คังผิงที่ภายนอกไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ความคับข้องในใจไม่ด้อยไปกว่าภรรยาและพวกฉีเหว่ยเลย
แต่ว่าในตอนนี้เขาได้แต่อดกลั้น ตามเฉินจื้อเหลียง ผละจากทะเลหวงเจีย มุ่งหน้าไปที่เขาโถงทองที่เป็นที่อยู่ของประมุขอาคเนย์
คังฮูหยินกับฉีเหว่ยมองคังผิงจากไปพร้อมเฉินจื้อเหลียงอย่างคับข้องใจ
จากนั้นก็มองเรือยักษ์ที่มีแสงอัสดงครอบคลุมอยู่ในอากาศ คนทั้งสองรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เยี่ยนจ้าวเกออยู่ในแสงอัสดง พวกเขามองไม่เห็น แต่พวกเขาทราบว่า คนที่พังเรื่องสำคัญของพวกตนอยู่บนเรือนภาร่อนวายุนั่นเอง
แสงอัสดงสว่างวูบวาบ เรือยักษ์ในที่สุดก็ขยับอีกครั้ง ขี่พายุ แหวกก้อนเมฆ ออกห่างไปไกลในชั่วพริบตา
พวกฉีเหว่ยได้แต่ถอนใจเสียงหนึ่ง
คังจิ่นหยวนโอดครวญอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่! เหตุใดไม่ให้พวกเราลงมือ? เรือนภาร่อนวายุแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ทำอะไรท่านพ่อไม่ได้ ยังมีการวางค่ายกลสร้างชัยภูมิของอาจารย์อาฉี พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา!”
ฉีเหว่ยแค่นเสียงไม่คัดค้าน สีหน้าถมึงทึงถึงขีดสุด
คังฮูหยินส่ายหน้า “อีกฝ่ายน่าจะสู้พวกเราไม่ได้จริงๆ แต่หากคิดหนี ยังมีโอกาสมาก
“ฆ่าคนปิดปาก ถ้าสำเร็จก็ดี แต่ถ้าไม่สำเร็จก็กลายเป็นการเผยร่องรอยเปล่าๆ อีกทั้งยังเพาะความแค้นกับประมุขอาคเนย์อีก”
คังจิ่นหยวนพูดด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วย “เป็นแค่คนของประมุขอาคเนย์เท่านั้น ไม่ใช่ตัวประมุขอาคเนย์เอง ฆ่าก็ฆ่าไม่เห็นเป็นไร ประมุขอาคเนย์ถ้าสืบสาว พวกเรามีองค์จักรพรรดิหนุนหลัง ต้องกลัวเขาอีกหรือ?”
คังฮูหยินเงยหน้าถอนใจ “ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
ถึงแม้ว่าเขาจะมีที่พึ่งอยู่เบื้องหลัง แต่ว่าการวางค่ายกลบูชาฟ้าในทะเลหวงเจีย เป็นการรับคำสั่งมาแอบทำอยู่แล้ว
วันนี้ถูกคนเปิดโปง สับสนปั่นป่วนไปกันหมด ภารกิจล้มเหลวอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องบอกกล่าวกับประมุขอาคเนย์ ทางด้านผู้ช่วยเหลือของพวกตนก็เกรงว่าจะลำบากเช่นกัน
ผู้ช่วยเหลือของพวกตนไม่กลัวประมุขอาคเนย์ แต่ทั้งสองฝ่ายหากเกิดข้อขัดแย้งขึ้นมา ตอนแรกก็ทำภารกิจล้มเหลวอยู่แล้ว อีกทั้งในฐานะชนวนความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย พวกคังผิงยากจะมีจุดจบที่ดี
ดังนั้นคังผิงจึงจำเป็นต้องไปเขาโถงทอง พยายามเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กอย่างสุดความสามารถ ด้วยเหตุนี้ เรื่องราวอาจจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
คังฮูหยินกับฉีเหว่ยเข้าใจเหตุผลนี้ ในใจแม้ไม่พอใจขนาดไหน ก็ต้องอดทนไม่พูดออกมา
“ศิษย์พี่ฉี รบกวนท่านดูแลด้านหลัง ข้าจะไปพบเสวียนมู่อ๋อง” คังฮูหยินมองไปยังฉีเหว่ย “ถ้าพวกเราเกลี้ยกล่อมดีๆ พวกพระองค์ใช่ว่าจะไม่ยินดียอมอยู่เงียบๆ ในทะเลหวงเจีย”
ในอดีต เสวียนเหวินอ๋อง ผู้วิเศษเซิง นักพรตสือ พาคนเข้ามาในทะเลหวงเจีย เป้าหมายในตอนแรกก็เป็นเพราะที่นี่มีเบาะแสที่อยู่ของมารดาแห่งแผนดินในตำนาน
ในทะเลหวงเจียยังมีภูมิศาสตร์พิเศษ หากวางค่ายกลบูชาฟ้าในหุบเขาแห่งนี้ จะสำเร็จง่ายขึ้น
ผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงกับนักพรตสือต่างเคลื่อนไหวเป็นการลับ มอบภารกิจเปิดเผยให้พวกเสวียนเหวินอ๋องจัดการ
หลายปีมานี้ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องใช้อำนาจบาตรใหญ่ในทะเลหวงเจีย
ฉีเหว่ยกล่าวอย่างเย็นชา “พวกพระองค์ไม่ยอมแล้วเป็นไร? เสวียนเหวินอ๋องกับเสวียนเฉิงอ๋องผู้อาวุโสสองคนถึงอย่างไรก็ไม่อยู่แล้ว ไม่มีพวกพระองค์ค่อยช่วเหลือ เสวียนมู่อ๋องก็รักษาแผ่นดินบนทะเลหวงเจียไม่ได้ แค่ควบคุมสถานการณ์ได้ชั่วคราว พวกเขาก็ควรขอบคุณบรรพบุรุษแล้ว”
คังฮูหยินว่า “พวกเราถอยแล้ว กองทัพต่อต้านต้าเสวียนเองก็ไม่กล้าโต้กลับ ถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าประมุขอาคเนย์มีท่าทีอย่างไร”
“พวกเราได้แสดงพลังไปแล้ว อีกฝ่ายคิดฉวยโอกาสลงมือ ยังต้องประมาณตนเอง”
ฉีเหว่ยพูด “ทุกฝ่ายสมควรใส่ใจข่าวครางทางเขาโถงทอง”
คังฮูหยินครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หากสะดวกก็สร้างภาพลวงตาให้พวกเขา”
…
บนเรือนภาร่อนวายุ พวกเยี่ยนจ้าวเกอสามคนแยกทางกับพวกเจิ้งหมิง
เจิ้งหมิงย่อมไม่ว่าถ้าเยี่ยนจ้าวเกอจะอยู่บนเรือต่อ เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ต้องอยู่ว่างเหมือไป๋จื่อหมิง
นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เยี่ยนจ้าวเกออยากเห็น
ทะเลหวงเจียเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการกระตุ้นของตนเอง สถานการณ์ใหญ่โดยรวมเปลี่ยนผัน คิดจะหาผลพลอยได้จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงมากกว่า ตนจำเป็นต้องหว่านไถต่อ
แต่ว่า ฉวยใช้ช่วงเวลาที่ยังไม่ได้ร่ำลา เยี่ยนจ้าวเกอคอยเลียบเคียงถาม ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับโลกซ้อนโลกมามากกว่าเดิมจากทางด้านพวกเจิ้งหมิงและเหวินลั่วเสีย
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่หอสักการะหลักสำนักความมืด เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความรู้สึกหนึ่งผ่านการสนทนากับจอมยุทธ์สำนักความมืด
หลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ มีคนบางคนและเรื่องบางเรื่องในประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลกซ้อนโลกที่เหมือนกับถูกทำให้หายไป
มาถึงปัจจุบัน มีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มากมายค่อยๆ ถูกทำลาย และมีคนน้อยคนที่ทราบ
เทียบกันแล้ว สำนักความมืดมีความเป็นมายาวนาน ยังรักษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย เชื่อว่ามีมากกว่าหอกระบี่ทะเลเหนือและเกาะมนุษย์สำริด
แต่ว่าข้อมูลจำนวนมากซึ่งเกี่ยวข้องกับโลกซ้อนโลกที่เยี่ยนจ้าวเกอได้มาจากสำนักความมืด ส่วนใหญ่อยู่ในยุคสมัยนี้ หรือไม่ก็ราวๆ หนึ่งพันปีก่อน
นานกว่านั้น ยากจะรักษาความจริงไว้ได้ กอปรกับมีข้อบกพร่องมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ละเอียดเหมือนช่วงเวลาเมื่อไม่นานมานี้
กลับเป็นพวกเจิ้งหมิงและเฉินจื้อเหลียง เป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ เบื้องหลังของพวกคังผิงเองก็ไม่ธรรมดา
สามารถรู้ถึงความลับในยุคสมัยที่ยาวนานมากกว่านั้นได้จากพวกเขา
สำนักแสงสว่างและสำนักความมืดต่างสืบทอดมาจากสำนักประกายกาฬในอดีตที่เคยรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด แต่เพราะการแบ่งแยกของสำนักประกายกาฬในอดีต ยอดฝีมือระดับสูงจำนวนมากจึงเสียชีวิต เป็นเหตุให้บันทึกประวัติศาสตร์จำนวนมากของสำนักความมืดสูญหาย
“ราชันพระอาทิตย์เกาหาน ว่ากันว่าเป็นยอดฝีมือที่รอดชีวิตหลังเจอวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่” เหวิ่นลั่วเสียมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสายตาประหลาดใจอยู่หลายส่วน แสดงให้เห็นว่ายังไม่ค่อยเชื่อที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ทราบความเป็นมาของตราประทับตะวันเท่าไรนัก
สำหรับนาง ถ้าหากเป็นศิษย์สายตรง หรือแม้กระทั่งเป็นลูกศิษย์ของราชันพระอาทิตย์ ที่เยี่ยนจ้าวเกอมีพลังฝึกปรือถึงเพียงนี้ทั้งๆ อายุยังน้อยก็สามารถเข้าใจได้
“หลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ เขากับยอดฝีมือจำนวนหนึ่งบุกเบิกโลกซ้อนโลก วางสภาพแวดล้อมในการดำรงอยู่เหมือนอย่างตอนนี้ บูรณะสำนักเต๋าให้รุ่งเรืองอีกครั้ง จากนั้นก็สร้างคุนหลุนขึ้น”
เหวินลั่วเสียอธิบายฉะฉาน “ผู้อาวุโสเหล่านี้ถูกขนานนามหลังจากวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ว่า เก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุน แต่ดูเหมือนตอนนั้นเพิ่งจะเจอวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่มา สภาพแวดล้อมยังไม่เสถียร โลกจึงเต็มไปด้วยอันตราย”
“เพื่อกำจัดอันตรายเหล่านี้ ยอดฝีมือในเก้านพเคราะห์มีคนเสียชีวิตเช่นกัน ต่อมายังมีตัวตนที่ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอย่างราชันพระอาทิตย์ด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอฟังอย่างออกรส ทำให้เหวินลั่วเสียเหน็บแนมในใจไม่หยุด
เขาไม่เห็นสายตาแปลกประหลาดของเหวินลั่วเสีย ความคิดในสมองเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของเหวินลั่วเสีย เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เริ่มรู้จักเจ้าของตราประทับตะวัน อันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงคนเดิมขึ้นหลายส่วนแล้ว
ในประวัติศาสตร์หลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ราชันพระอาทิตย์ผู้นี้เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้ไม่ทราบไปอยู่ที่ใด ถ้าหากยังอยู่ ไม่ประสบอุบัติเหตุ และพลังที่แท้จริงพัฒนาขึ้น จะต้องเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่ไปยังที่ใดบนโลกซ้อนโลกในตอนนี้ก็ได้อย่างแน่นอน
ขอแค่ดูคนในเก้านพเคราะห์แห่งคนหลุนที่ได้รับการขนานนามเคียงคู่เขา ก็คาดเดาอย่างคร่าวๆ ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับราชันพระอาทิตย์ผู้นี้
ราชันพระเสาร์ กษัตริย์ดินแห่งสามจักรพรรดิในปัจจุบัน
ราชันพระเกตุ ได้รับการขนานนามคู่กับกษัตริย์ดิน จักรพรรดิเร้นลับแห่งสามจักรพรรดิในปัจจุบัน
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปากใคร่ครวญ
ด้วยเหตุผลนี้จึงทราบได้ว่า เก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุนในอดีต ไม่มีใครเป็นตะเกียงประหยัดน้ำมัน[1]
พวกเขาคือตัวตนในยุคสมัยหลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ที่คงอยู่ตลอดกาล ไม่ควรถูกลืมเลือนอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าปัญหาอยู่ที่ ช่วงเวลาอันยาวนานหลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ในตอนแรกเริ่มนั้น ปัจจุบันเหตุใดจึงค่อยๆ ถูกกลับฝังอยู่ในฝุ่นผงทางประวัติศาสตร์
ถ้าหากมีคนจงใจ เช่นนั้นเป็นผู้ใด?
เพราะเหตุใด?
………………..
[1] ตะเกียงประหยัดน้ำมัน หมายถึง คนที่ทำตัวดี ไม่มีปัญหา