางกับจิ่งหรานพวก เขาต่างก็เป็นคนที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ ดังนั้นพวกเขาก็น่าจะรู้จักโรคชนิดนี้ดี ถ้าหาก…ถ้าหากว่าพวกเขาผ่าตัดเคสนี้ได้ล่ะ?
“ถ้าผลตรวจออกมาชัดเจนแล้วว่าเป็นโรคพยาธิไฮดาติดในปอด พวกคุณผ่าตัดเคสนี้ได้มั้ย”
เฉินชางกับจิ่งหรานพยักหน้าแล้วตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้!”
เมื่อเฉียนเลี่ยงได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาของเฉียนเลี่ยงก็พลันเปล่งประกาย เขาเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง “หัวหน้าเว่ยครับ ผมพาหมอสองคนที่ผ่าตัดเคสนี้ได้ไปด้วย พวกเขาคือคนที่วินิจฉัยว่าผู้ป่วยน่าจะเป็นโรคพยาธิไฮดาติดในปอด”
เมื่อเว่ยจื้อได้ฟังมาถึงตรงนี้ เขาก็ค่อนข้างสงสัยว่าที่มณฑลตงหยางมีบุคคลที่มีความสามารถเช่นนี้ด้วยหรือ เขาก็ถามอย่างอดไม่ได้ “เอ๊ะ? ใครหรือครับ เป็นคนตงหยางหรือครับ”
เฉียนเลี่ยง “คนหนึ่งเป็นคนมีความสามารถที่พวกเราดึงตัวมาจากเมืองหลวง เขาทำงานเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่สถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งชาติสังกัดโรงพยาบาลฟู่ว่าย มีความเชี่ยวชาญในด้านศัลยกรรมทรวงอก แล้วก็มีอีกคนหนึ่ง…หมอแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสอง”
หลังจากที่เว่ยจื้อได้ฟังแล้ว เขาก็อดชะงักงันไม่ได้ เป็นคนที่ถูกดึงตัวมาจากเมืองหลวง? แต่หลังจากที่ได้ยินว่าเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอก เขาก็รู้สึกอดลังเลไม่ได้
นักวิจัยหลังปริญญาเอก ฟังแล้วยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ก็บ่งบอกได้ว่าถนัดเรื่องการเขียนบทความวิจัย แต่เรื่องการตรวจรักษาทางการแพทย์…จะไม่เป็นการวางแผนการรักษาตามตัวหนังสืองั้นหรือ…
หวังว่าจิ่งหรานจะคนนี้จะมีความรู้ที่แท้จริงอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเสียสถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งชาติสังกัดโรงพยาบาลฟู่ว่ายก็น่าทึ่งจริงๆ
แต่…หมอแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสอง? มีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมทรวงอกด้วย…
แล้วทันใดนั้นชื่อของคนๆ หนึ่งก็ผุดขึ้นในใจเขา
หรือว่าจะเป็นเฉินชาง?
เมื่อนึกถึงชื่อเฉินชาง จู่ๆ เว่ยจื้อก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ เขาย้อนคิดถึงครั้งที่แล้วที่เขาได้เห็นฝีมือการผ่าตัดรักษาภาวะหลอดอาหารฉีกขาดของเฉินชางที่โรงพยาบาลอันดับสอง แล้วจู่ๆ เว่ยจื้อก็รู้สึกว่าเป็นได้ว่าจะเป็นเฉิงชางจริงๆ!
เว่ยจื้อก็เลยถามขึ้นว่า “ใช่…ใช่เฉินชางหรือเปล่าครับ”
เฉียนเลี่ยงตกตะลึงจนตาค้าง ทำไมไม่เป็นไปตามที่คิดล่ะ ควรจะสนใจเรื่องจิ่งหรานสิ?
เขาแนะนำตัวจิ่งหรานด้วยการเน้นย้ำถึงคุณสมบัติเด่นๆ อยู่ตั้งนาน จิ่งหรานเป็นถึงนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่สถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งชาติสังกัดโรงพยาบาลฟู่ว่ายเชียวนะ!
คิดไม่ถึงว่า คุณกลับถามผมว่า ‘ใช่เฉินชางหรือเปล่า’
ไม่สิ…
หรือว่าเว่ยจื้อจะรู้จักเฉินชาง?
เฉียนเลี่ยงพยักหน้าด้วยความรู้สึกลังเลใจ “ใช่ครับ เฉินชางแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสอง! หัวหน้าเว่ยรู้จัก?”
เว่ยจื้อพยักหน้า ถอนหายใจออกมาในที่สุด “ถ้าหมอเฉินบอกว่าทำได้ก็โอเคแล้วครับ”
“…ผมจะรีบให้คนเตรียมห้องกู้ชีพ ส่วนเรื่องห้องผ่าตัด ผมจะรีบเตรียมให้เร็วที่สุด!”
คำพูดเหล่านี้ทำเอาเฉียนเลี่ยงถึงตกตะลึง
นี่มันเรื่องอะไรกัน
เฉียนเลี่ยงอยากจะหันไปถามเฉินชางเสียเหลือเกินว่า
เฉินชาง…คุณไปอวดเก่งที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลมาหรือไง