ในใจของเว่ยฉู่กงเกิดความเย็นเยียบไร้สิ้นสุด
ยิ่งพลังฝึกปรือสูงเท่าไร ก็ยิ่งสัมผัสถึงความน่ากลัวของเยี่ยนจ้าวเกอได้ชัดเจนเท่านั้น
พลังฝึกปรือของตนเลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ถึงกลับมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่เยี่ยนจ้าวเกอจับเว่ยอวิ๋นเซิ่ง
รอจนเยี่ยนจ้าวเกอยืนนิ่งเอ่ยปากอีกครั้ง เขาถึงพบว่าชายหนุ่มมาถึงใต้หนังตาของเขาในชั่วพริบตาเดียว
อีกฝ่ายฆ่าคนด้วยรอยยิ้มจืดจาง ชายชราอย่างเขาลงมือช่วยเหลือทันที สุดท้ายกลับได้แต่มองดูเว่ยอวิ๋นเซิ่งถูกชายหนุ่มแปลกหน้าหักคอทิ้งอยู่เฉยๆ
นี่ทำให้ชายชราสยิวกายขึ้นทันที
เขาแน่ใจว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้ามีอายุจริงกับอายุภายนอกไม่แตกต่างกันมากนัก แต่หลังจากแน่ใจถึงข้อนี้แล้ว เขายิ่งตกตะลึงขึ้นกว่าเดิม ถึงกลับคิดหมุนตัวหนี
เยี่ยนจ้าวเกอมองชายชราตระกูลเว่ย ก่อนจะถอนใจแล้วพูดว่า “ในเมื่อข้ารอพวกท่านที่นี่โดยเฉพาะ พวกท่านก็อย่าคิดหนีเลย”
ชายชราโมโห ผลักสองมือออกพร้อมกัน พลังฝ่ามือของท่าหัตถ์ฟ้าถล่มเมฆาถูกกระตุ้นถึงขีดสุด เมฆบนท้องฟ้าเดี๋ยวม้วนตัวเดี๋ยวคลายออก กลายเป็นคลื่นคลั่งไร้ขอบเขต ซัดใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
บนร่างของเขามีคนร่างสูงใหญ่คนหนึ่งโผล่ขึ้น กลับเป็นรูปฟ้าถล่มเมฆา รูปญาณวรยุทธ์ของเขา
ความยิ่งใหญ่และความละเมียดละไมปรากฏขึ้นมา เหมือนกับมีคนที่ประกอบกันจากเมฆ แสดงแก่นแท้ของหัตถ์ฟ้าถล่มเมฆาได้อย่างหมดจด
เยี่ยนจ้าวเกอเพียงหัวเราะอย่างไม่สนใจ ฝ่ามือผลักออกไปด้านหน้าอีกครั้ง ใช้ฝ่ามือนภากว่างเฉิง สภาวะฝ่ามือคล้ายครอบท้องฟ้า
ต่อให้ทะเลเมฆที่ขอบฟ้าจะซัดสาดและยิ่งใหญ่ขนาดไหน สุดท้ายก็ถูกคลุมอยู่ใต้ท้องฟ้า
ชายหนุ่มพลิกฝ่ามือ ฟ้าดินก็พลิกเปลี่ยนตาม ทะเลเมฆอันยิ่งใหญ่พลันกระจัดกระจาย!
ฝ่ายชายชราตระกูลเว่ยกัดฟัน คำรามต่ำ ในดวงตามีตราอาคมหลายสายกะพริบขึ้น
ตราอาคมเปล่งแสง ท้องฟ้าเหนือเมืองเหลาเฟิงปรากฏธารแสงหลายสายตัดสลับกัน ประกอบกันกลายเป็นค่ายกลขนาดยักษ์อย่างรวดเร็ว
พลังของค่ายกลซัดลงด้านล่าง เสริมพลังให้กับชายชรา ทำให้รูปฟ้าถล่มเมฆาของเขาที่แทบจะถูกบดขยี้ในฝ่ามือเดียว มีสภาวะมั่นคงขึ้นอีกครั้ง
ถ้าหากก่อนหน้านี้มีคนบอกเขาว่า เขาจะประมือกับชายหนุ่มอายุไม่ถึงสามสิบคนหนึ่งไม่ได้ ไม่เพียงแต่สู้อีกฝ่ายไม่ได้เท่านั้น ยิ่งต้องใช้ค่ายกลคุ้มกันมารักษาชีวิต เช่นนั้นเขาจะต้องพ่นน้ำลายใส่หน้าคนผู้นั้นแน่
แต่ตอนนี้เขากลับเพียงกังวลเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือค่ายกลของตนไม่แข็งแกร่งพอ!
ในขณะที่ใช้ค่ายกลคุ้มกันตระกูล กำไลวิญญาณวงหนึ่งบนข้อมือของชายชราเปล่งแสงสว่าง ปราณวิญญาณหลายสายเสริมพลังให้กับเขา
ภายใต้การเกื้อหนุนจากอาวุธวิญญาณชั้นสูง ชายชราตระกูลเว่ยรู้สึกว่าพลังของตนไม่เพียงแต่เพิ่มขึ้นชั่วคราว แม้แต่การควบคุมค่ายกลคุ้มกันก็คล่องมือมากขึ้นด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอมองเหตุการณ์นี้ สภาวะมือไม่หยุดลง ยังคงร่วงหล่นเหมือนฟ้าถล่มทลายเช่นเดิม
สำหรับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนไม่เห็นในสายตา เพียงสืบเท้าขึ้นหน้าหนึ่งก้าว
ชายหนุ่มไม่ทำท่าทางใด เพียงก้าวออกหนึ่งก้าว แต่มิติด้านใต้เขาในวินาทีนี้เหมือนกับเกิดการเปลี่ยนแปลง
ค่ายกลใหญ่ที่ครอบคลุมถึงกับหยุดชะงักในขณะที่หมุนวน
บนพื้นมีลวดลายค่ายกลหลายสายส่องสว่างขึ้น ในตอนนี้กลับเหมือนงูหลายตัวถูกเยี่ยนจ้าวเกอเหยียบหางไว้พร้อมกัน
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางก้าวเท้าออกอีกก้าว มาถึงเบื้องหน้าชายชราตระกูลเว่ย
ฝ่ามือที่ชูสูงลดต่ำลงในวินาทีนี้!
อาวุธวิญญาณชั้นสูง แหลกสลาย!
รูปฟ้าถล่มเมฆา แหลกสลาย!
ฝ่ายชายชรามองฝ่ามือที่ลดต่ำลงบดบังสายตาของตนอย่างต่อเนื่องเหมือนกับท้องฟ้าครอบศีรษะ คิดดิ้นรนขัดขืน กลับพบว่าร่างกายของตนไม่อาจขยับเขยื้อน
“หยุดมือเดี๋ยวนี้!” เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้นที่เส้นขอบฟ้า มาถึงด้านหน้าในพริบตา!
เสียงนั้นสั่นสะเทือนจนเหมือนเมืองเหลาเฟิงยังสั่นไหวตามไปด้วย คนในเมืองต่างวิงเวียนศีรษะ โซเซซ้ายขวา
สีหน้าของพวกเฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ จางเชียนซงต่างสั่นสะท้าน ‘จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์!’
เปลวเพลิงมากมายลุกไหม้ขึ้นที่เส้นขอบฟ้า ครอบคลุมท้องฟ้าครึ่งหนึ่งในชั่วอึดใจ จากนั้นก็กดมาทางเมืองเหลาเฟิง
เปลวเพลิงเป็นสีเขียว ดูดุร้ายน่าสะพรึง ทะลุท้องฟ้า ทำให้ทุกคนในเมืองเหลาเฟิงเกิดความรู้สึกกระวนกระวาย ร่างกายเหมือนกับลุกไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
จากนั้น แสงสีขาวจุดหนึ่งเบ่งบานออกกลางทะเลเพลิงสีเขียวไร้สิ้นสุด พุ่งเข้ามาหาเยี่ยนจ้าวเกอ!
แสงสีขาวยืดออกกลางอากาศเหมือนกับห่านขาวกระพือปีก ม้วนเอาไฟสีเขียวมากมายให้ตกลงมาพร้อมกัน
เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่สมควรเป็นเคล็ดวิชาเพลิงในศิลาของวรยุทธ์แท้เบญจอัคคี ยังมีหอกกระเรียนกายสิทธิ์ หนึ่งเจ็ดหอกสัตปักษากระมัง? เป็นวิชาของราชวงศ์จริงๆ เพียงแต่ดูเหมือนไม่สมบูรณ์แบบ? แต่ก็ไม่น่าแปลก ท่านนับเป็นญาติห่างๆ”
ขณะพูด เยี่ยนจ้าวเกอยังคงตบฝ่ามือใส่ชายชรา ส่วนอีกมือหนึ่งกำเป็นหมัด
ชายหนุ่มกำหมัด จากนั้นก็ต่อยปะทะแสงสีขาวที่พุ่งมาใส่ตนกลางอากาศ
หมัดนี้ครั้นต่อยออก กลับใช้หอกเทพสมุทรสุดขอบโลก เปลี่ยนวิชาหอกเป็นวิชาหมัด กำปั้นเหมือนกับคมของหอกยักษ์!
เหนือเมืองเหลาเฟิงเหมือนกับเกิดทะเลสีดำผืนหนึ่ง คลื่นทะเลซัดขึ้นลง ปลาคุนขนาดมหึมาตัวหนึ่งลอยขึ้น กลายเป็นนกเผิงยักษ์กระพือปีกขึ้นสู่สวรรค์!
หมัดปะทะหมัด หอกปะทะหอก พลังของสองฝ่ายกระแทกกันกลางอากาศ แค่คลื่นหลงเหลือก็ทำให้ค่ายกลคุ้มครองของเมืองเหลาเฟิงเกือบจะแตกสลายแล้ว
ฝ่ามือนภากว่างเฉิงของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้หยุดลง ฟาดใส่ศีรษะของเว่ยฉู่กงจนแหลกต่อหน้าอีกฝ่าย
ทะเลเพลิงสีเขียวกลางอากาศระเบิดยอย่างสะเทือนเลือนลั่น เงาคนเงาหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน
นั่นเป็นบุรุษวัยกลางคนสวมเกราะสีทอง ใบหน้าน่าเกรงขาม ทั่วทั้งร่างมีแต่กลิ่นคาวเลือดเข้มข้น มีสภาวะอันดุดันที่ข่มขวัญผู้คน
จอมยุทธ์ที่มีความตั้งใจไม่แน่วแน่ ขอแค่สัมผัสสภาวะพลังแบบนี้ ต่างเกิดความคิดขาดเขลา สูญเสียความตั้งใจ แทบอยากจะยอมแพ้ขอชีวิต
“เป็นแม่ทัพหยาง! แม่ทัพหลวนเซียง หยางจ้าวเจิน!” ในเมืองเหลาเฟิงมีคนจำแม่ทัพวัยกลางคนนี้ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องเรียก
อีกฝ่ายคือแม่ทัพผู้เหี้ยมหาญซึ่งรักษาเกาะหลวนเซียงมาโดยตลอด นิสัยโหดเหี้ยม สังหารคนมามากมาย มือเปื้อนเลือดจากชีวิตคนนับไม่ถ้วน หลังจากสงครามต่อต้านต้าเสวียนเริ่มขึ้น จอมยุทธ์ต่อต้านราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ถูกเขาฆ่าด้วยมือตัวเองมีจำนวนนับไม่หวาดไม่ไหว
เพียงแต่แม่ทัพหยางผู้นี้ ดวงตาปรากฏเพลิงโทสะอย่างชัดเจน
ใบหน้าที่ถูกแสงไฟสะท้อนเป็นสีเขียวคล้ำในตอนแรก ดูดุร้ายยิ่งกว่าเก่า
เยี่ยนจ้าวเกอฆ่าชายชราตระกูลเว่ยต่อหน้าเขา ตนลงมือแต่ยังถูกชายหนุ่มป้องกันไว้ได้ ทำให้เขาพลันรู้สึกถูกทำลายเกียรติ
ชายหนุ่มผู้นี้ฟาดเว่ยฉู่กงตายในฝ่ามือเดียว ก่อนเขาจะชักมือกลับโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย แล้วสบตาหยางจ้าวเจินอย่างสงบนิ่ง “โอ้ มาแล้วหรือ? หลังจากจับพวกเราแล้ว จะใช้พวกเราเป็นตัวประกัน เพื่อจับจอมยุทธ์สำนักความมืดมากกว่านี้ใช่หรือไม่?”
หยางจ้าวเจินมองเยี่ยนจ้าวเกอ “มิใช่ผู้สืบทอดของสำนักความมืด อาจารย์เจ้าเป็นใคร?”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่สำคัญมากหรือ? เอาเป็นว่าข้าปกป้องคนของสำนักความมืดผู้นี้แล้ว”
“ไม่สำคัญจริงๆ โจรกบฏต้องถูกสังหาร” หยางจ้างเจิ้นเอ่ยอย่างเย็นชา
ครั้นพูดจบ หยางจ้าวเจินก็เคลื่อนไหวร่าง แสงสีขาวปรากฏขึ้นอีก ม้วนเพลิงสีเขียวหนาหนักพุ่งใส่เยี่ยนจ้าวเกอชนิดครอบฟ้าครอบดิน!
……………………………………….