ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 757 ตลบหลัง!

เยี่ยนจ้าวเกอตามพวกเสวียนมู่อ๋องไปยังทางเหนือของผาตะวันจันทราอย่างเงียบเชียบ มาถึงสถานที่ที่เป็นที่อยู่ของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์

เมื่อมาถึงที่นี่ เสวียนมู่อ๋องเปิดบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ มียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องลงไปยังโลกแปดพิภพพร้อมกันเป็นจำนวนมาก

ชายหนุ่มมองดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้เข้าใกล้

เสวียนมู่อ๋องที่มีหอกราชาลี้ลับอยู่ในมือ แทบจะเทียบได้กับยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง

ในฐานะผู้ปกครองประเทศ นอกจากหอกราชาลี้ลับแล้ว เขาจะต้องมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางอยู่ในมือด้วยแน่นอน และอาจจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งชิ้น

ตอนนี้หากตนเผชิญหน้ากับพระองค์ ก็ได้แต่หนีเพียงอย่างเดียว

เพียงแต่เมื่อเทียบกับคังผิง ถือว่าหนีง่ายกว่ามาก

เสวียนมู่อ๋องถ้าหากอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า เยี่ยนจ้าวเกอมีแผนการมากมายที่สามารถลองใช้ดูได้

แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนสร้างอยู่บนรากฐานของสงครามในโลกซ้อนโลกของทุกฝ่าย

หากลงไปยังโลกแปดพิภพ เช่นนั้นก็จะเป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง

เพียงแต่ว่าแค่ครู่เดียว ก็เห็นบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นมาแล้ว

เสวียนมู่อ๋องที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ พระพักตร์ฉายแววตกพระทัยออกมาก่อน จากนั้นก็กลายเป็นถมึงทึงถึงขีดสุด

ร่องแยกมิติเกิดความปรวนแปร มีเงาคนสองสายหนีกลับมาอย่างทุลักทุเลจากด้านใน สติกระเจิดกระเจิง

พวกเสวียนมู่อ๋องที่อยู่บนโลกซ้อนโลกต่างงงงวย “พวกเจ้า…”

คนทั้งสองนั้นทั้งโกรธทั้งละอาย อยากจะหาช่องบนพื้นมุดเข้าไป แต่ก็ไม่อาจไม่ตอบคำถามของเสวียนมู่อ๋อง

เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของพวกเขา ทุกคนก็มีสีหน้าเหลือเชื่อ “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลางคนเดียวจัดการพวกเจ้าทั้งหมดหรือ?

“คนอื่นๆ ถ้าไม่ตายก็บาดเจ็บ พวกเจ้าเพราะว่าไม่ออมกำลัง ปล่อยพลังออกมาเหนือกว่าขีดจำกัดการบรรจุของโลกเบื้องล่างฝืนลอยขึ้น จึงกลับมาได้?”

“มีบางคนถึงกับไม่ทันสลัดหลุดออกจากการกดข่มของพลังแห่งเขตแดน ก็ถูกฟันทิ้งที่โลกเบื้องล่างใบนั้น?”

การย้อนถามติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าเสวียนมู่อ๋องตกตะลึงถึงขีดสุดเช่นกัน

คนผู้หนึ่งด้านข้างพระองค์ถามโดยสัญชาตญาณว่า “หรือว่าเยี่ยนจ้าวเกอนั่นตอนนี้จะแอบกลับโลกเบื้องล่างแห่งนั้นไปแล้ว?”

อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างคับข้อง “เยี่ยนจ้าวเกอนั่น พวกเราย่อมรู้จักรูปร่างหน้าตา ไฉนจะจำไม่ได้เล่า?”

หลังจากเว้นไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดอย่างลังเลว่า “แต่ว่า…”

อีกคนที่กลับมาจากโลกแปดพิภพกล่าวเสริม “แต่ว่าลักษณะภายนอกคล้ายกับเยี่ยนจ้าวเกอนั่นหลายส่วนจริงๆ มองไปมีอายุมากกว่าเล็กน้อย”

คนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมองหน้ากัน

เสวียนมู่อ๋องพระพักตร์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ประเสริฐนัก โลกแปดพิภพอย่างนั้นหรือ!”

ครั้นพูดจบ พระองค์ก็ไม่แสดงความเกรงกลัวแม้แต่น้อย กลับสาวพระบาทไปยังร่องแยกมิติแห่งนั้นเป็นคนแรก

“พวกเจ้ามีผู้ใดคิดจะตามเราไปผจญโลกเบื้องล่าง เพื่อดูว่าที่นั่นมีความมหัศจรรย์อะไรกันแน่บ้าง?”

จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนจนถึงระดับนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็มีความเชื่อมั่นกับความภาคภูมิใจเป็นของตัวเองทั้งสิ้น

เสวียนมู่อ๋องที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย แม้ว่าระดับพลังฝึกปรือจะถูกกดอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม แต่คนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ และขั้นห้าอย่างพวกเขา กลับไม่อาจเทียบเคียงกันได้

ระดับพลังถึงแม้จะเหมือนกัน แต่ประสบการณ์และความเข้าใจที่มีต่อวรยุทธ์ กลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

เสวียนมู่อ๋องต่อให้ถูกกดให้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ก็เกรงว่ายอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

พลังเช่นนี้ถ้าหากแม้แต่โลกเบื้องล่างใบหนึ่งยังไม่กล้าไป เสวียนมู่อ๋องต่อจากนี้ก็ไม่ต้องฝึกวรยุทธ์แล้ว

กลุ่มคนที่อยู่ด้านข้างพระองค์ตอบรับอย่างฮึกเหิม “พวกกระหม่อมยินดีร่วมทางกับฝ่าบาท”

สองคนที่หนีกลับมารู้สึกลังเล

คนที่หน้าตาละหม้ายคล้ายเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในโลกแปดพิภพ มอบเงามืดในใจให้พวกเขาล้ำลึกเกินไป

ยังไม่พูดถึงความแข็งกร้าวของวรยุทธ์ของคนผู้นั้น ประเด็นก็คือเจตจำนงดาบที่อหังการซึ่งถือเป็นของเขาเพียงคนเดียว พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นความเกรี้ยวกราดของมันเป็นครั้งแรกในชีวิตจริงๆ

แม้ว่าจะอยู่ในทะเลหวงเจียบนโลกซ้อนโลก ก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน

สภาวะดาบอันน่ากลัวถึงขั้นทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงสองคนเกือบจะมีเงามืดในใจ

แต่ว่าคนทั้งสองก็เป็นผู้ที่มีความตั้งใจเลิศล้ำเช่นกัน รู้ว่าจำต้องจัดการความกลัวเช่นนี้ให้อยู่หมัด

นอกจากนั้นหากถอยในตอนนี้ วันหน้าพวกเขาก็ไม่มีหน้าพบผู้คนอีก

“ตามแต่พระองค์จะบัญชา!” คนทั้งสองกัดฟัน พูดอย่างแน่วแน่

เสวียนมู่อ๋องผงกพระเศียร แสงสว่างหมุนเวียนในมือ หอกยาวพุ่งไปอยู่ในมือจอมยุทธ์เกราะทองคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง “พวกเจ้ารอเราอยู่ที่นี่ พร้อมกันนั้นจงสั่งให้คนไล่ตามพวกศิษย์พี่คังไปยังดินแดนสุทธทัศน์ เพื่ออธิบายความพิเศษของโลกแปดพิภพ”

“พวกเจ้าที่เป็นคนเฝ้าจำเป็นต้องระวังตัวด้วย กำลังหลักของโจรกบฏถูกกดดันเข้าไปในน่านน้ำดินแดนสุทธทัศน์ แต่อาจจะยังมีเศษเดนตัวอื่นอยู่อีก”

จอมยุทธ์เกราะทองผู้นั้นเอ่ยว่า “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย หอกราชาลี้ลับอยู่ที่นี่ ขอแค่ไม่ใช่กู้หงหรือหลัวจื้อเทาที่มีกงจักรสุริยันจันทรา คนอื่นล้วนไม่ควรค่า”

อีกคนหนึ่งครั้งนี้พูดขึ้น “ฝ่าบาท เยี่ยนจ้าวเกอนั่นอาศัยการคุ้มครองของราชากระบี่ภูผาเงา จึงหลบการไล่สังหารของท่านพ่อพ้น พวกเราลำบากใจมาโดยตลอดว่าจะล่อเขาออกมาอย่างไร ตอนนี้บางทีอาจเป็นโอกาสดีก็ได้นะพะยะค่ะ”

เสวียนมู่อ๋องครุ่นคิดครู่หนึ่งค่อยตรัสว่า “จัดการทางโลกแปดพิภพเสียก่อน ไม่รู้ว่าญาติมิตรในโลกแปดพิภพของเขาติดต่อกับเขาได้หรือไม่ ถ้าหากทำได้ เขาจะต้องได้รับการแจ้งเตือน ไม่แน่ว่าจะส่งตัวเองเข้าติดกับตามที่พวกเราหวัง”

“รอเรากลับมาจากแปดพิภพเสียก่อน ค่อยปล่อยข่าวออกไปเพื่อล่อเขามา ก่อนที่ข้าจะกลับ พวกเจ้าอย่าทำอะไรวู่วาม เขามีตราประทับตะวันอยู่ด้วย อีกทั้งยังเกือบจะหนีจากกระบี่ของศิษย์พี่คังไปได้อีก ไม่อาจดูแคลนเด็ดขาด”

ทุกคนตอบรับ “พวกกระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”

เสวียนมู่อ๋องไม่พูดต่ออีก เดินเข้าไปในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ทันที

จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องส่วนใหญ่ที่อยู่รอบๆ ติดตามอยู่ด้านหลังพระองค์ ด้วยสภาวะที่เหมือนกับพันทหารหมื่นอาชา

ห่างออกไป เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้ๆ บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ไม่เห็น แต่ว่าหลังจากเห็นการเปลี่ยนแปลงของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ ก็ยังพอจะทายออกอยู่บ้าง

โดยเฉพาะถึงจะยังมีแสงไฟพุ่งขึ้นมา ซึ่งหมายความว่าหอกราชาลี้ลับยังคงอยู่ที่นี่ แต่เทียบกับตอนก่อนหน้านี้แล้ว แม้สภาวะจะยังคงมีเต็มเปี่ยม แต่พลังวิญญาณกลับอ่อนแอลง

นี่หมายความว่า เสวียนมู่อ๋องอาจจะเสด็จไปยังโลกแปดพิภพด้วยตัวเอง แต่หอกราชาลี้ลับกลับยังรั้งอยู่ที่นี่

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง ไม่เหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นเทวะสำแดงหรือขั้นสะพานเซียนที่หลังจากถูกกดพลังฝึกปรือของแล้ว จะลงไปยังโลกแปดพิภพได้ นอกเสียจากว่าพวกมันจะเก็บพลังของตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทาง ‘ลง’ ไปได้เด็ดขาด

ส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางที่ทำได้กลับมีน้อยนิดยิ่ง

ในเมื่อไม่อาจเก็บพลังเองได้ เช่นนั้นก็ต้องการความช่วยเหลือจากผู้เป็นนาย แต่ก็ต้องใช้ความพยายามไม่น้อย อีกทั้งยังยากมาก

สำนักแสงสว่างถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ ก็ไม่มีทางเลือกย้ายสำนักไปยังโลกแปดพิภพ นี่เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักเท่านั้น

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าใกล้ๆ ดินแดนจิตคุณธรรมจะมีบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่เชื่อมไปยังโลกแปดพิภพอยู่ด้วย ย่อมไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน

มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอยกโค้งขึ้นเล็กน้อยในขณะที่มองเหตุการณ์นี้ ‘มีความมั่นใจ ข้าชื่นชอบนัก’

ครั้นการสั่นสะเทือนของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์พอจบลง เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้ทันทีว่าพวกเสวียนมู่อ๋องออกจากโลกซ้อนโลก มุ่งหน้าไปยังโลกแปดพิภพโดยสมบูรณ์แล้ว

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเหาะออกมาจากวังฝูงมังกรในทันที มันกางปีกออกดุจตัวคุนเผิง แล้วพาเยี่ยนจ้าวเกอกับวังฝูงมังกร บินไปยังบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset