เยี่ยนจ้าวเกอฟันกระบี่ออก ประกายดาวนับหมื่นนับพันรวมตัวกลายเป็นหนึ่งเดียว
หลังจากมังกรคำราม มันรวมร่างเข้ากับทางช้างเผือก บนร่างปรากฏจุดแสงเจ็ดจุด คล้ายกับดาวเหนือลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้า
กระบวนท่ามังกรขี่เจ็ดดารา เปลี่ยนประกายกระบี่ทั้งหมดให้เป็นหนึ่ง โดยมีเป้าหมายคือฟางจ้าวหง
จิตใจของฟางจ้าวหงผ่อนคลายลงเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงนับหมื่นนับพันหายไปแล้ว เหลือเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
กระบวนท่าฝ่ามือจิตประสานของเกาะจิตประสาน มีความเกี่ยวข้องกับการคำนวณความเปลี่ยนแปลง และทำความเข้าใจกับความคิดต่อไปของอีกฝ่าย ขจัดความแปลกปลอมอย่างต่อเนื่อง จนได้ผลลัพธ์เพียงหนึ่งเดียว หรืออย่างมากสองถึงสามความเป็นไปได้ จากนั้นก็พิจารณาการรับมือต่อ
ประกายกระบี่นับหมื่นนับพันของเยี่ยนจ้าวเกอ และความเป็นไปได้จำนวนนับไม่ถ้วนก่อนหน้าทะลักเข้าไปในหัวสมองของฟางจ้าวหงพร้อมกัน ความเป็นไปได้แต่ละอย่างดูเหมือนจริง ทำให้เขาคำนวนไม่ออก คัดเลือกไม่ได้
บัดนี้ง่ายขึ้นแล้ว แม้จะเปลี่ยนไปมา แต่ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
น่าจะพูดว่า เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงกระบี่นี้อยู่แล้ว!
กระบี่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงนี้ คล้ายกับเปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้กลายเป็นความน่าอัศจรรย์ เปลี่ยนความซับซ้อนให้กลายเป็นความเรียบง่าย ทำให้ฟางจ้าวหงยากจะรับมือได้
พลังอันแข็งแกร่งรวมตัวอยู่ในกระบี่จนหมด ทำลายพลังจากฝ่ามือของฟางจ้าวหงทั้งหมด จากนั้นก็แทงกระบี่มา ปิดกั้นแม้แต่ทางถอยของเขา
ฟางจ้าวหงในตอนนี้เพียงรู้สึกว่าอยากถอย แต่ก็ถอยไปไหนไม่ได้ ได้แต่รับกระบี่นี้ซึ่งหน้า!
รูปญาณที่เกิดจากการรวมตัวของจิตวรยุทธ์กับปราณจิตราญาณจริงแท้ของเขา ในตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ที่มิอาจทำลายได้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็เริ่มแตกร้าว เหมือนกำลังจะพังทลาย
ลักษณะของกระบี่นี้ชัดเจนแท้ๆ
แต่กลับป้องกันไม่ได้!
ฟางจ้าวหงตกใจ เขาตวาดขึ้น แล้วหมุนร่างรอบหนึ่ง ร่างกายของเขาเหมือนกลายเป็นลำแสง คิดจะพุ่งเข้าไปในกระจกแสงหยก อันเป็นอาวุธวิญญาณชั้นสูงของเขา
ในช่วงสำคัญ ฟางจ้าวหงใช้กระบวนท่าสยบใต้หล้าของเกาะจิตประสานอีกครั้ง พาให้แสงวิญญาณปรากฏ
ในตอนนี้กระจกแสงหยกอยู่ที่เดิม กลายเป็นตัวตายตัวแทนของฟางจ้าวหง ถูกประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอกดดัน สั่นไหวอย่างรุนแรง ครั้งนี้ฟางจ้าวหงไม่อาจคิดมากความได้อีกแล้ว
“ไปไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเรียบเฉย มือขวาถือกระบี่บึงมรกต มือซ้ายเตรียมตัวไว้แต่แรก นิ้วทั้งห้ากางออก จากนั้นก็หุบลงเป็นกำปั้น
ที่กลางฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนมีความโกลาหลกลุ่มหนึ่งอยู่
หลังจากกางนิ้วออก กระแสอากาศที่เหมือนกับความโกลาหลหลายสายก็ขยายใหญ่ขึ้น แผ่พุ่งไปรอบๆ
ตอนที่ชายหนุ่มหุบนิ้วลงเป็นกำปั้น ความโกลาหลนั้นก็เหมือนกับกลายเป็นหลุมดำ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั้งมีรูปร่างและไม่มีรูปร่างในที่ว่างรอบๆ คล้ายถูกแรงอันมหาศาลดูดเข้าไปหากลางมือซ้ายของเยี่ยนจ้าวเกอ
กระจกแสงหยกสั่นไหวรุนแรงมากกว่าเดิม ประกายแสงพลังงานพุ่งออกมาจากในอากาศ ส่องสว่างอย่างเจิดจ้า
แสงสีมรกตถูกดูดออกมาจากในกระจกแสงหยก ปรากฏร่างของฟางจ้าวหงอีกครั้งหนึ่ง
ประกายกระบี่อันน่าพรั่นพรึงนั้นมาถึงเบื้องหน้าฟางจ้าวหงแล้ว!
ฟางจ้าวหงเรียกกระจกแสงหยกให้มาป้องกัน แต่ว่าคมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอดุดันนัก ทันทีที่ประกายแสงสว่างวาบ เลือดบนร่างฟางจ้าวหงก็พุ่งกระฉูด!
ประกายกระบี่ที่กลายเป็นมังกรเขียวฟันรูปญาณของฟางจ้าวหง เสียบทะลุร่าง ญาณจริงแท้อันน่าพรั่นพรึงสร้างความเสียหายในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง
ฟางจ้าวหงกัดฟัน ดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ขอแค่หนีรอดจากที่นี่ได้ก็พอ
ลูกศิษย์เกาะจิตประสานที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ เช่น พวกฟางหมิ่น ถูกเขาส่งออกไปจากข่ายอาคม กลับไปขอความช่วยเหลือที่ทะเลจิตประสานแล้ว
ขอแค่ไม่ตายอยู่ที่นี่ เขาก็ยังมีโอกาสหนีรอดอยู่
แต่ว่าหลังจากประกายกระบี่ที่กลายเป็นมังกรเขียวนั้นแทงทะลุร่างของเขาแล้ว ก็ไม่ได้สลายไป กลับหมุนวนไปวนมาอยู่บนร่างของฟางจ้าวหง
เกล็ดมังกรตั้งขึ้น ระเบิดพร้อมประกายกระบี่นับไม่ถ้วน โจมตีฟางจ้าวหงอย่างต่อเนื่อง!
เยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุดมือซ้าย หลังจากกำมือเป็นหมัดเสร็จ แรงดึงดูดอันมหาศาลก็ลากฟางจ้าวหงมาเบื้องหน้าตัวเอง
จากนั้นมือซ้ายของเขาก็กลายเป็นแสงมันวาวละลานตา เปล่งประกายแสงสีทองคล้ายกับเพชร!
เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังอันน่ากลัวในหมัดซ้ายของเยี่ยนจ้าวเกอ จิตใจของฟางจ้าวหงก็ถูกปกคลุมด้วยเงามืดจากความตาย
ขณะที่ฟางจ้าวหงปรากฏตัวเพื่อลอบโจมตีเยี่ยนจ้าวเกอ พวกหยางฉู่ฟาน จอมยุทธ์เกาะจิตประสานสามคนก็โผล่ออกจากจากประตูมิติต่างแดน แล้วพุ่งเข้าหาชายหนุ่มอย่างพร้อมเพรียง
แต่เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ ต่างก็เห็นเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องตกตะลึง
ถึงแม้จะเคยเห็นเยี่ยนจ้าวเกอสังหารเจียงสยงมาก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่า แม้แต่ฟางจ้าวหงที่เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณ ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
‘ท่านลองทายดูว่า สู้กับสวะอย่างท่าน ข้าจำเป็นต้องใช้พลังกี่ส่วน?’
คำพูดในตอนนั้นของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏขึ้นในสมองของพวกเขา ความเย็นเยียบสายหนึ่งชำแรกจากฝ่าเท้ามาถึงศีรษะ
พวกหยางฉู่เฟินรู้สึกขื่นขม บัดนี้พวกเขารู้แล้วว่า ในตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดเล่น
เยี่ยนจ้าวเกอใช้หมัดเปล่าๆ สังหาร ‘ปีศาจวิหค’ เจียงสยงที่มีอาวุธวิญญาณชั้นกลางโดยไม่ได้เอาจริงแม้แต่น้อย!
ฟางจ้าวหงที่อยู่ในขั้นรูปญาณ เมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกอ กลับถูกเล่นงานจนไม่อาจตอบโต้ได้
หางตาของเยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองพวกหยางฉู่ฟานสามคนที่พุ่งมาหาตน ฝ่ามือหกฝ่ามือ แสงสีมรกตสามสายโจมตีใส่กลางหลังของตน เห็นได้ชัดว่าคิดจะสอดประสานกับฟางจ้าวหง น่าเสียดายที่พวกเขาคาดไม่ถึงว่าฟางจ้าวหงจะพ่ายแพ้เร็วขนาดนี้
‘แผ่พุ่ง!’ เยี่ยนจ้าวเกอสั่งความคิด กระบี่สายฟ้าอนธการสร้างความมืดไร้สิ้นสุดออกมาอีกครั้ง ป้องกันคู่ต่อสู้
พวกหยางฉู่ฟานคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ จัดการก็ไม่ได้ คิดหนีก็หนีไม่ทัน
อัสนีสีขาวระเบิดขึ้น ทำให้พวกหยางฉู่ฟานสามคนล้มระเนระนาด
ตอนที่คิดจะฝืนลุกขึ้นนั้น ก็เห็นเยี่ยนจ้าวเกอใช้วิชากายเพชร หมัดซ้ายแวววาวเหมือนกับเพชร หยางฉู่ฟานรีบร้องขึ้น “นายท่านได้โปรดเมตตา นี่มีความเข้าใจผิดอยู่”
เสียงยังไม่ทันขาด เยี่ยนจ้าวเกอก็ต่อยหมัดมาถึงแล้ว
ฟางจ้าวหงตาถลน เสียง “ตูม” ดังขึ้น ละอองเลือดพลันสายกระจาย
ขณะมองเลือดสดที่พวยพุ่ง พวกหยางฉู่ฟานสามคนอ้าปากตาค้าง คล้ายกับถูกคนบีบคอไว้
ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอหันมามองพวกเขา แล้วกล่าวถามเหมือนไม่มีเรื่องราวใด “เข้าใจผิด? มาบอกเข้าใจผิดตอนนี้ แล้วเมื่อครู่ไปทำอะไรกัน?”
จอมยุทธ์เกาะจิตประสานคนหนึ่งควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ ตะคอกเสียงเศร้าสร้อย “ท่านสังหารศิษย์พี่ฟาง สร้างความแค้นกับเกาะจิตประสานของเรา!”
หยางฉู่ฟานส่ายหน้าเล็กน้อย มีสีหน้าไม่อยากเชื่อ “เหตุใดสำนักปราชญ์ปีศาจถึงได้มีคนเช่นนี้? ท่านสังหารเจียงสยง จากนั้นก็สังหารศิษย์น้องฟาง ต่อให้มีปราชญ์ปีศาจคอยปกป้อง สำนักตาข่ายปีศาจกับสำนักเราย่อมไม่ปล่อยท่านไป…”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนแซ่ฟางผู้นี้เป็นใคร แต่ว่าดูเหมือนจะมีตำแหน่งในเกาะจิตประสานที่ไม่ธรรมดา
“ข้าล่วงเกินสำนักตาข่ายปีศาจ และล่วงเกินพวกท่านอีก ย่อมเหมือนน้ำค้างเกาะบนกองหิมะ[1]
“ยิ่งอย่าว่าแต่ข้าจะไปทะเลไร้ขอบเข ซึ่งเป็นที่อยู่ของเขาหงส์วิเศษ ยังต้องผ่านทะเลจิตประสานที่เกาะจิตประสานของพวกท่านยึดครอง”
“ท่านอยากจะพูดเรื่องพวกนี้ใช่หรือไม่”
หยางฉู่ฟานมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างนิ่งอึ้ง ชายหนุ่มมีสีหน้าใจเย็น หันคมกระบี่ในมือออก “เหตุผลนับว่าถูกต้อง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกท่านตอแยข้า แล้วข้าจะต้องอดทน”
“ชอบรนหาที่ตายนัก เช่นนั้นข้าจะสนองให้พวกท่านเอง”
ทันทีที่คมกระบี่กระจัดกระจาย ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยประกายโลหิต
……………………………………….
[1] น้ำค้างเกาะบนกองหิมะ สุภาษิตจีน หมายถึง มีผลกระทบร้ายแรงมากขึ้น ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น