บทที่ 269 เราจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ
ความจริงแล้วที่ถานจงหลินมาหาเฉินชางที่โรงพยาบาลอันดับสองก็เพราะว่าเขาจนปัญญาแล้วจริงๆ หลังจากพลังความสามัคคีในครั้งนั้นที่ร่วมมือผ่าตัดรักษาสิงอวี่ กล่าวได้ว่าชื่อเสียงของแผนกศัลกรรมมือโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลก็เป็นที่เลื่องลืออย่างไม่เคยมีมาก่อน ก้าวไปถึงจุดที่เรียกว่าจุดสูงสุด!
แต่ถานจงหลินยังไม่ทันได้สัมผัสถึงส่วนที่ดีของเกียรติยศที่มาถึงนี้
ผลข้างเคียงของชื่อเสียงเกียรติยศมาถึงก่อนแล้ว!
ผู้ป่วยหลากหลายประเภทหลากหลายรูปแบบมาหาถึงหน้าแผนก ทำให้ถานจงหลินปวดศีรษะเกินทน
เขาเองก็อยากน้อมรับเกียรติยศนี้อย่างสง่าผ่าเผย
แต่…ศักยภาพไม่เอื้ออำนวย
ภายใต้ความรู้สึกอับจนหนทาง เขาทำได้แค่มาขโมยความรู้ที่โรงพยาบาลอันดับสอง
ในตอนที่ถานจงหลินกำลังจะถ่ายทอดเรื่องราวให้เฉินชางฟัง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็มีสายเรียกเข้า
“หัวหน้าถานครับ คุณไม่ได้อยู่ที่แผนกหรือครับ”
เมื่อถานจงหลินกดรับสาย เขาก็ได้ยินเสียงร้อนรนของหลี่ฮุย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล
ถานจงหลินหน้าถอดสี รีบร้อนเดินออกไปจากห้องทำงาน
“ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในแผนกครับผู้อำนวยการหลี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ”
น้ำเสียงของหลี่ฮุยค่อนข้างเคร่งขรึม “คุณรีบกลับมาด่วนเลยครับ มีผู้ป่วยเคสพิเศษครับ”
เมื่อถานจงหลินได้ยินคำว่าผู้ป่วยเคสพิเศษ เขาถึงกับชะงักทันใด ช่วงนี้รับเคสพิเศษเข้ามาเยอะมาก ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นเคสพิเศษประเภทไหนกันแน่
เป็นญาติพี่น้องของบุคลากรในโรงพยาบาล หรือเป็นญาติพี่น้องของคนใหญ่คนโต ไม่ก็ดาราทั่วไปหรือไม่ก็เน็ตไอดอล!
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ถานจงหลินก็คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับภารกิจช่วยเคสพิเศษให้รอดพ้นจากขีดอันตรายเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ทำให้จิตใจของเขาสับสนวุ่นวายจริงๆ แถมเขายังค่อนข้างเหนื่อยกับการรับมือแล้วด้วย!
“ผู้ป่วยเคสพิเศษอะไรหรือครับ” ถานจงหลินรีบเดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่ทางออก
หลี่ฮุยกล่าวอย่างจริงจัง “เป็นวีรบุรุษของประชาชนท่านหนึ่ง”
ถานจงหลินชะงักในทันใด
หลี่ฮุยกล่าวต่อทันทีว่า “คุณรีบมาเถอะครับ แล้วค่อยคุยกันเรื่องนี้!”
ถานจงหลินอดรู้สึกกระวนกระวายใจไม่ได้ วีรบุรุษของประชาชน…
วีรบุรุษของประชาชนเป็นใครกันแน่
ถานจงหลินกลับไปถึงแผนกศัลยกรรมมือด้วยความรีบร้อน ทันทีที่ไปถึง สิ่งที่เห็นคือคนกลุ่มใหญ่กำลังยืนออกันอยู่หน้าประตูทางเข้า
ตรงนั้นมีผู้ปกครองสามครอบครัวพร้อมด้วยเด็กๆ อายุประมาณห้าหกขวบสวมชุดนักเรียนสามคน ส่วนหลี่ฮุยยืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล ข้างๆ เขามีชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็ค
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางเช่นนั้น ถานจงหลินก็รู้ว่าเป็นคนใหญ่คนโต และจะต้องมีตำแหน่งสูงกว่าผู้อำนวยการหลี่แน่!
เมื่อเห็นถานจงหลินออกมาจากลิฟต์ หลี่ฮุยก็รีบกวักมือเรียกทันที
“รองอธิบดีเหอครับ ท่านนี้เป็นหัวหน้าถาน หัวหน้าแผนกศัยกรรมมือโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลของเราครับ” หลี่ฮุยดึงตัวถานจงหลินมาแนะนำ “แล้วก็เป็นหนึ่งทีมแพทย์ที่รักษาสิงอวี่เมื่อไม่นานมานี้ครับ!”
เมื่อรองอธิบดีเหอได้ยินเช่นนั้น ก็หันมามองถานจงหลิน กล่าวจริงจังว่า “สวัสดีครับหัวหน้าถาน”
ถึงแม้ว่าถานจงหลินจะสงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ข่มความสงสัยเอาไว้ก่อนแล้วกล่าวว่า “สวัสดีครับหัวหน้า!”
ชายวัยกลางคนจับมือทักทายถานจงหลิน สายตาที่จ้องมองใบหน้าของถานจงหลินเต็มเปี่ยมด้วยความคาดหวัง เขากล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม “หัวหน้าถานครับ ครั้งนี้ลำบากคุณด้วยนะครับ คุณต้องช่วยวีรบุรุษของประชาชนด้วยนะครับ”
ถานจงหลินสีหน้างุนงง “เอ่อ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
หัวหน้าวัยกลางคนกล่าวว่า “วันนี้ช่วงบ่ายตอนเลิกเรียน เด็กพวกนี้เพิ่งเปิดเทอม ระหว่างข้ามทางม้าลาย จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งเสียการควบคุม ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ทันใดนั้น กัวจื้อหย่ง อาจารย์ของเด็กประถมก็กระโจนเข้าไปอุ้มเด็กพวกนั้นไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย เขาช่วยชีวิตเด็กๆ เอาไว้ได้ในช่วงเวลาคับขัน!…
…แต่มือข้างขวากระแทกกับราวกั้นอย่างจังทำมือบาดเจ็บสาหัส!…
…เขาเป็นวีรบุรุษของประชาชนเมืองอันหยางของเรา ดังนั้นสำนักงานของเราก็เลยให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ในครั้งนี้มาก เลยขอให้พวกเราทุ่มเทสุดกำลังในการรักษามือของวีรบุรุษของประชาชนท่านนี้!”
ในเวลานี้เด็กๆ อายุห้าหกขวบก็กล่าวขอร้องเป็นเสียงเดียวกันด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ “คุณปู่หมอ ช่วยอาจารย์กัวด้วยนะ! พวกหนูขอร้อง”
ครอบครัวของเด็กๆ เหล่านั้นต่างก็มองหัวหน้าถาน “หัวหน้าครับ ขอร้องด้วยนะครับ จะต้องช่วยรักษาอาจารย์ให้ดีนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ลูกของพวกเราคง…”
“ใช่ค่ะ! หัวหน้าถาน ขนาดมือของสิงอวี่คุณยังรักษาหายได้ มือของอาจารย์กัวคุณก็จะต้องรักษาหายแน่ ฝากด้วยนะคะหัวหน้าถาน”
“ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาเลย ใช้ยาที่ดีที่สุด พวกเรารับผิดชอบค่ายาเอง จะต้องรักษาผู้ป่วยให้ดีนะครับคุณหมอ!”
ในเวลานี้ พ่อแม่ของเด็กทั้งสามคนจะใจแคบอย่างไรไหว ในตอนที่พวกเห็นกัวจื้อหย่งกระโจนไปอุ้มเด็กๆ ไปไว้ในจุดปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด พวกเขาต่างก็รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง
กล่าวให้ชัดเจนคือ ลูกคือชีวิตจิตใจของพวกเขา!
รองอธิบดีเหอแห่งกระทรวงศึกษาธิการหันไปมองหัวหน้าถาน “หัวหน้าถานครับ อาจารย์กัวเป็นวีรบุรุษ เป็นอาจารย์ของประชาชน รบกวนด้วยนะครับ!”
หนูน้อยทั้งสามต่างก็มีสีหน้าเฝ้าคอย นัยน์ตากลมโตเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา กล่าวเสียงสะอึกสะอื้น “ฝากคุณปู่หมอด้วยนะครับ/คะ”
ถานจงหลินปีนี้อายุห้าสิบกว่าแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นรุ่นปู่แล้วจริงๆ
เมื่อมองเด็กสามคนนั้น ถานจงหลินพยักหน้า “ผมไปดูผู้ป่วยก่อนนะครับ ผมจะพยายามทุ่มเทสุดกำลังความสามารถ!”
หลังจากพูดจบ พยาบาลก็พาถานจงหลินไปที่ห้องหัตถการ เป็นเวลาเดียวกับที่โจวหยาง แพทย์เจ้าของไข้กำลังล้างแผลให้ผู้ป่วย
หลังจากที่ถานจงหลินเดินเข้าไปแล้วเห็นโจวหยางก็ถามขึ้นว่า “อาการเป็นยังไงบ้างครับ สาหัสหรือเปล่า”
โจวหยางส่ายหน้า นำเสียงทุ้มต่ำ “หัวหน้าครับ…สถานการณ์ไม่สู้ดีครับ!”
ถานจงหลินชะงัก รีบเดินเข้าไปตรงหน้า ในตอนที่เขาเห็นหลังมือของกัวจื้อหย่ง เขาก็พลันตกตะลึงในทันใด!
กระดูกมือหักแน่นอนไม่ต้องสงสัย
แต่ในส่วนนี้ยังง่าย ประเด็นสำคัญคือเลือดเนื้อหลังมือ เส้นเอ็น เส้นประสาท หลอดเลือด อวัยวะเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บหนักมาก!
ด้านหลังมือมีระบบต่างๆ หลากหลายมาก มีเส้นเอ็น หลอดเลือด เส้นประสาทกระจายตัวกันอย่างหนาแน่น อาการบาดเจ็บในตำแหน่งนี้เป็นการบาดที่สาหัสมาก
ไม่ต้องถามว่าจะกระทบกับระบบต่างๆ เหล่างนั้นหรือไม่ อนาคตจะรักษาจนกลับมาเป็นปกได้หรือไม่
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไกลเกินกว่าจะคาดการณ์ได้
สิ่งที่ต้องพิจารณาในตอนนี้คือ จะรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ รักษามือขวาให้คงการใช้งานในการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานเอาไว้ได้!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็หน้าถอดสี อดถอนหายใจไม่ได้ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมดูให้ครับ”
โจวหยางรีบลุกขึ้น ถานจงหลินรับแหนบมา ตรวจด้วยความระมัดระวัง
ยิ่งดูก็ยิ่งก็ยิ่งหวาดกลัว!
ยิ่งดูก็ยิ่งกระวนกระวายใจ!
เจอเรื่องยุ่งเข้าให้แล้ว
เส้นประสาทเรเดียล[1]กับเส้นประสาทอัลน่า[2]บริเวณใกล้เคียงฉีกขาด
เส้นเอ็นหลังมือฉีก
หลอดเลือดได้รับความเสียหายรุนแรง
เมื่อตรวจมาถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็หันไปถามโจวหยาง “ได้ถ่ายเอกซเรย์กับทำเอ็มอาร์ไอแล้วหรือยังครับ”
โจวหยางพยักหน้า เปิดไฟตู้อ่านฟิล์มเอกซเรย์ “อยู่ตรงนี้ทั้งหมดแล้วครับหัวหน้า”
เมื่อถานจงหลินมองฟิล์มเอกซเรย์มือ เขาก็ถึงกับอดถอนหายใจไม่ได้ ถึงแม้ว่ากระดูกฝ่ามือจะหัก แต่ไม่สาหัสมากนัก
ทว่า…เมื่อดูจากภาพเอ็มอาร์ไอกลับวางใจไม่ได้
ในตอนนี้ถานจงหลินเข้าใจอาการของกัวจื้อหย่งอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
เมื่อกัวจื้อหย่งเห็นถานจงหลินมองตนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมขนาดนี้ เขาก็รู้สึกหดหู่ใจ เขาหัวเราะขมขื่นพร้อมถามว่า “หัวหน้าครับ…มือผมยังมีโอกาสรักษาหายอยู่มั้ยครับ”
ถานจงหลินเงยหน้ามองผู้ป่วยชายตรงหน้าที่ดูอายุไม่มาก น่าจะอายุพอๆ กับเฉินชาง เขาไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไรดี
ถึงอย่างไร ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่มีใครที่จะรับประกันได้หลังจากฟื้นฟูแล้วอาการจะเป็นอย่างไร
เขาสูดลมหายใจเข้าหนึ่งที รับปากด้วยท่าทีที่ดูจริงจัง “เราจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถครับ!”
[1] เส้นประสาทเรเดียล (Radial nerve) เป็นเส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับรู้ความรู้สึกบริเวณด้านหลังมือ ตำแหน่งด้านข้างจรดโคนนิ้วกับเยื่อหุ้มข้อมือด้านหลัง และมีหน้าที่สั่งการการเหยียดนิ้วทั้งห้า และการกระดกข้อมือขึ้น
[2] เส้นประสาทอัลน่า (Ulnar nerve) เป็นเส้นประสาทที่รับรู้ความรู้สึกบริเวณมือ ตำแหน่งนิ้วก้อยกับนิ้วนางจรดข้อศอก