ฟางข่านมองเตากลืนดินในมือเยี่ยนจ้าวเกอ ความรู้สึกเย็นเยียบชำแรกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมอบแรงกดดันอันมหาศาลให้กับเขา ทำให้เขาไม่อาจคำนวณความคิดของตัวเยี่ยนจ้าวเกอออกได้
เมื่อย้อนคิดถึงทุกเหตุการณ์และทุกภาพในการประมือกันเมื่อครู่นี้ ฟางข่านก็พบว่า เขาได้ติดอยู่ในตาข่ายยักษ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอสานขึ้น พันรังไหมใส่ตัวเอง[1]
ความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะพ่ายแพ้เพราะบาดเจ็บสาหัส แม้กระทั่งตกตายด้วยร่วมกัน รวมถึงการเสี่ยงชีวิตของทั้งสองฝ่าย ทั้งหมดล้วนเป็นภาพลวงตา
เยี่ยนจ้าวเกอสานตาข่านไว้เสร็จสรรพ เพียงรอให้อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาหาเอง!
กระบี่บึงมรกตกลายเป็นมังกรเขียว คำรามทะลุทรวงอกของฟางข่าน
ที่ด้านหลัง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาประชิดอีกครั้ง!
เงามืดแห่งความตายครอบคลุมจิตใจของฟางข่าน แต่ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ ส่วนใหญ่คือการไม่ยอมรับ
จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่อยู่รอบๆ ต่างมองเหตุการณ์นี้ด้วยความตื่นตระหนก
ตอนแรกคิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยมือมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม คิดไม่ถึงว่าคนที่สู้อย่างจนตรอกในตอนสุดท้ายกลับกลายเป็นฟางข่าน
และปัจจุบัน มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมผู้นี้ก็กำลังจะตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอ!
จอมยุทธ์เกาะจิตประสานตกตะลึงเป็นไก่ไม้ คิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ ผู้ปกครองเกาะของตนนำทัพด้วยตัวเอง สุดท้ายกลับมีจุดจบเช่นนี้
“เจ้าอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!” ลูกศิษย์เกาะจิตประสานน้ำเสียงสั่นสะท้าน รีบพูดด้วยความกระวนกระวาย “เกาะจิตประสานของเราถูกจัดอยู่ในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมมาะ เจ้าสังหารเจ้าสำนักของเรา เป็นการขัดต่อเส้นทางธรรมะของใต้หล้า!”
“ไม่ว่าปกติจะเป็นอย่างไร แต่ในการรับมือกับพรรคมาร ไม่ว่าอย่างไรคนในฝ่ายธรรมมะก็มักจะร่วมแรงร่วมใจกัน!”
คำพูดนี้ทำให้วังผลึกวารี สำนักคืนวิญญาณ และสำนักพายุคลั่งซึ่งเป็นฝ่ายธรรมะต่างขมวดคิ้ว ไม่มีใครยินดีให้คนอื่นพาไปร่วมหัวจมท้าย
แต่ว่าสายตาที่พวกเขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอล้วนเต็มไปด้วยความระแวง
ปราชญ์ปีศาจดูเหมือนจะขัดขวางบ่อหมื่นกระบี่เพื่อเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้คนในฝ่ายธรรมะสงสัยถึงสถานะและจุดยืนของชายหนุ่ม
ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มาจากสำนักปราชญ์ปีศาจ เมื่อเขาสังหารผู้ปกครองเกาะจิตประสาน พลังของฝ่ายธรรมะย่อมได้รับความเสียหายอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นประโยชน์ต่อหกพรรคมาร
ขณะพวกผู้อาวุโสต่งแห่งวังผลึกวารีมองเยี่ยนจ้าวเกอ ยังรู้สึกลังเลเล็กน้อย
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น ก็กวาดมองลูกศิษย์เกาะจิตประสานคนนั้นด้วยใบหน้าที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม สายตาของเขาทำให้ทุกคนจากเกาะจิตประสานทั่วร่างเกิดความเย็นเยียบ
“ไม่ว่าต่อจากนี้ข้าจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่พวกท่านเกาะจิตประสานจะมาตัดสิน หากมีเวลาว่างเช่นนี้ คิดถึงว่าต่อจากนี้พวกท่านจะทำอย่างไรไปเถอะ”
ชายหนุ่มหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองฟางข่าน
ฟางข่านกระอักเลือดคำหนึ่ง ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล แต่สีหน้าสงบนิ่งลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้ากล้าสังหารข้า ก็รอถูกวังผลึกวารี บ่อหมื่นกระบี่ และสำนักมังกรโลหิตสังหารเถอะ ข้าอย่างน้อยก็ล่วงหน้าไปก่อน อยู่ด้านล่างรอเจ้า…”
ยังไม่ทันพูดจบ เสียง “ตูม” ก็ดังขึ้น ศีรษะของฟางข่านถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอต่อยจนแหลก!
ร่างของเขากลายเป็นฝนโลหิต สาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
“สังหารท่านแล้วอย่างไร?” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “เหตุใดข้าต้องไม่กล้าด้วย?”
ขณะที่จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่อยู่รอบๆ มองเยี่ยนจ้าวเกอในอตนนี้ ก็เกิดความรู้สึกเย็นเยียบขึ้นในใจ
ตอนแรกคิดว่าจางฮ่าวเฉิงและลี่เซิ่งที่พ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความน่าทึ่งชนิดสั่นสะเทือนใต้หล้าของชายหนุ่มผู้นี้
ใครจะคาดคิดว่าในวันเดียวกันนี้ เขาถึงกับสังหารฟางข่าน ผู้ปกครองเกาะจิตประสาน หนึ่งในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมมะ และถูกจัดอยู่ในอันดับเจ็ดของจอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบคนแรก
นี่มิใช่แค่น่าตกใจจนอยากร้องออกมา แต่กลับน่าหวาดหวั่นคล้ายกับโยนศิลาทำลายท้องนภาได้!
หลังจากวันนี้ ชื่อของเยี่ยนจ้าวเกอจะดังก้องไปทั่วโลกผืนสมุทร ไม่มีใครไม่รู้จัก ไม่มีใครไม่เคยได้ยิน
ผู้อาวุโสต่งแห่งวังผลึกวารีและจางฮ่าวเฉิงมองหน้ากันเอง ในใจรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย ‘ฝีมืออำมหิตเลือดเย็นไม่กริ่งเกรงต่อสิ่งใดเช่นนี้ เป็นการกระทำของคนที่อยู่พรรคมารจริงๆ’
‘ไม่เพียงเท่านั้น เขาได้สังหารฟางจ้าวหง ผูกความแค้นกับฟางข่าน กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต ทั้งสองฝ่ายต้องสู้ตัดสินกัน ต่อให้มีคนไกล่เกลี่ย อาจจะอดกลั้นได้พักหนึ่ง แต่ไม่มีทางอดกลั้นได้ตลอดไป
‘เขากับสำนักปราชญ์ปีศาจมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ ถ้าหากเป็นคนในพรรคมาร เช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบมากเกินไป’
‘ในตอนนี้ข้ากลับรู้สึกว่าเขามิใช่คนของพรรคมาร เมื่อมีร่างแยกที่มีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นอยู่ด้วย ถ้าหากปรากฏขึ้นมาในขณะที่พวกเราสู้กับพรรคมาร เช่นนั้นคนที่ตายใช่ว่าจะมีแค่ฟางข่านคนเดียว’
คนในฝ่ายธรรมมะวิตกกังวล ส่วนพรรคมารก็ตึงเครียดเช่นกัน
ผู้อาวุโสเยว่แห่งสำนักสังหารมังกรมองเยี่ยนจ้าวเกอ กับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของชายหนุ่มตาไม่กะพริบ
พลังเช่นนี้แข็งแกร่งเกินไป ถึงขั้นส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ใหญ่ทั้งหมดของโลกผืนสมุทรได้เลย
ลี่เซิ่งมองเยี่ยนจ้าวเกอ พลางส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วถามผู้อาวุโสเยว่ว่า “ท่านอาจารย์จะมาถึงเมื่อใด”
ผู้อาวุโสเยว่ตอบว่า “ใกล้จะถึงแล้ว ข้าได้ข่าวมาว่าตลับวิญญาณหลอนออกจากเกาะวิญญาณหลอนแล้วเช่นกัน เหมือนราชาวังผลึกวารีและนิ้วเก้ามังกรของสำนักมังกรโลหิต ที่จะออกจากสำนักแล้วเช่นกัน”
เขาถอนใจเสียงหนึ่ง ‘ไม่มาไม่ได้ หากไม่มาอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง!’
เยี่ยนจ้าวเกอซึ่งเป็นที่เป้าสายตาของคนนับหมื่น บัดนี้เขามีสีหน้าสงบนิ่ง คล้ายกับเพิ่งทำเรื่องเล็กน้อยที่ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง สำหรับจอมยุทธ์เกาะจิตประสานที่ตกตะลึงเป็นไก่ไม้ เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด เพียงหันไปมองฟู่เอินซู เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ต้องให้อาจารย์ป้าที่ได้รับบาดเจ็บ มาขัดขวางศัตรูกับข้าเพื่อถ่วงเวลา”
ฟู่เอินซูยามนี้ได้สติกลับมาแล้ว แต่ความตกตะลึงบนใบหน้ายังไม่สลายไป นางมองดูร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอ พร้อมกับจุ๊ปากชมเชย “ไม่นับว่าเป็นไร เจ้ากลับทำให้ข้าได้เห็นเรื่องสนุก ช่างมีสีสันนัก”
“ที่แท้นี่ก็คือเบื้องหลังที่แท้จริงของรูปสลักหินรูปนั้นหรือ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ถูกต้องขอรับ”
เขามองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ป้า เรื่องสนุกนี้ยังไม่จบลง”
พูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่งเสียงกู่ร้อง
ร่างของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพลันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ญาณจริงแท้ปกคลุมเยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่เอินซู ผละไปไกลในชั่วพริบตา
มุ่งหน้าไปยังทะเลลางเรือน
จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่อยู่รอบๆ ได้สติกลับมา
พวกผู้อาวุโสต่งกัดฟัน เคลื่อนไหวร่างตามไป
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับกลายเป็นนกเผิง แค่อึดใจเดียวก็ออกห่างไปพันลี้แล้ว
ทางด้านทะเลลางเรือน เดิมทีก็เฝ้าระวังทั้งสองฝ่ายซึ่งอยู่ในการต่อสู้ที่ระเบียงสมุทรอยู่แล้ว จึงสัมผัสถึงการเข้าใกล้ของพวกเยี่ยนจ้าวเกอได้ทันที
เมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ไม่ว่าจะเป็นเหยียนกัง เจ้าสำนักบ่อหมื่นกระบี่ที่มีกระบี่ล่องลอยอยู่ในมือ หรือว่าปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียนเฉิง ล้วนเบามือลงไม่น้อย
โดยเฉพาะเจ้าสำนักบ่อหมื่นกระบี่เหยียนกัง เขาระวังพวกเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่าเดิม ถึงขั้นมีความคิดถอนตัว
แม้เขาจะมีกระบี่ล่องลอยอยู่ในมือ แต่ว่าหากสู้กับลิ่นเชียนเฉิงและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอด้วยตัวคนเดียว ผลสุดท้ายมีแต่ความตายเท่านั้น
ทว่าสิ่งที่ทำให้เหยียนกังจิตใจสั่นไหวก็คือ ลิ่นเชียนเฉิงที่อยู่เบื้องหน้านี้ ก็คล้ายกับไม่คิดพัวพันตนไว้เพื่อรอให้เยี่ยนจ้าวเกอมาโจมตี และมีความคิดวางมือเช่นกัน
ในพริบตาต่อมา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอเข่นฆ่ามาถึงเบื้องหน้า
มันกางสองแขนออก แขนข้างหนึ่งอยู่ด้านหน้า ส่วนอีกข้างอยู่ด้านหลัง พุ่งตัวเข้าแทงออกเหมือนกับหอกยักษ์!
ลำแสงสีทองและลำแสงสีดำหลายสายรวมตัวกันกลายเป็นเงาแสงมหึมา ล่องลอยขึ้นลงอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ทั้งรวดเร็วและยิ่งใหญ่!
เป้าหมายกลับเป็นปราชญ์ปีศาจ ลิ่นเชียนเฉิง!
……………………………………….
[1] พันรังไหมใส่ตัวเอง สุภาษิตจีน หมายถึง พาตัวเองเข้ามาติดกลับ หาเรื่องใส่ตัว