ถ้าหากบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอวางกำดักด้วยใยดินน้ำแข็ง เพื่อโจมตีจอมยุทธ์ในสำนักอัสนีสวรรค์ทุกคน ถึงแม้จะมีความยากอย่างยิ่งยวด แต่ทุกคนในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังรับได้
แต่หากบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นใยดินน้ำแข็ง ส่งผลถึงวังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้จากที่ราบหิมะแดนเหนือด้วยพลังวรยุทธ์ของเขา พวกเขากลับรู้สึกยากจะจินตนาการ
ถึงแม้ว่าการคาดการณ์ของหวงซวี่และหวงเจี๋ยสองพ่อลูกจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็ยังเหมือนไม่จริงเฉกเช่นวิมานในฟากฟ้า
หวงเจี๋ยมองทางเข้าวังสุสานที่อยู่ไกลออกไปอย่างเงียบงัน บนใบหน้าปรากฏความเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก
หวงกวงเลี่ยมองหวงซวี่ “ร่องรอยของที่เกิดเหตุเป็นเช่นไรกันแน่ ได้ไต่ถามคนจากตำหนักอัสนีสวรรค์อย่างละเอียดหรือไม่”
หวงซวี่ส่ายหน้า “ใยดินน้ำแข็งระเบิดกระแสความเย็น ทำลายที่นั่นราบคาบ”
ครั้นพูดถึงตรงนี้ ประมุขสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบันก็รู้สึกหนักใจอีกครั้ง
ต้องหาต้นเหตุเรื่องนี้เท่านั้น จึงจะจัดการตามที่ควรจะเป็นได้
บัดนี้มีวิธียืนยันสถานที่ที่เยี่ยนจ้าวเกอลงมือบนที่ราบน้ำแข็งแดนเหนือแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเขาลงมืออย่างไร
ด้วยเหตุนี้ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จึงมิอาจลงมือแก้ไขที่ต้นเหตุได้
เนื่องจากใยดินน้ำแข็งที่แดนเหนือเกิดการเปลี่ยนแปลง หากสืบสาวหาบ่อเกิดไม่ได้ ก็มิอาจแก้ปัญหาได้
เท่ากับว่า สุดท้ายสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แต่อดทนเฝ้าคอยให้ชั้นใต้ดินเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา รอให้วังสุสานทะเลเพลิงสงบดังเดิม
คิดถึงข้อนี้แล้ว จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างหวงกวงเลี่ยก็ยิ่งกลุ้มใจมากขึ้น
วังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้ปัจจุบันอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง ทั่วทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีแต่เขาที่เข้าไปได้
เมิ่งหว่านมีมงกุฎจันทราอยู่กับตัว จึงอยู่ข้างในได้ชั่วคราว
แต่คนอื่นๆ แม้แต่มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมก็มิอาจเข้าไปได้ นี่ส่งผลกระทบต่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อย่างใหญ่หลวง
พวกเขาไม่อาจเก็บทรัพยากรพิเศษที่อยู่ในวังสุสานได้ จะให้หวงกวงเลี่ยกับเมิ่งหว่านไปเป็นกรรมกร สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อยากสิ้นเปลืองกำลังคนสำคัญถึงเพียงนั้น
หากพูดให้กว้างขึ้น หากมีสิ่งใดจำเป็นต้องใช้อย่างเร่งด่วน หวงกวงเลี่ยกับเมิ่งหว่านถึงจะเข้าไป
แต่ว่าสำหรับจอมยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ถือว่าขาดแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการฝึก อันกระทบต่อพัฒนาการอย่างหนัก
โดยเฉพาะพวกเรียนวรยุทธ์ระดับสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ วิชาหมัดถึงตะวัน พวกเขาจำเป็นต้องยืมสภาพแวดล้อมของวังสุสานทะเลเพลิงแห่งทุ่งร้างแดนใต้ สำหรับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบัน เป็นปัญหาที่แทบจะจัดการไม่ได้
ผลกระทบเหล่านี้ไม่อาจแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น
แต่หากปัญหาหนักข้อและชัดเจนขึ้นตามกาลเวลา ผลกระทบก็ยิ่งเลวร้าย
วิชาหมัดถึงตะวันเป็นวรยุทธ์ระดับสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระบวนท่าในการต่อสู้เท่านั้น
ถึงจะฝึกวิชานี้ไม่สำเร็จ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องตัดขาดเส้นทางในการมุ่งสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ทว่าก็ยากถึงขั้นที่เพียงแค่คิดก็สิ้นหวัง
หากเส้นทางในการพัฒนาทุกๆ ย่างก้าวของจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้รับผลกระทบสาหัส ก็ยากจะเกิดการพัฒนา
ยกตัวอย่างแบบสุดโต่ง ปัจจุบันเสียมาตรสุริยันวัดสวรรค์ไปแล้ว หากหวงกวงเลี่ยเสียชีวิตอีกคน เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องให้ขุมกำลังฝ่ายศัตรูโจมตี ไม่กี่ปีผ่านไปสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะตกต่ำลงเอง
สมมติว่าไม่มีผลสำเร็จใดชดเชยได้อีก นี่แทบจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้
หากแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น ปัญหานี้คงจะไม่เรียกว่าปัญหา ทว่าตอนนี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังไม่มีวิธีการแก้ไข
แม้ตอนอยู่บนวังสุสานทะเลเพลิงจะร้อนรุ่มหาใดเปรียบ อากาศก็คล้ายจะติดไฟขึ้นมา
ทว่าบัดนี้ จอมยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่กลับรู้สึกหนาวสันหลังวาบเล็กน้อย
การจู่โจมของเยี่ยนจ้าวเกอจากแดนเหนือ ที่ส่งผลมายังทุ่งร้างแดนใต้ ทำให้ทั่วทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หนักอกหนักใจ ทุกคนต่างรู้สึกเคร่งเครียด
เด็กหนุ่มอย่างหวงเจี๋ยยังพอทำเนา แต่คนอื่นๆ รวมถึงหวงซวี่พลันเข้าใจจิตใจของหยวนเจิ้งเฟิง ผู้ปกครองเขากว่างเฉิงในอดีตแล้ว
ความกดดันที่อยากจะพัฒนา แต่กลับถูกปัจจัยจากโลกภายนอกจำกัดเอาไว้ ทำให้จิตใจของทุกคนเหมือนมีศิลากดทับจนหายใจไม่ออก
สำหรับพวกเขา เรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้น ยังมีเวลาหาทางแก้ไข
ดังนั้นความรู้สึกนี้เป็นแค่เรื่องชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ทันไรก็สงบสติอารมณ์ได้
แต่ถ้าหากไม่มีวิธีใดเลย แรงกดดันในใจจะเพิ่มขึ้น หนักหน่วงขึ้นตามกาลเวลา
หวงกวงเลี่ยเอ่ยขึ้น “พวกเจ้ากลับยอดเขาเรืองรองก่อนเถอะ อย่าทำให้สถานการณ์ของสำนักวุ่นวาย ข้าจะอยู่ที่นี่ ลองใคร่ครวญอีกสักเล็กน้อย ดูว่ามีหนทางแก้ไขหรือไม่”
พวกหวงซวี่ผงกศีรษะพร้อมกัน ตอนนี้ได้แต่ต้องทำเช่นนี้
สายตาของหวงกวงเลี่ยพลันมองไปทางเหนือ “จับตาดูการเคลื่อนไหวของเขากว่างเฉิง เมืองทะเลมรกต และเขาไร้พรมแดนตลอดเวลา”
หากมองระยะยาว สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาสาหัสที่สามารถสั่นสะเทือนรากฐานของพวกเขาได้เลยทีเดียว
ทว่าตอนนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพลังทั้งหมดของพวกเขาได้
หวงกวงเลี่ยมองทางเหนือ พลันกล่าวขึ้น “เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปให้จับตาดูความเคลื่อนไหวทุกอย่างของคนผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ล้วนต้องให้ความสำคัญอย่างใกล้ชิด”
หวงซวี่พยักหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง
ไม่ใช่ ‘บุตรของเยี่ยนตี๋’ ไม่ใช่ ‘ศิษย์ของกว่างเฉิง’ ไม่ใช่ ‘เด็กน้อยผู้นั้น’ หรือ ‘คนรุ่นหลังผู้นั้น’
คำเรียกที่หวงกวงเลี่ยเรียกเยี่ยนจ้าวเกอ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีท่าทีจริงจังต่อเรื่องนี้ขนาดไหน
ด้วยศักดิ์ฐานะ พลังฝึกปรือ และตำแหน่งของหวงกวงเลี่ย การเรียกคนหนุ่มที่มีอายุเท่าหลานของเขาเช่นนี้ คงจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
เพียงแต่จอมยุทธ์แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบๆ ล้วนไม่แสดงความประหลาดใจ
ถึงแม้จะยืนยันไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของวังสุสานทะเลเพลิงแห่งทุ่งร้างแดนใต้เกี่ยวข้องกับเยี่ยนจ้าวเกอหรือไม่ แต่ว่าเรื่องนี้ก็มิได้ห้ามไม่ให้ทั่วทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญกับเขาเพิ่มขึ้น
หวงซวี่เอ่ย “ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของเขากว่างเฉิงและเยี่ยนจ้าวเกอหรือไม่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถพอที่จะกระทำเช่นนี้ได้อีกในเวลาอันสั้นหรือไม่ จงติดต่อตำหนักอัสนีสวรรค์ บอกพวกเขาให้จับตาดูที่ราบหิมะแดนเหนือ สำนักของเราจะส่งคนไปสำรวจ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสก่อเรื่องอีกครั้ง”
“ขณะเดียวกันก็หาโอกาสฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ว่าต้องเสียอะไรก็ตาม” หวงซวี่ใบหน้าไร้อารมณ์ สายตาเย็นเยียบ “หากปล่อยให้เขาเติบโตเช่นนี้ต่อไป เมื่อเขามีระดับพลังเพิ่มขึ้นแล้ว จะต้องส่งผลคุกคามมากกว่าเยี่ยนตี๋ บิดาของเขาแน่”
หวงเจี๋ยนิ่งเงียบไม่พูดจา สายตามองไปยังทิศเหนือ แววตาหม่นลง
…
ขณะที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยุ่งจนหัวหมุน เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เมืองศิลากลับอารมณ์ดียิ่ง
ด้วยสิ่งของที่ต้องใช้ล้วนมีพร้อม เขาจึงเริ่มจัดแจงพวกมันในห้องพักของตนเอง
เขาสร้างค่ายกลขนาดเล็กขึ้นมา ก่อนจะวางโลงน้ำแข็งที่บรรจุร่างของสือจวินไว้ตรงกลาง
ก้าวสุดท้ายหลังจากเดินทางมาหมื่นลี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ยอมให้มีเรื่องไม่คาดฝันใดๆ ทั้งสิ้น
ระหว่างที่รอคอย เขารอคอยการมาถึงของสวีเฟยเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอติดต่อกับสำนักเป็นครั้งแรกบนเส้นทางของเมืองศิลา
ต่อจากนี้ตนจะเคลื่อนไหวอย่างไร คงต้องตัดสินใจตามสถานการณ์ ส่งสือจวินสองแม่ลูกกลับสำนักโดยเร็วดีที่สุด
สวีเฟยยืนอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ มองโลงศพน้ำแข็งใจกลางค่ายกลอย่างเงียบงัน
………………..