เยี่ยนจ้าวเกอมองอิ่นหลิวหัวอย่างเรียบเฉย เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ต้องพึ่งพาความพยายามของตัวเอง โชคชะตาชื่นชมคนที่เตรียมตัว”
อิ่นหลิวหัวเม้มปากเล็กน้อย ก้มหน้าลง “เจ้าค่ะ ศิษย์พี่เยี่ยน ข้าเข้าใจ”
ในใจนางเกิดความสับสน คิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอคงได้ยินบทสนทนาระหว่างตนกับเฟิงอวิ๋นเซิงเมื่อครู่แล้ว เรื่องนี้ทำให้นางอดขุ่นเคืองไม่ได้
‘ไม่ทราบว่าเมื่อครู่ศิษย์พี่เฟิงทราบหรือไม่ว่าศิษย์พี่เยี่ยนอยู่ใกล้ๆ…’ แววตาของอิ่นหลิวหัวสลดลงเล็กน้อย
ตั้งแต่กลับมาจากทะเลตะวันออกและเข้าสู่สำนักเขากว่างเฉิง ได้ใช้ชีวิตกับศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นแล้ว นางจึงรู้สึกได้อย่างแท้จริงว่า ชายหนุ่มเบื้องหน้านี้มีศักดิ์ฐานะสำคัญขนาดไหน
ไม่จำเป็นต้องถกเถียงสักนิด เขาเป็นบุคคลระดับผู้นำที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเขากว่าเฉิง หนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกในปัจจุบัน หรือจะบอกว่าเป็นแถวหน้าในหมู่คนที่มีอายุเท่ากันในตอนนี้ของมหาอำนาจแปดพิภพทั้งหมด
ไม่มีใครปฏิบัติกับเขาเป็นคนรุ่นหลังอีกแล้ว
ด้านนอกสำนัก หากเยี่ยนจ้าวเกอไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น คนที่ต้อนรับอย่างน้อยต้องเป็นผู้มีอำนาจของสำนัก หรือผู้อาวุโสในสำนัก
ฉายาของเขา ปราชญ์ภาพวาด ผู้อาวุโสม่อ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีศักดิ์ฐานะสูงที่สุด และอายุมากที่สุดในปัจจุบันเป็นคนตั้งให้
ปัจจุบัน ในสายตาของยอดฝีมือระดับสูงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่น บุคคลที่สำคัญที่สุดแห่งเขากว่างเฉิง นอกจากหยวนเจิ้งเฟิงกับเยี่ยนตี๋แล้ว คนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสาม มิใช่ฟางจุ่นที่เป็นสามวีรบุรุษแห่งกว่างเฉิงเหมือนกับเยี่ยนตี๋ มิใช่ผู้อาวุโสสูงสุดที่มีศักดิ์ฐานะเท่าหยวนเจิ้งเฟิง แต่เป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่มีอายุแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น!
เหล่าลูกศิษย์รุ่นเยาว์แห่งกว่างเฉิงที่เข้าสำนักพร้อมกัน แม้กระทั่งเข้าก่อนและหลังอิ่นหลิวหัว ต่างก็เห็นเยี่ยนจ้าวเกอเป็นบุคคลที่อยู่ในตำนานไปแล้ว
ถึงแม้อายุจะไม่ได้ห่างกันมาก แต่ทุกคนกลับไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง
นอกจากคนที่ชอบเอาชนะ และมีความคิดไล่ตามอยู่ในหัวแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนเปลี่ยนจากความชื่นชมที่มีต่อศิษย์พี่เยี่ยนผู้นี้เป็นการติดตามมานานแล้ว
ถึงแม้ปากจะเรียกว่า ‘ศิษย์พี่’ แต่อิ่นหลิวหัวทราบว่า ศิษย์ร่วมสำนักจำนวนมากรวมถึงนาง ในตอนที่เผชิญหน้ากับศิษย์พี่เยี่ยนผู้นี้ ยังน่าตึงเครียดยิ่งกว่าการเผชิญหน้าผู้อาวุโสจำนวนมากในสำนักเสียอีก
ในความเป็นจริง ถึงแม้จะเป็นเพราะความอ่อนเยาว์ ระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันจึงต่ำกว่าพวกผู้อาวุโสในสำนัก แต่ในด้านอำนาจแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอกลับถูกจัดอยู่ในหนึ่งไม่กี่คนที่อยู่แถวหน้าของทั่วทั้งเขากว่างเฉิง
ทั้งหมดทั้งมวลนี้มิใช่เป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอมีบิดานามว่าเยี่ยนตี๋ ซึ่งเป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในมหาปรมาจารย์แห่งมหาอำนาจแปดพิภพ แต่เป็นเพราะเขาคือเยี่ยนจ้าวเกอ
อิ่นหลิวหัวที่เป็นสตรีจันทราย่อมมีความรู้ซึ้งต่อเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ในหัวข้อสนทนาระหว่างสตรีจันทรา น้ำหนักในคำพูดของขายหนุ่มตรงหน้านี้มีมากกว่าฟู่เอินซู ซึ่งเป็นอาจารย์ของตนเสียอีก
ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีเป็นผู้นี้ เป็นหัวหอกสำคัญในการคิดหาสตรีจันทราและการทดสอบแห่งจันทราของเขากว่างเฉิง
เยี่ยนจ้าวเกอมองอิ่นหลิวหัว กล่าวอย่างราบเรียบเช่นเดิม “ตั้งใจฝึกฝนเถอะ วันนี้ข้ามาเดินเล่นเท่านั้น เลยแวะมาดูเสียหน่อย เมื่ออาจารย์ป้าฟู่จัดการธุระเสร็จ ก็น่าจะมาตรวจสอบความคืบหน้าของเจ้ากับศิษย์น้องเฟิง”
อิ่นหลิวหัวพยักหน้า “เจ้าค่ะ ศิษย์พี่เยี่ยน ข้าจะตั้งใจฝึกฝนอย่างแน่นอน”
สีหน้าของนางเศร้าเล็กน้อย “เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์พี่เฟิง ข้ามักรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะศิษย์พี่โดดเด่นออกปานนั้น”
“ข้าเคยเห็นรูปภาพเงาของการทดสอบแห่งจันทราหลายครั้ง สตรีจันทราเหล่านั้นก่อนหน้านี้โดดเด่นยิ่ง แต่ศิษย์พี่เฟิงกลับยึดครองอันดับด้านบนได้ในเวลาอันสั้น ทั้งๆ ที่มาทีหลัง ยังเหนือกว่าคนจำนวนมากอีก”
เยี่ยนจ้าวเกอมองหน้านางแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างเชื่องช้า “นั่นเป็นสิ่งที่ศิษย์น้องเฟิงสมควรได้รับแล้ว นางทุ่มเทความพยายามและเจออุปสรรคมากมายมากกว่าคนทั่วไปนัก”
“ข้าไม่กล้าพูดว่าข้ากับเหล่าอาจารย์ได้ช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นศิษย์น้องเฟิงที่พึ่งพาตัวเอง”
ชายหนุ่มกล่าวเรียบๆ ต่อ “การบ้านที่เจ้าจะต้องทำให้สำเร็จในทุกวัน ก็คือเทียบตัวเจ้ากับความแข็งแกร่งของศิษย์น้องเฟิง รู้สึกอย่างไรบ้าง”
อิ่นหลิวหัวมีใบหน้าซีดขาว “ยากเย็นยิ่ง…”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ย “โลกมีทางลัดให้เดินอยู่น้อยนิด ถึงแม้จะมีก็มักต้องจ่ายค่าตอบแทน หรือไม่ก็เจอกับอันตราย
“ในปัจจุบันเนื่องจากการจัดหาของสำนัก สิ่งของที่ศิษย์น้องเฟิงมีแต่เจ้าไม่มี ทั้งหมดมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือการชำระล้างจากน้ำพุกิเลน อีกอย่างก็คือกระบวนท่าลับ…”
อิ่นหลิวหัวได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย
หลังจากทราบเรื่องการชำระล้างของน้ำพุกิเลนแล้ว จิตใจนางก็เฝ้าโหยหาถึงมันมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่โอกาสมีจำกัด ก่อนที่นางจะเข้าสำนัก โอกาสสุดท้ายได้มอบให้อิงหลงถูไปแล้ว
เรื่องนี้ทำให้นางอดผิดหวังมิได้ ถ้าหากนางเข้าสำนักเร็วกว่านี้ ด้วยคุณสมบัติของสตรีจันทรา ก็อาจจะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนี้ก็เป็นได้
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว แววตาของอิ่นหลิวหัวก็เป็นประกายเล็กน้อย
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อ “…แต่ว่ากระบวนท่าลับนี้ต้องรับความเจ็บปวดสาหัส มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทนไหว”
อิ่นหลิวหัวเม้มปาก “ศิษย์พี่เยี่ยน ข้าอยากจะลอง”
ชายหนุ่มมองหน้าหน้าด้วยสีหน้าเป็นปกติ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “รอเจ้าบรรลุระดับปรมาจารย์ก่อน ถ้าหากอยากจะลองก็ลองได้ ทว่าตอนนี้พลังฝึกปรือของเจ้ายังอยู่ในระดับหลอมกาย ร่างกายยังอ่อนแอเกินไป”
ในใจของอิ่นหลิวหัวไม่ทราบว่าเกิดความเสียดายหรือความโล่งอก แต่ภายนอกยังคงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าจะตั้งใจฝึกฝน พยายามหลอมปราณให้กลายเป็นจิตราให้ได้”
เขายิ้มเล็กน้อย “ตั้งใจเข้า”
พูดจบเขาก็หมุนตัวผละไป
อิ่นหลิวหัวมองเงาหลังที่ห่างไปของเยี่ยนจ้าวเกอ แววตาเป็นประกายเล็กน้อย ‘ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ชอบสตรีแบบไหน เหมือนกับเฟิงอวิ๋นเซิง หรือว่าสตรีแซ่หลินที่เล่าลือผู้นั้น”
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าสายตาของอิ่นหลิวหัวมองตามตนเองอยู่ด้านหลัง แต่เขากลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก
หลังจากผ่านการสังเกตการณ์ด้วยตัวเองในวันนี้ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คนจำนวนหนึ่งในสำนักจะต้องมีความคิด ‘บ่มเพาะสตรีจันทราที่เป็นของพวกเราอย่างแท้จริง’ ต่อไป ความหวังของพวกเขายากจะกลายเป็นจริงๆ
ความคิดที่จะบ่มเพาะกองหนุน และช่วยเหลือเฟิงอวิ๋นเซิงให้เหมือนอวิ๋นซิ่วชิงหรือเมิ่งหวานได้ตามความคิดของฟู่เอินซู ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ฟู่เอินซูกลับสำนักในครั้งนี้ เมื่อมีนางจับตาดูด้วยตัวเอง สถานการณ์คงจะดีขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอคิดไปพลาง เดินกลับไปที่ข้างน้ำตกไปพลาง เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงยังคงใช้สองมือยกดาบให้ขนาน ยืนอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวดั่งศิลา ส่วนอิงหลงถูนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ นาง
เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอมา เฟิงอวิ๋นเซิงก็ยิ้มเล็กน้อย ส่วนอิงหลงถูแยกเขี้ยวยิ้มขึ้น
ชายหนุ่มเดินไปถึงเบื้องหน้าอิงหลงถู ถามด้วยรอยยิ้มว่า “หลงเอ๋อร์ตอนนี้กำลังเรียนวรยุทธ์อะไรอยู่”
อิงหลงถูงอนิ้วนับ “ฝึกวิชากายเพชรของอาจารย์ ฝึกท่าวายุอัคคี เรียนดาบเทพผสานปราณกับท่านอาจารย์ลุงเจ้าสำนัก ท่านอาจารย์ลุงเจ้าสำนักบอกว่า ต่อจากนี้ถ้าอยากเรียน ให้เรียนวิชากระบี่อำพันลี้ลับ หรือไม่ก็กระบี่เจ็ดดารา”
เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย “เยอะขนาดนี้เชียว”
วรยุทธ์ระดับนี้ของมหาอำนาจแปดพิภพ นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอจะเข้าออกหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ได้ตามใจแล้ว สำหรับลูกศิษย์สายตรงคนอื่น ปกติผู้เป็นอาจารย์จะถ่ายทอดให้ลูกศิษย์เพียงหนึ่งหรือสองวิชาเท่านั้น
หากคิดจะร่ำเรียนวรยุทธ์วิชานอกเหนือจากนั้น ก็ได้แต่ต้องสร้างคุณูปการเพื่อรับรางวัล ถึงจะเข้าหอคัมภีร์ยุทธ์ศาสตร์ เลือกเฟ้นวรยุทธ์ที่ตนเองต้องการได้
นี่มิใช่เพราะหวงหรือจำกัด แต่ก็เพื่อให้พวกลูกศิษย์เกิดความทะเยอทะยาน ขณะเดียวกันก็ป้องกันความละโมบที่เกินพอดี