หลังจากผ่านการฟูมฟักอย่างต่อเนื่องจากเฟิงอวิ๋นเซิง พลังของดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกก็เพิ่มและฟื้นคืนมาอย่างไม่หยุดยั้ง อานุภาพของดาบราหูในอดีตจะกลับมาเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
บัดนี้มันตกมาอยู่ในมือของเยี่ยนตี๋ ก็พลันแสงความดุร้ายออกมาทันที
กลิ่นอายมารแสงทมิฬที่เกิดจากพลังแห่งการกัดกร่อน ผสมเข้าไปในประกายดาบสีม่วง ประกายดาบเปลี่ยนเป็นสีม่วนเข้ม
ประกายดาบอันดุร้ายทำลายการป้องกันจากเสื้อคลุมยันต์เซียนของเสวียนมู่อ๋องในชั่วอึดใจ
ยันต์วิญญาณที่เป็นแสงสว่างนับไม่ถ้วนแหลกสลายไปพร้อมกัน ฝุ่นละอองแสงที่เกิดขึ้นเพราะพวกมันก็ถูกประกายดาบที่น่าพรั่นพรึงฟันทิ้งไปจนหมดสิ้นด้วย!
ดาบเทพที่ยิ่งใหญ่เกรี้ยวกราด หลังจากฟันเสื้อยันต์เซียนทิ้งเหมือนฟันไผ่แล้ว ก็พุ่งใส่พระวรกายของเสวียนมู่อ๋องทันที!
เสวียนมู่อ๋องตกพระทัย เปลวเพลิงห้าสีบนพระวรกายพุ่งขึ้น กลายเป็นหงส์เพลิง พญาปักษาชิงเหนี่ยว นกเผิงยักษ์ นกยูง นกกระเรียน ห่านฟ้า และนกฮูก วิหคเจ็ดตัว
ห้าอัคคีเจ็ดวิหคพลิกขึ้น กลายเป็นพายุเปลวเพลิงหนาหนักม้วนพัดฟ้าดิน ปกป้องเสวียนมู่อ๋องพร้อมกัน
แต่ดาบอันน่ากลัวของเยี่ยนตี๋ดาบนี้ เมื่อประกายดาบไปถึงที่ใด เปลวไฟก็กระจัดกระจาย พาให้ขนวิหคร่วงหล่น
พายุเปลวเพลิงถูกประกายดาบฟันทะลุ พระขนองของเสวียนมู่อ๋องพลันมีแผลใหม่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งสาย!
เสวียนมู่อ๋องครางหนักๆ คำหนึ่ง ไม่กล้าหยุดนิ่ง ได้แต่หนีต่อไป
เยี่ยนตี๋สาวเท้าก้าวยาวๆ ไล่ตามไป ประกายดาบครั้นไปถึง ฟ้าดินที่อยู่รอบๆ เสวียนมู่อ๋อง รวมถึงการไหลของเวลาก็แปลกประหลาดขึ้น
ความเร็วของเสวียนมู่อ๋องช้าลง ส่วนความเร็วของประกายดาบกลับเร็วขึ้น!
ประกายดาบสีม่วงเข้มสว่างวาบ หนึ่งดาบต่อด้วยหนึ่งดาบ พาดขวางท้องฟ้า ไล่ตามเสวียนมู่อ๋องไม่ลดละ
หลังจากออกดาบอย่างต่อเนื่อง สภาวะของเยี่ยนตี๋ก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม เจตจำนงดาบที่มุ่งหน้าด้วยสภาวะฟ้าดินนั้นแข็งแกร่งมากขึ้น ทุกสิ่งล้วนแตกพ่าย!
เยี่ยนตี๋ไล่ตามมาถึงด้านหลังเสวียนมู่อ๋อง มือขวายกดาบสวรรค์มังกรทะยานขึ้น “เพิ่งมาถึงดินแดนใหม่ แต่ได้ยอดฝีมือมาสังเวยดาบ เป็นเรื่องน่ายินดีของชีวิตโดยแท้”
เขาใช้มือซ้ายยกดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกเลยศีรษะ ก่อนจะฟันลงด้านล่าง!
แสงสว่างระหว่างฟ้าดินตอนนี้ดับลงไปอย่างพร้อมเพรียง
เบื้องหน้าทุกคนพลันเปลี่ยนเป็นมืดมิด มองไม่เห็นอะไรสักอย่างเดียว
มีแต่เจตจำนงดาบที่แข็งแกร่งจนไปอยูในระดับใหม่ และไม่อาจต้านทานนั้นเท่านั้น ที่ครอบคลุมดินแดนจิตคุณธรรมบนทะเลหวงเจียไว้
ข้างหูของทุกคนมีเสียงร้องโหยหวนของเสวียนมู่อ๋องดังมา
วินาทีถัดมา ความมืดก็หายไป ทุกคนมองไปพร้อมกัน เห็นสถานที่ที่ท้องฟ้าและท้องทะเลตัดกัน ยืนตระหง่านไว้ด้วยเงาคนสองสาย
คนหนึ่งในมือซ้ายมีดาบยาวสีดำ คมดาบชี้ลม พลิกมือไพล่ไว้ด้านหลัง
ด้านหน้าของเขา มีศพไร้ศีรษะศพหนึ่งยืนอยู่
ศีรษะหนึ่งหมุนคว้างขึ้นกลางท้องฟ้า หลังจากถึงจุดสูงสุด มันก็ร่วงหล่นลงมา
ดวงตาของศีรษะนั้นเบิกโพลง สีหน้าตกใจระคนโมโห เป็นเสวียนมู่อ๋องนั่นเอง!
เยี่ยนตี๋ยื่นมือขวาไปรับพระเศียรของเสวียนมู่อ๋อง หลังจากมองแวบหนึ่ง ก็ใช้ญาณจริงแท้จับร่างไร้ศีรษะที่กำลังจะตกไปที่ผิวทะเลด้านล่าง
เขาหมุนกายก้าวเท้า นำพระศพของเสวียนมู่อ๋องกลับไปถึงด้านข้างพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ก่อนหน้านี้คิดหนี ถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสังหารอย่างต่อเนื่อง คนโชคดีที่ถูกขวางเส้นทางไว้และกำลังรับมือ ขณะนี้ต่างก็มองเยี่ยนตี๋และศีรษะที่เยี่ยนตี๋หิ้วไว้ในมืออย่างตกตะลึง
แม้แต่ใบหน้าของเฉินจื้อเหลียงกับไป๋จื่อหมิงก็ยังฉายแววตระหนก สูดลมหายใจเย็นเยียบ
แม้จะได้เห็นการลอยขึ้นมาของเยี่ยนตี๋ด้วยตาตัวเอง และทราบแล้วว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่คนธรรมดา อย่าว่าแต่โลกเบื้องล่าง ต่อให้อยู่ในโลกซ้อนโลก เขาก็เป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถล้ำเลิศเป็นอันดับหนึ่ง
แต่เมื่อได้เห็นเยี่ยนตี๋ฟันดาบใส่เสวียนมู่อ๋อง ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านสุดขีดอยู่ดี
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย เป็นผู้ยิ่งใหญ่และจ้าวผู้ปกครองทุกสรรพสิ่งในทะเลหวงเจีย
มาตรว่าก่อนหน้านี้จะได้รับบาดเจ็บจากโลกแปดพิภพ ก็ยังคงไม่อาจปิดบังความแข็งแกร่งของพระองค์ได้ พลังที่ได้แสดงออกมาในตอนประมือกับเยี่ยนตี๋เมื่อครู่ต่างทำให้ผู้ชมดูทุกคนต้องถอนใจชมเชย
ทว่าในตอนนี้ ยอดฝีมือคนที่ว่าได้ศีรษะหลุดจากบ่าไปแล้ว
ส่วนคนที่สังหารพระองค์ กลับเป็นจอมยุทธ์ที่เพิ่งลอยจากโลกเบื้องล่างขึ้นมา และเข้าสู่ขั้นเทวะสำแดงได้ไม่นาน
แม้ว่าจะเป็นเฉินจื้อเหลียง ลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ ทั้งยังเคยเห็นยอดฝีมือกับอัจฉริยะมานับไม่ถ้วน ในตอนนี้ต่างพูดอะไรไม่ออกอยู่เนิ่นนาน
‘ศิษย์พี่ใหญ่หากอยู่ในระดับนี้ เกรงว่าจะไม่มีพลังถึงเพียงนี้เช่นกัน! ไม่รู้จริงๆ ว่ายังมีใครที่เป็นเช่นนี้อีกบ้าง…’ สายตาของเฉินจื้อเหลียงมองไปทางเยี่ยนจ้าวเกอโดยไม่รู้ตัว พลันยิ้มอย่างขื่นขม ‘อ้อ มีจริงๆ เสียด้วย’
ไป๋จื่อหมิงส่ายหน้าติดต่อกัน ไม่มีความคิดจะพูดแม้แต่น้อย
คนเทียบคนย่อมต้องตาย ของเทียบของย่อมต้องทิ้ง[1]
ทุกคนต่างมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นเหมือนกัน ลอยจากโลกเบื้องล่างมาถึงโลกซ้อนโลกเหมือนกัน แต่ก็ห่างไกลกันเหมือนฟ้ากับดิน ไม่อาจนำมาเทียบกันได้โดยสิ้นเชิง
เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนตี๋ที่เดินมาหา กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “การขึ้นมาในครั้งนี้ของท่านพ่อเหมือนปักษาร้องผู้คนตกใจ สร้างชื่อเสียงขึ้นได้ทันที”
“เพียงบังเอิญเท่านั้น” เยี่ยนตี๋มาถึงด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอ ยิ้มพูด “กลับเป็นเจ้า เลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
เทียบกับตัวเองแล้ว เยี่ยนตี๋ดีใจต่อความสำเร็จของบุตรชายยิ่งกว่า
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ความเร็วพอใช้ จะให้คนอื่นบอกว่าเราเป็นคู่บิดาพยัคฆ์บุตรสุนัขไม่ได้”
เยี่ยนตี๋อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าเป็นคลื่นลูกหลังไล่กลบคลื่นลูกหน้าแล้ว ในตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้า ยังไม่สำเร็จเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เลย”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะแหะๆ “แค่เผลอนิดเดียวก็สำเร็จแล้ว”
พวกเฟิงอวิ๋นเซิงออกมาจากในวังฝูงมังกร ได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าทำตาใส่เยี่ยนจ้าวเกอ ‘เสแสร้ง ท่านเสแสร้งต่อไปเถอะ!’
“อวิ๋นเซิงกับหู่ถิงก็ก้าวหน้ามากเช่นกัน” เยี่ยนตี๋ยิ้มพร้อมกับส่งดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกคืนให้เฟิงอวิ๋นเซิง “หากยึดตามความเร็วนี้ต่อ พวกเจ้าจะเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เร็วกว่าข้าเสียอีก”
เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่รีบส่ายหน้า “พวกเราฝึกฝนบนโลกซ้อนโลก สภาพแวดล้อมดีกว่าโลกแปดพิภพมาก อีกทั้งยังมีของวิเศษมากมายที่ได้จากสุสานมังกรและสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ เพราะมีสภาพแวดล้อมที่โดดเด่นเช่นนี้ จึงมีผลลัพธ์นี้ออกมาได้”
“พวกเจ้าเองก็ต้องตั้งใจเหมือนกันจึงจะทำได้เช่นนี้” เยี่ยนตี๋หัวเราะ หันไปอีกทาง
ที่นั่น หญิงสาวกระโปรงขาวผู้หนึ่งกำลังมองเขาอย่างอึ้งๆ
เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพ่อ นี่คือเสี่ยวอ้าย เป็นผู้ติดตามท่านแม่ ข้าครั้งนี้ได้เจอนางในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬโดยบังเอิญ จึงพานางร่วมทางมาด้วย”
เยี่ยนตี๋ประหลาดใจเล็กน้อย อดสำรวจเสี่ยวอ้ายไม่ได้
เสี่ยวอ้ายมีท่าทีเหม่อลอยอยู่บ้าง
“นาง…” เยี่ยนตี๋พลันมองเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอที่รู้จักเสี่ยวอ้ายพอประมาณแล้วเห็นดังนั้น เขาก็โบกมือให้ผู้เป็นบิดา “เมื่อครู่ท่านหล่อเหลาเกินไป โรคบ้าผู้ชายของนางจึงกำเริบ อีกสักพักเดี๋ยวดีเอง”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน” เยี่ยนตี๋แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ก็เข้าใจความหมาย อดครั่นเนื้อครั่นตัวไม่ได้
จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอถึงค่อยแนะนำเยี่ยนตี๋ให้เฉินจื้อเหลียงและไป๋จื่อหมิงได้รู้จัก
เยี่ยนตี๋ได้ยินคำแนะนำของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เขาก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณทั้งสองท่านที่ช่วยดูแลจ้าวเกอ ต่อจากนี้หากมีโอกาสหวังว่าจะได้ไปพบประมุขอาคเนย์ที่เขาโถงทองได้ ถึงตอนนั้นขอให้ท่านเฉินช่วยแนะนำพวกข้าด้วย”
“ที่ท่านอาจารย์สามารถกลับจากโลกยมทะยานมายังโลกแปดพิภพได้ ยังต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากท่านผู้อาวุโสไป๋และภูเขาหิมะไพศาลของท่าน เยี่ยนตี๋ขอขอบพระคุณ”
พวกเฉินจื้อเหลียงค่อยได้สติกลับมา รีบร้อนคำนับเยี่ยนตี๋บ้าง “ใต้เท้าเกรงใจไปแล้ว บุตรของท่านก็ช่วยพวกเราไว้ไม่น้อยเช่นกัน”
พวกเขามองเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็มองเยี่ยนตี๋ ต่างถอนใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
บิดาเป็นวีรบุรุษ บุตรชายเป็นยอดฝีมือโดยแท้…
………………..
[1] คนเทียบคนย่อมต้องตาย ของเทียบของย่อมต้องทิ้ง สุภาษิตจีน หมายถึง คนเราควรรู้จักประมาณตัว อย่ามักใหญ่ไฟสูง ไม่เช่นนั้นจะเกิดอันตราย