เยี่ยนจ้าวเกอมองพวกหยางฉู่ฟานด้วยรอยยิ้มกว้าง
หยางฉู่ฟานหัวเราะขื่นขมเสียงหนึ่ง “ข้าเองก็ได้รับเบาะแสและสถานที่ของข่ายอาคมมาโดยบังเอิญเช่นกัน ว่ากันว่าที่นี่มีสมบัติลับ ดังนั้นจึงมาลองเสี่ยงโชคดู แต่ที่นี่จะมีอะไรนั้นพวกเราเองก็ไม่แน่ใจ”
“เห็นท่านออกมาจากในข่ายอาคม พวกเรายังคิดว่าท่านอาจจะพอบอกอะไรได้บ้าง”
ชายหนุ่มแบมือ พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกท่านก็ไม่เชื่อว่าข้าไม่ได้เอาอะไรออกมาจากในข่ายอาคมหรือ?”
พวกหยางฉู่ฟานยิ้มแฉ่ง เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างไม่ถือ “เอาเถอะ หากเป็นข้าก็คงไม่เชื่อ”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็จะลองไปดู ถึงอย่างไรข้าก็ทราบว่าจะไปเขาหงส์วิเศษได้อย่างไรแล้ว”
เขาหมุนตัวกลับเข้าไปในข่ายอาคมอย่างเอ้อระเหย พวกคนจากเกาะจิตประสานต่างมองหน้ากันเอง พลางยิ้มอย่างขื่นขมอีกครั้ง
ฟางหมิ่นมีรอยยิ้มหนักใจ “ช่างเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายเยี่ยนคนนี้ เกรงว่าพวกเราจะต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเจียงสยงแล้ว พวกเราต้องขอบคุณบุญคุณช่วยชีวิตของเขา”
นอกจากนางจะเป็นหลานสาวของผู้ปกครองเกาะจิตประสาน มีสถานะพิเศษ เจียงสยงจึงสั่งให้จับเป็น คนอื่นล้วนไม่อาจมีชีวิตรอด
หยางฉู่ฟานพยักหน้า “ไม่ทราบว่าคนผู้นี้เข้าไปได้อย่างไร แต่เขาอยู่ด้านในข่ายอาคมอยู่แล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะได้ของวิเศษมาหรือไม่ ก็ถือว่ามาก่อน ไม่ได้เอาเปรียบพวกเรา…”
หลังจากเว้นครู่ไปหนึ่ง หยางฉู่ฟานก็กล่าวต่อว่า “…สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเราหยุดเขาไม่ได้”
จอมยุทธ์เกาะจิตประสานที่อยู่ด้านข้างมีใบหน้าจนปัญญาเช่นกัน “ตอนนี้เขากลับไปแล้ว พวกเราจะทำอย่างไร?”
“ต่อให้เข้าไปแล้วเจอของล้ำค่าอันใด ก็แย่งเขาไม่ได้อยู่ดี”
หยางฉู่ฟานกล่าว “ข่ายอาคมนี้กว้างใหญ่ กินพื้นที่ไพศาลถึงเพียงนี้ ย่อมมิอาจคาดถึงความลึกล้ำของมันได้ เขาเพียงคนเดียวใช่ว่าจะสำรวจหมด”
“พวกเราเข้าไป บางทีอาจจะมีโอกาสของเรา”
ด้านข้างเขามีจอมยุทธ์เกาะจิตประสานถามขึ้นด้วยความลังเล “คนผู้นี้แข็งกร้าวยิ่ง อีกทั้งยังโหดเหี้ยมอำมหิต เมื่อพวกเราได้รับโอกาส เขาจะแย่งชิงพวกเราหรือไม่?”
ฟางหมิ่นกล่าวว่า “ต้องลองดู ได้มาก็เป็นโชคของเรา เสียไปถือว่าเป็นชะตาลิขิต ถึงอย่างไรก็ดีกว่าตายด้วยน้ำมือของพวกเจียงสยง”
หยางฉู่ฟานเอ่ย “ในเมื่อมีโอกาส ไม่อาจใช้พลังเพียงอย่างเดียวตัดสินได้ แย่งชิงได้พวกเราก็ต้องแย่งชิง”
เขามองฟางหมิ่นแวบหนึ่ง “ศิษย์น้องฟางอยู่ใกล้ๆ ก่อนหน้านี้ถูกพวกเจียงสยงรุม จึงขาดการติดต่อไป ตอนนี้สามารถติดต่อได้แล้ว เมื่อศิษย์น้องฟางมาถึง พวกเราก็ไม่ต้องกลัวว่าคนแซ่เยี่ยนจะมาแย่ง”
“คนผู้นี้ช่วยเราจริงๆ เกาะจิตประสานของเราแบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจน วันหน้าแค่ตอบแทนเขาก็พอ แต่ไม่จำเป็นต้องหาของวิเศษโดยอยู่ให้ห่างหรือซ่อนตัวจากเขา”
จอมยุทธ์เกาะจิตประสานคนอื่นได้ยินดังนั้นต่างพยักหน้า “ควรจะเป็นเช่นนั้น”
ฟางหมิ่นถามด้วยสงสัย “อาจารย์ลุงสองก็มาที่ทะเลรางเลือนด้วยหรือ?”
หยางฉู่ฟานกล่าว “ถูกต้อง ส่งสัญญาณ ทิ้งข้อความไว้ว่าพวกเราจะเข้าข่ายอาคมเถอะ”
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอก้าวเดินบนทะเลอย่างเชื่องช้าอยู่ในข่ายอาคม
เขาหยุดคิดเรื่องทางโลกแปดพิภพ และไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงสวีเฟยสองศิษย์อาจารย์ชั่วคราว ในตอนนี้เพียงตั้งสมาธิกับข่ายอาคมตรงหน้า ก็ค่อยๆ เกิดความรู้สึกที่แตกต่าง
‘อืม น่าสนใจ ข่ายอาคมนี้ไม่ธรรมดาเลย ครอบคลุมอาณาเขตที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ปกติจะถูกซ่อนไว้มิดชิดมากจนไม่อาจสัมผัสได้ มีขนาดใหญ่แต่กลับประณีต ฝีมือเช่นนี้มิใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์จะทำได้’
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอมองแล้วก็จุ๊ปากชมเชย ‘มีความรู้สึกเหมือนตอนที่เข้าไปในที่อยู่ของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง บางทีนี่อาจจะเป็นร่องของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งก็เป็นได้’
‘บางทีอาจจะเป็นจอมยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ถนัดการใช้ผนึก’
เยี่ยนจ้าวเกอคิดไปพลาง เดินต่ไปด้านหน้าไปพลาง
เขาส่งประกายกระบี่สายหนึ่งขึ้นท้องฟ้าตลอดเวลา ประกายกระบี่เหมือนกับหายไปบนฟากฟ้า แต่ไม่ทันไรด้านบนท้องนภาที่ไร้สรรพสิ่งก็เกิดระลอกคลื่นเหมือนกับน้ำกระเพื่อม
ชายหนุ่มปรับทิศทางการเดินทางของตัวเองอย่างต่อเนื่อง สัมผัสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากข่ายอาคมที่ได้รับการกระตุ้น
คนจากเกาะจิตประสานตามหลังเยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาในข่ายอาคม เขาเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ขัดขวาง
อีกฝ่ายพยายามตามหลังตน เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม คล้ายกับไม่สนใจ
แต่ว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขา แม้จะดูเอ้อระเหยลอยเชย แต่เดินไปเดินมา พวกหยางฉู่ฟางกลับตามความเร็วของเขาไม่ทัน ถูกเขาสลัดทิ้งหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากตามหาอยู่นาน เยี่ยนจ้าวเกอก็พลันหยุดเคลื่อนไหว
เขายืนมองลงไปด้านล่างจากกลางอากาศ คลื่นมรกตกว้างใหญ่ไพศาล ท้องทะเลไร้ขอบเขต บนผิวทะเลไม่มีสรรพสิ่งใดทั้งสิ้น และไม่มีเกาะอยู่สักเกาะ
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอมองผิวทะเลที่อยู่ด้านล่างเสร็จ เขายกฝ่ามือขึ้นฟาดลงไปครั้งหนึ่ง
ญาณจริงแท้รวมตัวกลายเป็นเส้นเดียว แหวกน้ำทะเลลงไปด้านหลัง หลังจากลงลึกไปอย่างต่อเนื่อง พลังฝ่ามือก็ถึงก้นทะเลจนได้
เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ถึงพลังสะท้อนกลับอันรุนแรงที่ส่งมาจากก้นทะเลได้อย่างชัดเจน ถึงกับทำให้เขารู้สึกจิตใจสั่นสะท้าน
‘พลังเช่นนี้ไม่มีทางผิดแน่ นี่คือผนึกข่ายอาคมที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทิ้งไว้’ เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย พลางมองผิวน้ำที่ถูกพลังฝ่ามือตนแหวกลงไปด้านล่าง น้ำทะเลกระจายออกรอบๆ เผยให้เห็นค่ายกลขนาดยักษ์ที่เป็นประกายระยิบระยับอันหนึ่ง
แสงหลายสายหมุนวนบนลวดลายค่ายกล พลังอันแข็งแกร่งเริ่มขยายออกไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง กวนคนน้ำทะเลจนค่อยๆ ก่อตัวเป็นน้ำวนขนาดยักษ์
น้ำวนหมุนโดยมีค่ายกลเป็นศูนย์กลาง น้ำทะเลด้านในรัศมีหลายพันลี้ถูกกวนคน มองดูแล้วงดงามน่าชมยิ่ง
เขาเหาะลงด้านล่าง เข้าไปใจกลางน้ำวน เคลื่อนที่เข้าหาค่ายกลที่อยู่ก้นทะเล
ใจกลางน้ำวนกับค่ายกลก่อตัวกันเป็นประตูบานหนึ่ง เหมือนอากาศถูกเจาะเป็นรูก็ไม่ปาน
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในประตู ตรงหน้าเป็นมิติต่างแดนมิติหนึ่ง
มิตินี้ให้ความรู้สึกอ้างว้าง เยี่ยนจ้าวเกอมองไปกลับเห็นเพียงสีเทาขมุกขมัว
เขาไม่รู้สึกถึงพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม และไม่มีพลังที่สั่นสะท้านถึงเพียงนั้น เพียงแต่ให้ความรู้สึกหนักอึ้ง
เยี่ยนจ้าวเกอหลับตา ญาณจริงแท้ทั่วร่างหมุนวน เหมือนกับมีปราณพิสุทธิ์หลายสายไหลออกมาจากในจุดลมปราณ จากนั้นก็กระจายไปทั่วมิติต่างแดนนี้อย่างแผ่วเบา
ปราณพิสุทธิ์อยู่ในทุกที่ คล้ายรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศ แสดงสถานการณ์ของที่นี่ให้เยี่ยนจ้าวเกอได้เห็นอย่างละเอียด
ถึงความสามารถในการสัมผัสจะเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังคงรู้สึกว่าที่นี่ว่างเปล่า ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตนเองมาสายไปหรือไม่ เพราะถึงแม้ที่นี่จะมีของล้ำค่า แต่อาจถูกคนเอาไปก่อนแล้ว
‘หือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามีปราณพิสุทธิ์สายหนึ่งขาดการติดต่อจากตัวเอง เหมือนกับวัวโคลนลุยทะเล[1]
เขารู้สึกยินดียิ่ง มุมปากปรากฏรอยยิ้มบาง ก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังทิศทางนั้น
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง รูปสลักหินรูปหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ
รูปสลักหินสลักเป็นรูปชายชราผอมแห้งผู้หนึ่ง นั่งขัดสมาธิกับพื้น อยู่ในมิติต่างแดนอย่างโดดเดี่ยว รอบๆ มืดสลัว ไม่มีดอกไม้ใบหญ้า ไม่มีดินโคลน
ชายหนุ่มมองรูปสลักหินรูปนี้ ตกเข้าสู่ภวังค์
และในตอนนี้เอง พวกหยางฉู่ฟานกำลังเดินทางบนมหาสมุทรด้านนอกมิติต่างแดน ในน่านน้ำที่ข่ายอาคมครอบคลุมอยู่
ทุกคนต่างมีใบหน้าปีติยินดีขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงในทันที ครั้นหันหน้ามองไป ก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งเดินบนอากาศ ไล่ตามพวกเขามาอย่างรวดเร็ว
พลังอันยิ่งใหญ่ของคนผู้นั้นสั่นสะเทือนฟ้าดิน จิตวรยุทธ์เป็นเคล็ดวิชาของเกาะจิตประสาน มีพลังฝึกปรือในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณผู้หนึ่ง
ฟางหมิ่นอุทานด้วยความดีใจ “ท่านลุงสอง!”
……………………………………….
[1] วัวโคลนลุยทะเล สุภาษิตจีน หมายถึง หายไปอย่างไร้ร่องอรอย