ในการต่อสู้กับตำหนักอัสนีสวรรค์ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และสำนักแสงสว่าง ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอได้รับสิ่งของมามากมาย
สำนักอย่างตำหนักอัสนีสวรรค์และสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกเยี่ยนจ้าวเกอย่ำทำลาย สมบัติที่สั่งสมมาหลายปีของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้้งสองย่อมถูกชายหนุ่มยึดไปหมดสิ้น
เทียบกับจอมยุทธ์พเนจรแล้ว สมบัติของพลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตั้งสำนักมาหลายปีย่อมมีมากมาย เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับผลลัพธ์มากที่สุดนอกจากสุสานมังกร
สมบัติเหล่านี้ เยี่ยนจ้าวเกอย่อมเก็บไว้อย่างไม่เกรงใจ
ยอดฝีมือทั้งห้าแห่งสำนักแสงสว่างถูกเยี่ยนจ้าวเกอสังหาร ของที่พวกเขาพกติดตัว สิ่งที่ไม่ถูกทำลายล้วนตกมาอยู่ในมือของชายหนุ่มเช่นกัน
‘ปัญหาอยู่ที่…สิ่งที่ถูกทำลายยับเยินเกินไป’ เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างขื่นขม
พวกเติ้งเซินและหลิวเฟิงตายเพราะการระเบิดของปราณแห่งความมอดม้วย อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาพกติดตัวถูกทำลายในวังฝูงมังกร
ตัวหลิวเฟิงถูกบดขยี้ไม่เหลือแม้แต่ผุยผงไปพร้อมกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์
เติ้งเซินหนีรอดออกมาได้ แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายไปแล้ว
ซุนฮ่าวและหลิวเฟิงมีจุดจบเดียวกัน คนถูกการโจมตีของตราประทับตะวันไปพร้อมกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์
อีกสองคนที่เหลือ หยางจ่านหัวและผู่เจี๋ย มงกุฎตะวันฟ้าสางของหยางจ่านหัวถูกเยี่ยนจ้าวเกอเก็บไป แต่ผู่เจี๋ยไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ติดตัว
เยี่ยนจ้าวเกอมองมงกุฎตะวันฟ้าสางในมือ ลูบคางตัวเองอย่างใคร่ครวญ ‘ยังดีที่ได้อย่างอื่นมา’
นอกจากมงกุฎตะวันฟ้าสางแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังได้รับของวิเศษที่หายากยิ่งกว่าชิ้นหนึ่งมาจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่เขาทำลายทิ้งไป ขนสีทองของเทพอีกา
ขนสีทองของเทพอีกา คือขนของอีกาทองสามขาซึ่งเป็นสัตว์เทพในตำนาน อีกทั้งยังไม่ใช่ขนของอีกาทองทั่วไป แต่เป็นหนึ่งในสามขนที่อยู่บนศีรษะของอีกาทอง ซึ่งมีความล้ำค่าและน่าอัศจรรย์ที่สุด
หลังจากมหาภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร หรือโลกลอยน้ำ เยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยเห็นขนของอีกาทองมาก่อน อย่าว่าแต่ขนทองของอีกาเทพเลย
สายเลือดอีกาอัคคีซึ่งเป็นสายเลือดสัตว์ปีศาจระดับหนึ่งชั้นกลางของโลกผืนสมุทรซ่อนสายเลือดของอีกาทองไว้บ้าง จึงมีความสามารถในการเผาฟ้าต้มทะเล แต่ด้อยกว่าอีกาทองสามขาแห่งดวงตะวันมากนัก
‘ขนทองของเทพอีกานี้น่าจะเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้หลอมสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใหม่ ซึ่งสำนักแสงสว่างมอบให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์’
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วลูบผ่านขนสีดำสนิทที่เปล่งประกายสีทอง รู้สึกได้ถึงพลังงานอันแข็งแกร่งที่ซ่อนไว้ด้านใน แต่กลับสั่นสะเทือนจิตใจผู้คน
‘อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ของวิเศษชิ้นนี้หลอมสร้างขึ้นจะต้องเหนือกว่าบรรทัดสุริยันวัดสวรรค์ น่าจะเป็นของที่เตรียมไว้รอหวงกวงเลี่ยกลับจากทะเลตะวันออก’ เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ ‘นอกจากขนทองของเทพอีกาแล้ว ยังมีของวิเศษจำนวนมากที่โลกแปดพิภพไม่มีอีก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอบแทนเรื่องมงกุฎจันทรากับตราประทับตะวัน หรือเห็นแก่สถานะของหวงเจี๋ย’
‘สามคนร่วมมือกัน ถึงกับสะกดความผิดปกติของแกนไฟใต้ดินในวังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการจัดการอุปสรรคในการเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์’
‘ถ้าหากสุดท้ายสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้ปกครองแปดพิภพ เช่นนั้นพลังของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะพุ่งทะยานขึ้นในเวลาเพียงไม่นาน เพราะการจัดการทรัพยากรจำนวนมาก กลายเป็นสาขาที่ควรค่าให้ความสำคัญอีกสาขาหนึ่งของสำนักแสงสว่าง’
ชายหนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อย ใช้นิ้วดีดขนสีทองของเทพอีกาเบาๆ ‘ไว้ลองคิดดูว่าจะแสดงคุณค่าของสิ่งนี้ออกมาให้ได้มากที่สุดอย่างไร’
ขณะใคร่ครวญอยู่นั้น เงาดำมหึมาก็เบียดเข้ามาใกล้ประตู เกือบจะทำลายรั้ว คิดจะพุ่งชนใส่ทรวงอกของเยี่ยนจ้าวเกอ
เขากลอกตาขาวอย่างไม่พอใจ “หดตัวลงหน่อยค่อยว่ากัน”
ขณะเงาดำนั้นพุ่งทะยานโดยอุ้งเท้าทั้งสี่ลอยจากพื้น ร่างก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พุ่งเข้าไปในอ้อมอกของเยี่ยนจ้าวเกอ
ขนปุกปุยเหมือนกับก้อนเนื้อ มีดวงตาสีดำขลับ พลิกตัวอย่างสบายในอ้อมอกของเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็มองชายหนุ่มตาปริบๆ
เป็นพ่านพ่านที่ไม่ได้เจอมานานนั่นเอง
ก่อนหน้านี้ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอไปจัดการผนึกที่ร่องแยกนพยมโลก เขาทิ้งมันไว้ที่เขากว่างเฉิง หลังจากออกมาจากปฐพีพิภพก็ไม่ได้กลับสำนัก รีบมุ่งหน้าไปยังทะเลตะวันออกทันที
จากนั้นผนึกทะเลตะวันออกก็สมบูรณ์ เพื่อหลบเลี่ยงลูกหลงจากพลังแห่งผนึก เยี่ยนจ้าวเกอได้ช่วยเหลือฟู่เอินซู ก่อนจะหนีไปยังโลกผืนสมุทร
เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ได้เจอสหายตัวน้อยนี้สักพักหนึ่ง เขารู้สึกคิดถึงมันมาก จึงยื่นมืออกมาจิ้มใส่ปลายจมูกของมัน
พ่านพ่านที่อยู่ในมือเลียนิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอเบาๆ พร้อมกับคลอเคลียด้วยความพอใจ
ชายหนุ่มมองดูจอมขี้เกียจตัวนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า “อืม เจ้าตัวเล็กนี่ดูเหมือนจะอ้วนขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อีกแล้ว”
“คุณชาย ไม่มีท่านคอยเคี่ยวเข็ญ กระเพาะของมันยิ่งมายิ่งไร้ขอบเขต ไม่ใช่แค่อ้วนเพียงอย่างเดียว” ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่เดินผ่านประตูเข้ามา พูดด้วยใบหน้าจนปัญญา “สมบัติส่วนตัวของข้าถูกมันจัดการหมดแล้ว คุณชายต้องชดเชยให้ข้าด้วย”
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นคืออาหู่นั่นเอง ในตอนนั้นเขารับคำสั่งเยี่ยนจ้าวเกอ คุ้มครองฟางจุ่นกลับสำนัก
หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปทางทะเลตะวันออก ไม่คาดเพิ่งถึงทะเลตะวันออกก็ได้รับข่าวว่าผนึกสร้างเสร็จแล้ว ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด และไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
อาหู่กับคนอื่นๆ ในเขากว่างเฉิงพลิกทะเลชั้นนอกทะเลตะวันออกแต่ไม่ได้อะไร สุดท้ายได้แต่กลับสำนักอย่างจนใจ
ในช่วงเวลานี้ อาหู่เป็นห่วงความปลอดภัยของเยี่ยนจ้าวเกออย่างยิ่ง ในที่สุดตอนนี้เขาก็กลับมาแล้ว จิตใจที่ตึงเครียดมาโดยตลอดของอาหู่จึงค่อยผ่อนคลายลง
หลังจากไม่เป็นห่วงอีก อาหู่จึงมีสมาธิคิดถึงเรื่องราวที่ก่อนหน้านี้มองข้าม อย่างเช่นว่า ของล้ำค่ามากมายที่ตนเก็บไว้ถูกพ่านพ่านจัดการไปหมดแล้ว…
“หลายอย่างเป็นของชั้นดีที่ข้าเก็บไว้เป็นอย่างดี ที่คุณชายท่านอาจจะไม่มีแล้ว” อาหู่ทำหน้าโศกเศร้า สภาพอันน่าเวทนานั้นเหมือนกับถูกชายฉกรรจ์สิบกว่าคนรุมสะกำมา
เยี่ยนจ้าวเกอถลึงตา “ประเสริฐนัก ก่อนหน้านี้เจ้าแอบฮุบไปไม่น้อย ครั้งนี้เจ้าสารภาพออกมาเองแล้ว”
อาหู่แยกเขี้ยว เหมือนกับกำลังกัดลิ้นตัวเอง “ไม่ใช่ คุณชาย คือว่า…ข้าจะบอกว่า…”
ชายหนุ่มโบกมือ “ไม่ต้องมาคือว่าแล้ว เจ้าบอกแล้วว่ามีของบางอย่างที่ข้าอาจไม่มี ฉะนั้นส่งของที่เจ้ามีอยู่ออกมาเสียดีๆ”
อีกฝ่ายทำท่าร้าวรานใจ “ไม่มีแล้วๆ คุณชาย ทุกอย่างถูกพ่านพ่านจอมตะกละจัดการไปหมดแล้ว”
“ไม่มีแล้วจริงๆ?” เยี่ยนจ้าวเกอปรายตามองเขา
“ไม่มีแล้วจริงๆ ไม่มีแล้วจริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ปวดใจถึงเพียงนี้” อาหู่พยักหน้าติดต่อกัน
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะมอบภารกิจยอดเยี่ยมให้เจ้า
“ตอนนี้สำนักเรายังไม่อาจพูดได้ว่าร่ำรวยมหาศาล หยิบฉวยอะไรในแปดพิภพก็ได้ แต่ว่าของวิเศษส่วนใหญ่ในโลกนี้ พวกเราสามารถหาได้ง่ายๆ เจ้าเดินทางไปนำของตามรายการของข้ากลับมา”
อาหู่รับใบรายการมาดูอย่างละเอียด “คุณชาย ด้วยตำแหน่งของท่านกับเขากว่างเฉิงในตอนนี้ ขอแค่ติดต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พวกเขาย่อมช่วยรวบรวมสิ่งของแล้วส่งมายังนภาพิภพเอง”
เป็นอย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอพูด สำหรับอาหู่นี่เป็นงานที่ดีเลิศจริงๆ ต่อให้ใช้ตำแหน่งหาประโยชน์ใส่ตัวยังไม่มีใครว่าอะไร
เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “มีของบางส่วนอยู่ที่เกาะจ้าวบนอัศนีพิภพ”
อาหู่ชะงักเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอทำลายตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวไปแล้ว อีกทั้งยังเหยียบย่ำอัสนีพิภพมาแล้วรอบหนึ่ง ย่อมไม่ใช่เพราะไม่กล้าไปหรือไม่สะดวกไปเกาะจ้าว
เขาพลันเข้าใจ “คุณชาย…”
บ้านเกิดของตนก็คือเกาะจ้าวแห่งอัสนีพิภพเช่นกัน
อาหู่ไม่ได้ผูกพันธ์กับบ้านเกิด ตระกูลของเขารับใช้เยี่ยนตี๋มาตั้งแต่รุ่นปู่ เขาเติบโตขึ้นที่เกาะนภากลางพร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอ ที่ที่มีเยี่ยนตี๋กับเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกอยู่ ที่นั่นต่างหากถึงจะเป็นที่ของเขา
แต่ว่าก่อนที่ท่านปู่และท่านพ่อจะสิ้นชีพ พวกท่านต่างหวังว่าจะได้ฝังร่างที่บ้านเกิดซึ่งบรรพบุรุษเคยอยู่
เยี่ยนจ้าวเกอตบบ่าของอาหู่ “ก่อนหน้านี้ไม่สะดวก ตอนนี้คิดจะไปที่ใดก็ไปเถอะ”
อาหู่สูดหายใจลึก ความเกียจคร้านหายไปจากใบหน้า พยักหน้าอย่างจริงจัง “ขอรับคุณชาย”