ตราประทับตะวันอันบ้าคลั่งแทบจะฉีกกระชากแปดพิภพทั้งหมดในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ตราประทับสีทองขยายใหญ่ขึ้นเหลือประมาณ ครอบคลุมท้องฟ้า พุ่งลงเบื้องล่าง กดทับซุนฮ่าวที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม
ซุนฮ่าวกระตุ้นพลังของตัวเอง แต่กลับไร้ประโยชน์
สู้ ก็สู้ไม่ได้
ป้องกัน ก็ป้องกันไม่ได้
หลบ ก็หลบไม่ได้
หนี ก็หนีไม่ได้!
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในตอนนี้พวกเราต้องช่วยกันประมาณตนแล้ว”
“ข้าเป็นอย่างไร ไม่ต้องพูดถึง ท่านพิจารณาตัวเองดูว่าท่านสามารถป้องกันการโจมตีของข้าได้หรือไม่?”
ซุนฮ่าวอ้าปาก แต่ส่งเสียงไม่ออก
เขาหันไปมองวังฝูงมังกรที่อยู่ด้านข้างอย่างยากลำบาก เติ้งเซินกับหลิวเฟิงเป็นความหวังเดียวของเขา
คล้ายกับได้ยินเสียงในใจของซุนฮ่าว ประตูของวังฝูงมังกรในตอนนี้เปิดออกอย่างรุนแรง
เงาคนเงาหนึ่งถลันออกมา ด้านหลังยังมีปราณแห่งความมอดม้วยหลายสายตามมาติดๆ
คนผู้นั้นเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักแสงสว่างที่ลงมายังโลกแปดพิภพในครั้งนี้ เติ้งเซิน
ทว่าในตอนนี้ ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ผู้นี้กลับมีสภาพน่าอนาถ ได้รับบาดเจ็บปางตาย ทั่วร่างล้วนเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน ไม่มีชิ้นเนื้อสมบูรณ์
อาการบาดเจ็บในปัจจุบันของเขา อย่าว่าแต่ลอยไปยังโลกซ้อนโลกเลย ต่อให้หนีออกมาจากวังฝูงมังกรได้ จะรอดได้นานเท่าไรยังเป็นปัญหา
นี่เป็นเพราะเขามีพลังแข็งแกร่ง และใช้ร่างนิภาไม่อับแสง กระบวนท่าป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักแสงสว่าง ถึงได้เหลือลมหายใจรวยริน
ในคลื่นทำลายล้าง หลิวเฟิงซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามอีกคนหนึ่งไม่เหลือแม้แต่ซาก!
เติ้งเซินตะเบ็งเสียงร้อง “ศิษย์น้องซุน รีบ…”
เสียงของเขาพลันชะงักลง หางเสียงยังสะท้อนกลางอากาศ คล้ายกับถูกคนบีบคอ
เบื้องหน้าของเขาเห็นซุนฮ่าวถูกตราประทับตะวันอันน่ากลัวโจมตีแหลก ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก!
ฟ้าดินสั่นไหวอยู่เนิ่นนานไม่ยอมสงบ
หลังจากฆ่าซุนฮ่าวเสร็จแล้ว ตราประทับตะวันที่น่าเกรงขามก็ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ
แสงสีทองบนผิวตราประทับสีทองค่อยๆ สลาย กลิ่นอายอันแข็งแกร่งหายไป กลายเป็นตราประทับทำจากสำริดทั่วไปลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น
ตราประทับตะวันในตอนนี้ไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนเมื่อครู่อีก กระนั้นกลับทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆ สั่นกลัวอยู่ดี
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บตราประทับตะวันด้วยสีหน้าสงบนิ่ง หันไปมองเติ้งเซิน “ดูเหมือนคนในสำนักของใต้เท้าไม่อาจหนีรอดมาได้”
“คนตายไม่อาจคืนชีพ ท่านอย่าเศร้าไปเลย เพราะว่า…” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างเย็นเยือก “…อีกเดี๋ยวท่านก็จะตามเขาไปแล้ว”
กลิ่นอายของวังฝูงมังกรในตอนนี้อ่อนแอลงมาก แทบจะพังทลายลงเพราะคลื่นที่ระเบิดขึ้นด้านในเมื่อครู่
แต่ต้องขอบคุณเติ้งเซินกับหลิวเฟิง วังฝูงมังกรจึงได้รับการรักษา
แสงสว่างสายหนึ่งสว่างขึ้นด้านในประตูของวังฝูงมังกรที่เปิดออก ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไล่ตามมา!
เติ้งเซินมองเยี่ยนจ้าวเกอเก็บตราประทับตะวัน จากนั้นก็มองวังฝูงมังกรและเขากว่างเฉิน
สายตาของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง คล้ายกับต้องการสลักทุกสิ่งทุกอย่างในวิญญาณ
จากนั้นยอดฝีมือสำนักแสงสว่างผู้นี้ก็หมุนกายหนีไปด้วยความรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้เติ้งเซินไม่เคยคิดมาก่อน ว่าพวกตนที่ลงมายังแปดพิภพแล้วจะมีจุดจบเช่นนี้
คนในสำนักเสียชีวิตหมดสิ้น ตัวเขาได้รับบาดเจ็บปางตาย
อาการบาดเจ็บในตอนนี้ของเติ้งเซิน ต่อให้ไม่ลงมือกับใคร จะรอดได้นานเท่าไรยังเป็นปัญหา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่เขาไม่เห็นในสายตาและสามารถสังหารได้สบายๆ ตอนนี้กลับสามารถเด็ดชีวิตของเขาทิ้งได้
นี่ทำให้เขาได้แต่หนี
ถ้าหากหนีกลับโลกซ้อนโลก ไปยังสำนักแสงสว่างได้ บางทีเขาอาจมีโอกาสรอดชีวิต ขอให้สำนักส่งยอดฝีมือลงมามากว่านี้ เพื่อสังหารอีกฝ่าย และช่วงชิงตราประทับตะวัน
‘ปราณมังกร…ปราณมังกรปริมาณมากขนาดนั้น ช่วยให้เขากระตุ้นอาวุธวิญญาณชั้นสูงนี้ได้!’
‘แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่มหาปรมาจารย์จะทำได้อยู่ดี หรือเขาจะได้รับการถ่ายทอดมาจากเจ้าของอาวุธศักดิ์สิทธิ์คนเดิม?’
เติ้งเซินประหลาดใจที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ตราประทับตะวันด้วยพลังระดับมหาปรมาจารย์ได้ แต่ด้วยสายตาของเขายังมองออกว่า ชายหนุ่มโจมตีได้เพียงครั้งเดียว จากนี้ไม่อาจะใช้ตราประทับตะวันได้อีกสักพัก
กระนั้นไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ ในตอนนี้เขาไม่กล้าหยุดอยู่ด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกออีกแล้ว
ตัวเลือกที่วางอยู่เบื้องหน้ามีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือการหนี
เยี่ยนจ้าวเกอมองทิศทางที่เติ้งเซินหนีไป เป็นทางทิศใต้ อันเป็นทิศทางไปยังสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ชายหนุ่มจึงอดหัวเราะขึ้นไม่ได้ นำวังฝูงมังกะและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกติดตามอีกฝ่ายไป
คนอื่นในตอนนี้ยังติดอยู่ในความสับสน เหม่อลอยอยู่นาน
เป็นเพราะยอดฝีมือทั้งสามแห่งสำนักแสงสว่างที่ตายก็ตาย ที่บาดเจ็บก็บาดเจ็บ และเป็นเพราะพลังอันแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานเหนือจินตนาการ สั่นสะท้านขวัญวิญญาณของตรงประทับแห่งหยาง
การต่อสู้เมื่อครู่แทบจะจบลงในเสี้ยววินาที เร็วกว่าตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอต่อสู้กับหยางจ่านหัวกับผู่เจี๋ยเสียอีก ทำให้ทุกคนตอบสนองไม่ทัน
เติ้งเซินกับหลิวเฟิง สองยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปในวังฝูงมังกร ครั้นประตูของวังฝูงมังกรปิด ตัววังก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
ในตอนที่ประตูเปิดออกอีกครั้ง หลิวเฟิงก็สาปสูญ มีเพียงแต่เติ้งเซินที่บาดเจ็บ หนีหัวซุกหัวซุน รอดหรือตายยังไม่ทราบ
ซุนฮ่าวที่อยู่ด้านนอก ก่อนหน้านี้ยังแสดงความน่าเกรงขาม คิดจัดการเยี่ยนจ้าวเกอไปพร้อมกับเขากว่างเฉิงในฝ่ามือเดียว ทว่านาทีต่อมากลับถูกตราประทับตะวันกระแทกใส่ไม่เหลือซาก!
ห้ายอดฝีมือจากสำนักแสงสว่างบนโลกซ้อนโลก ลงมายังโลกแปดพิภพ เคลื่อนทัพมายังเขากว่างเฉิง
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่หนึ่งคน จอมยุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามสองคน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองสองคน สี่คนบาดเจ็บล้มตาย เสียชีวิตที่ตีนเขากว่างเฉิงในเวลาแค่ครู่เดียว!
และยังเสียชีวิตใต้ฝ่าเท้าเยี่ยนจ้าวเกอ!
จิตใจของแต่ละคนเลอะเลือน เหมือนกับอยู่ในฝัน ฟ้าดินเบื้องหน้ากลับตาลปัตร โลกเปลี่ยนเป็นไม่จริง เปลี่ยนเป็นยากเข้าใจ
รอจนทุกคนได้สติกลับมา จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หนีเตลิด ต่างสยิวกายและหวาดผวา
ส่วนจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงในตอนนี้สลัดความกังวลก่อนหน้าทิ้ง เริ่มเปลี่ยนจากโต้กลับเป็นโจมตี ไล่ตามศัตรู
เรื่องราวมาถึงตอนนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงคนอื่น นอกจากเหอหนิงที่ได้รับบาดเจ็บหนักแล้ว แม้แต่จางคุนยังออกจากสำนัก นำคนรุมสังหารจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
เยี่ยนจ้าวเกอข้ามผ่านนภาพิภพและอัคคีพิภพ ไล่ตามเติ้งเซินมาถึงยอดยอดเขาเรืองรอง ที่อยู่ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์!
เติ้งเซินตัวโชกเลือด คล้ายกับจะร่วงหล่นจากฟ้าได้ตลอดเวลา
เขามองยิดเขาเรืองรองที่อยู่ใกล้ มองแสงวิญญาณที่พุ่งทะลุฟ้าบนนั้น ในดวงตาท้ายที่สุดก็ปรากฏประกายความหวัง
เติ้งเซินพยายามเอื้อมมือไปหาลำแสงวิญญาณนั้น
ทว่าในตอนนี้ แสงสว่างสายหนึ่งพลันสว่างวาบที่ขอบฟ้าทิศเหนือ
ท่ามกลางเสียงร้องของมังกร หอกยาวด้ามหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ทะลุร่างของเติ้งเฉิน ปักเขาบนยอดยอดเขาเรืองรองทั้งเป็น!
เติ้งเซินเบิกตาโพลง หันหน้ากลับอย่างยากลำบาก “เด็กน้อย เจ้า…”
ยังไม่ทันพูดจบ มือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็จับศีรษะของเขา กระแทกเขาเข้าไปในเขา!
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ผู้ยิ่งใหญ่จบชีวิตลงเช่นนี้
จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์บนเขาหลายคนไม่ทันตอบสนอง เห็นพลังงานบ้าคลั่งพุ่งลงมา ร่างของเติ้งเซินกลายเป็นละอองเลือดกองหนึ่ง ย้อมผาเรืองรองเป็นสีแดง
ค่ายกลคุ้มภูผาไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลนี้ พังทลายไปพร้อมกับภูเขา
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มองเติ้งเซิน เพียงดูแสงวิญญาณที่ยอดยอดเขาเรืองรองอย่างสงบนิ่ง
เสียงของเขาสะท้อนกลางอากาศ
“วันนี้ ข้าจะทำลายยอดยอดเขาเรืองรอง”