เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองพวกตงเซิงจวิน อีกฝ่ายสบตากับเขาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย
ครั้งนี้มีเสียงสายฟ้าดังมาจากด้านบน ทุกคนเงยหน้าไปมอง เห็นยอดฝีมือของตำหนักอัสนีสวรรค์ทุกคนพุ่งลงมายังเหวลึก โดยมีเฉินลี่เป็นคนนำ
นอกจากนี้แล้วยังมีเมฆหมอกขนาดใหญ่ด้วย ผู้คุมหอคลื่นโหม อันชิงหลินพาผู้อาวุโสแห่งหอคลื่นโหมลงมาอีกด้านหนึ่ง
หยวนเจิ้งเฟิงกับหวงกวงเลี่ยเห็นพวกเขา ต่างพยักหน้าเล็กน้อย เฉินลี่พยักหน้าทักทายอันชิงหลินเช่นกัน
ด้านล่างเหวลึกในตอนนี้ มีการสั่นไหวของพลังอันรุนแรงส่งมา
อานุภาพอันน่าพรั่นพรึงที่ทำให้คนต้องกลั้นหายใจทะลักขึ้นมา
นอกจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นพวกหยวนเจิ้งเฟิงแล้ว มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณทุกคนที่ร่วมทางล้วนขมวดคิ้ว
เยี่ยนจ้าวเกอในฐานะจอมยุทธ์ที่มีระดับต่ำกว่ามหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณเพียงคนเดียว ย่อมสัมผัสได้ชัดเจนกว่า
พลังชั่วร้ายเข้าไปในร่าง เยี่ยนจ้าวเกอรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า เลือดและชีพจรของตนเองคล้ายกับว่ากำลังอ่อนแรงลง
ที่อันตรายยิ่งกว่าก็คือ ญาณจริงแท้และปราณจิตราของตนเองกำลังผสมกับพลังชั่วร้าย และกำลังจะกบฏเพราะพลังชั่วร้ายนั้น
‘วิญญาณร้ายจากนพยมโลก ไม่เสียชื่อจริงๆ’ เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้าเล็กน้อย กระแสอากาศที่เหมือนความโกลาหลในร่างปรากฏขึ้น แล้วกระจายไปทั่วร่างอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดและไม่สลาย กันวิญญาณร้ายจากนพยมโลกที่บุกรุกเข้ามาไว้ด้านนอก
คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตที่เยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝน ถูกยกย่องว่าเป็นวิชาอันดับแรก ทั้งยังเป็นวิชาสายตรงของสำนักเต๋าหยกกระจ่างก่อนมหาภัยพิบัติ สามารถก่อให้เกิดทุกสรรพสิ่ง ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง ทำลายทุกสรรพสิ่ง แม้เป็นวิญญาณร้ายจากนพยมโลกก็ไม่เกรงกลัว
แต่ว่าเมื่อเทียบกับพลังฝึกปรือในตอนนี้แล้ว วิญญาณร้ายจากนพยมโลกตรงหน้ากลับมีจำนวนมหาศาลเกินไป
ต่อให้จะกำจัดได้ ก็จะเป็นต้องใช้เวลาสักพัก ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้จึงไม่แข็งขืนและไม่ดูดซับ เพียงกันไว้ด้านนอก
สำหรับวิญญาณร้ายจากนพยมโลก เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ไม่มีตัวตนเหมือนกับอากาศ
คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่นกำลังสังเกตเยี่ยนจ้าวเกออยู่เช่นกัน เห็นชายหนุ่มไม่ได้รับการรบกวนจากวิญญาณร้าย ทุกคนต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป
คนในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์มีสีหน้าถมึงทึงเล็กน้อย ส่วนคนจากหอคลื่นโหมมีสีหน้ายกย่องชมเชย
ทุกคนลงไปด้านล่างพร้อมกัน พลันมองเห็นเบื้องล่างมีแสงสีทองพุ่งขึ้นมา
เมื่อสัมผัสได้ถึงแสงสีทอง พวกเยี่ยนจ้าวเกอต่างก็เหมือนรู้สึกเหมือนได้สัมผัสแสงอาทิตย์อันอ่อนโยนในฤดูหนาว
ผลกระทบอันเลวร้ายที่เกิดจากวิญญาณร้าย พลันสลายไปมาก
แม้แต่ดวงอาทิตย์ของจริงที่อยู่เหนือท้องฟ้า ในตอนนี้้ยังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมไว้ มืดครึ้มไปทั้งแถบ
แต่ว่าในเหวลึกเบื้องล่าง กลับคล้ายมีดวงอาทิตย์อีกดวง และเพราะอยู่ใกล้มาก ระดับความร้อนและแสงสว่างจึงส่องทะลุหมอกลวงหนาหนักได้ และมอบแสงสว่างให้กับทุกคน
ฟ้ากับดินในตอนนี้คล้ายกลับตาลปัตรกัน
ดวงตาทั้งสองข้างของหวงกวงเลี่ยเป็นประกายอย่างต่อเนื่อง ส่วนในม่านตาของยอดฝีมือมือแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เช่น ซี่จ้าวจวิน ตงเซิงจวิน ยิ่งมีประกายแห่งความตกใจ
เทียบกับคนอื่นแล้ว พวกเขารู้สึกถึงการสั่นไหวของพลังที่อยู่ใต้เหวลึกได้ดียิ่งกว่า
ถึงแม้จะแตกต่างกับวิชาของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกหวงกวงเลี่ยนก็ยังสัมผัสได้ว่า นั่นคือลักษณะของพลังที่มีความเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อันเจิดจ้าบนท้องฟ้า
เพียงแค่อาบแสงสว่างที่ด้านล่างเหวลึก ก็ทำให้พวกตงเซิงจวินรู้สึกสดชื่นแล้ว
หวงกวงเลี่ยที่มีพลังฝึกปรือสูงกว่า ถึงจะไม่ได้รู้สึกอย่างรุนแรงขนาดนั้น แต่สัมผัสกับลักษณะของกฎเกณฑ์ที่อยู่ด้านในได้ลึกซึ้งกว่า เขารู้สึกถึงความอัศจรรย์อันไร้สิ้นสุด
เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้กลับหยีตาเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ได้มาปฐพีพิภพหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ยังได้สัมผัสกับแสงอาทิตย์สีทองนั้นตรงๆ เขาจึงค่อยๆ มีความมั่นใจมากขึ้น
‘มิน่าก่อนน่าถึงได้มีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่หลายส่วน’ เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเบาๆ “คัมภีร์เทพดวงอาทิตย์”
เยี่ยนจ้าวเกอถือคัมภีร์หนังสัตว์เล่มหนึ่งไว้ในมือ
นั่นคือของที่เขาได้มาพร้อมกับปีกเซียนกระเรียน ในตอนที่เข้าสู่มิติต่างพบที่จอมยุทธ์พเนจรกระเรียนล่องลอยเคยอยู่ก่อนมหาภัยพิบัติ
ปัจจุบันเขามอบปีกเซียนกระเรียนให้อาหู่แล้ว แต่ว่าคัมภีร์โบราณหนังสัตว์ยังอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
บนม้วนภาพหนังสัตว์ว่างเปล่า มีเพียงตรงกลางเท่านั้นที่มีรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหนึ่งรูป เหมือนกับเหลือตราประทับบางอย่างเอาไว้
ภาพของตราประทับที่เหลือไว้เหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนั้นศึกษาลักษณะของพลังด้านใน รู้สึกเหมือนกับเป็นคัมภีร์วิชาที่อยู่ในตำนานก่อนมหาภัยพิบัติ คัมภีร์เทพดวงอาทิตย์
ก่อนมหาภัยพิบัติจะมาถึง ผู้มีความสามารถที่สร้างคัมภีร์เทพดวงอาทิตย์ขึ้น เพิ่งจะสร้างวิชานี้้ได้ไม่ทันไร ยังอยู่ในกระบวนการปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง และยังมิทันทำสำเร็จ มหาภัยพิบัติก็ได้มาถึง ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
วิชานี้ กลายเป็นวิชาเต๋าจำนวนน้อย ที่ชั้นหนังสือวังเทพไม่ได้บันทึกอย่างสมบูรณ์
เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอเคยสัมผัสคัมภีร์ที่ไม่สมบูรณ์ส่วนหนึ่งมาก่อน
วิชาวรยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกขุดค้นจากซากอารยธรรมวรยุทธ์ในอดีตหลังจากมหาภัยพิบัติ แล้วรวมเข้ากับความเข้าใจและสิ่งที่ได้มาจากการพัฒนาของตนเอง ในนั้นมีร่องรอยของคัมภีร์เทพดวงอาทิตย์อยู่หลายส่วน
แต่ว่าจิตวรยุทธ์ที่อยู่ด้านในแสงอาทิตย์ตรงหน้านี้ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เป็นไปได้ว่าจะเป็นวิชาสายตรงจากคัมภีร์เทพดวงอาทิตย์ดั้งเดิม
ในอดีตถึงแม้จะยังไม่ทันสำเร็จ แต่ก็เป็นวิชาระดับสุดยอด เยี่ยนจ้าวเกอลองทำความเข้าใจแสงสีทองที่อยู่ใต้เหวลึกในตอนนี้อย่างละเอียด เพียงรู้สึกว่าจะล้ำลึกยิ่งกว่า
‘น่าเสียดายที่เราไม่มีคัมภีร์เทพดวงอาทิตย์ที่สมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นน่าจะคิดคำนวณเพิ่มได้’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดในใจ ‘แต่ถ้าหากความรู้สึกของข้าไม่ผิดพลาด มหาภัยพิบัติน่าจะไม่ได้ทำให้คัมภีร์เทพดวงอาทิตย์สาปสูญ กลับมีคนปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็ผลักดันมันให้อยู่ในกระบวนการปรับแต่งอยู่ตลอด’
ไม่เคยได้ยินว่ามีคนเช่นนี้อยุ่ในโลกแปดพิภพมาก่อน
แต่ว่านอกจากโลกปีศาจอัคคีที่มิใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ก็แน่ใจแล้วว่ามีโลกที่มีจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์อยู่ด้วย อย่างเช่น โลกผืนน้ำ โลกลอยน้ำ อีกทั้งยังมีโลกซ้อนโลกในตำนานนั่น ดังนั้นจึงไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย
โดยเฉพาะ ภาพของสตรีที่ได้เห็นตอนที่หลอมเสาระเบียงวังเทพในอดีต ยังทำให้เยี่ยนจ้าวเกอแน่ใจว่า จะมากจะน้อยก็มีคนหนีจากมหาภัยพิบัติได้สำเร็จ และมีชีวิตอยู่ต่อได้
‘ผนึกนี้เหมือนกับพึ่งพาของวิเศษบางอย่าง’ ขณะมองมองแสงสีทองด้านล่างอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็รวบรวมสมาธิ ความสนใจอยู่ที่เหวลึกในปฐพีพิภพตรงหน้าอีกครั้ง
ชายหนุ่มเห็นแสงสีทองกับหมอกสีดำพันกันและชนกันอย่างต่อเนื่อง
วิญญาณร้ายจากนพยมโลกยิ่งมายิ่งหนาแน่น ยิ่งมายิ่งรุนแรง พุ่งขึ้นข้างบนอย่างต่อเนื่อง
แสงสีทองก็คล้ายกับแข็งแกร่งขึ้นตามหมอกดำอย่างสูสี แต่ถ้าหากสังเกตให้ดี จะสัมผัสได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ด้านใน ดูแข็งกระด้างอยู่บ้าง
ทุกคนเข้าใจทันที ผนึกด้านล่างคล้ายยังมีพลังเต็มเปี่ยม แต่ว่าภายใต้การโจมตีทั้งวันทั้งคืนจากพลังแห่งนพยมโลก คุณสมบัติวิญญาณจึงค่อยๆ สูญสลาย และอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง
แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ยังทำให้ทุกคนรู้สึกชมเชย
ถึงอย่างไร ภาพอันโหดร้ายของอเวจี ก็คงอยู่ในกาลเวลาอันยาวนาน ผนึกเบื้องล่างทนการเคี่ยวกรำมานานถึงเพียงนี้ ยังคงแข็งแกร่งและมีพลัง
ทุกคนลงมายังเบื้องล่าง ดวงตาของหยวนเจิ้งเฟิงพลันเป็นประกาย “ฟางจุ่น”
แต่ว่าวินาทีถัดมา สีหน้าของหยวนเจิ้งเฟิงก็เคร่งขรึมขึ้น
เขาเห็นฟางจุ่นลูกศิษย์ของตนเอง มีวิญญาณร้ายจากยมโลก รวมถึงแสงอาทิตย์สีทองวนเวียนทั่วทั้งร่าง ร่างกายจมลงไม่หยุด
ฟางจุ่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปฐพีพิภพอยู่ในแนวหน้ามาโดยตลอด ความเลวร้ายจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นเขาที่รายงานทันที
แต่ว่าผลลัพธ์จากการเข้ามาในเหวลึกมากจนเกินไป ทำให้ตัวเขาในตอนนี้ติดอยู่ด้านในแล้ว
ถึงแม้ฟางจุ่นจะมีสีหน้าตึงเครียด แต่มิใช่เพราะห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ขณะที่จ้องมองเหวลึกเบื้องล่างเขม็ง ก็เห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอและหยวนเจิ้งเฟิงมาถึง ตะโกนขึ้นว่า “จะมาแล้ว!”
เสียงยังไม่ทันจะขาดลง การเคลื่อนไหวของแสงสีทองด้านล่างก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างผลักขึ้นมา