หลังจากประกายกระบี่ค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากด้านในฝักกระบี่ กลิ่นอายที่ชั่วร้ายและละโมบก็แผ่พุ่งออกมาทั่วทั้งสี่ทิศ
ภายใต้การครอบคลุมด้วยประกายกระบี่สีดำ ด้ามกระบี่ที่มีลักษณะโบราณด้ามหนึ่งก็โผล่ขึ้นที่บริเวณช่องของฝักกระบี่ที่เปิดออก
กระบี่ที่ตอนแรกมองไปเหมือนกับสร้างจากสำริด สีพลันเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวอย่างรวดเร็ว
คุณสมบัติของมันตอนนี้กลับคล้ายทองสัมฤทธิ์
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยื่นมือข้างหนึ่งออกมากำด้ามกระบี่ทองสัมฤทธิ์ไว้ จากนั้นก็ดึงมันออกมาจากด้านในฝักระบี่
ทันใดนั้น แสงสีดำก็แผ่กระจาย
หลุมขมุกขมัวสีดำขนาดยักษ์ที่เกิดจากประกายกระบี่ พาดขวางอยู่กลางที่ว่าง
กระบี่ปีศาจเทาเที่ย!
ประกายกระบี่สี่ดำขมุกขมัวกระจัดกระจายไปทุกที่ กลืนกินเพลิงโหมหนาหนัก
หลังจากที่กลืนกินเพลิงโหมไปแล้ว มันไม่ได้อ่อนกำลังลง กลับทรงพลังขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ!
บุรุษหนุ่มที่อยู่ใต้การครอบคลุมของเงาแสงหงส์เพลิงเห็นดังนั้น หางตาก็กระตุก ตั้งฝ่ามือประดุจดาบ ฟันใส่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
เปลวเพลิงลุกโชนรวมตัวกันกลายเป็นประกายดาบหลายสาย ตัดสลับกันกลางอากาศ
ประกายดาบสีแดงเพลิงจับตัวกันหนาเหลือประมาณ ทุกสายเหมือนกับเส้นด้ายอย่างไรอย่างนั้น
ประกายดาบจำนวนนับไม่ถ้วนพันเกี่ยวกัน สานกันเป็นแหฟ้าตาขยายดิน ถี่ยิบจนลมไม่อาจพัดผ่าน ก่อนจะครอบคลุมใส่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกย่อมไม่อยู่เฉย กระตุ้นกระบี่ปีศาจเทาเที่ยเข้าปะทะ
เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงด้านหลังร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก นิ้วชี้และนิ้วกลางตั้งตรงประดุจกระบี่ จิ้มใส่จุดลมปราณใหญ่ที่ด้านหลังของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
จิตกระบี่สังหารเซียนที่เปลี่ยนแปลงไร้สิ้นสุดพลันกลายเป็นท่ากระบี่ที่เหมาะสมกับกระบี่ปีศาจเทาเที่ย เพื่อให้กระบี่ด้ามนี้แสดงอานุภาพได้ง่ายๆ
ประกายแสงสีดำกลายเป็นหลุมขมุกขมัวไร้ขอบเขต ขอบข้างขยายออกไม่หยุด จนดูคล้ายกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด เข้าปะทะกับดาบตาข่ายฟ้าปีกหงส์ของอีกฝ่าย
‘กระบี่ปีศาจเล่มนี้มีคุณสมบัติสูงมาก…’ คนหนุ่มในเปลวเพลิงเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว
พลังของเขาเหนือกว่ายอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกทั่วไป และเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ยังไม่ได้อยู่ในขั้นสะพานเซียน จึงไม่สามารถแสดงอานุภาพทั้งหมดของดาบปีศาจเทาเที่ยออกมาได้
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้กลับสามารถป้องกันดาบของเขาได้ อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาอีกครั้ง
ชายหนุ่มแค่นเสียงคำหนึ่ง ยื่นมือออกมาอย่างฉับพลัน
ประกายแสงสีแดงก่ำส่องระยิบระยับ พุ่งมาอยู่ในมือของคนผู้นี้ เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่พกเอาไว้คุ้มกันภัยชิ้นนั้น
ประกายแสงสลายไป เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาอย่างละเอียด กลับพบว่าเป็นคันเกาทัณฑ์ใหญ่คันหนึ่ง
อีกฝ่ายรั้งสายเกาทัณฑ์ เปลวเพลิงลุกโชนจับตัวกันที่ปลายนิ้ว กลายเป็นศรสีแดงเพลิงดอกหนึ่งอย่างรวดเร็ว คมศรเล็งไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ
นี่คือเกาทัณฑ์วิเศษที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง
การนำมาคุ้มครองตัวเอง ไม่อาจแสดงอานุภาพของมันได้โดยสมบูรณ์
มาถึงตอนนี้ ถึงจะนับได้ว่าคนผู้นี้ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นนี้จริงๆ
สายเกาทัณฑ์สั่นสะเทือน ประกายเพลิงสายหนึ่งเจาะทะลุอากาศ พุ่งใส่เยี่ยนจ้าวเกอ สภาวะสะเทือนฟ้าสะท้านดิน!
ประกายเพลิงหลังจากพุ่งออกมาจนไปถึงเป้าหมาย รวดเร็วราวกับไม่มีเวลามาขวางกั้น
ที่ว่างซึ่งอยู่ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับอีกฝ่ายไม่มีร่องรอยการลุกไหม้ จากการเคลื่อนที่ของประกายเพลิงเหลืออยู่เช่นกัน
ศรดอกนี้ เหมือนกับมองข้ามขอบเขตด้านเวลาและมิติ
จนกระทั่งประกายกระบี่สีดำของกระบี่ปีศาจเทาเที่ยกะพริบ ศรเพลิงค่อยปรากฏร่องรอย ถูกหลุมสีดำขมุกขมัวขวางไว้
ทว่าหลุมสีดำขมุกขมัวครั้งนี้ไม่ได้กลืนกินศรเพลิง
แสงสว่างอันละลานตาระเบิดออกมา ศรเพลิงถึงกับเจาะทะลุประกายกระบี่ของกระบี่ปีศาจเทาเที่ย ยังคงพุ่งใส่เยี่ยนจ้าวเกอและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอย่างมุ่งมั่น
การกระตุ้นเกาะทัณฑ์วิเศษคันนี้ของอีกฝ่าย แทบจะเป็นการแสดงพลังของมันออกทั้งหมด เมื่อประสานกับพลังอันกล้าแข็งในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนของตัวเขา สองรวมเป็นหนึ่ง ก็ดูน่ากลัวอย่างแท้จริง
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ต้น ตราประทับตะวันพลันหล่นจากฟากฟ้า กระแทกใส่ศรเพลิงดอกนั้น
ศรเพลิงที่เจาะทะลุหลุมสีดำขมุกขมัวจนพลังลดทอนลง พลันถูกตราประทับพรอาทิตย์บดขยี้ มอบดับไป
ในประกายตาของคนหนุ่มผู้นี้ฉายแววดุร้าย รู้สึกเดือดดาลเพราะจัดการเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
ตอนนี้เขาเอาจริงแล้ว แต่กลับสู้ความร่ำรวยของอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายมีของวิเศษมากกว่า
นี่ทำให้เขาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เมื่อเทียบกับสถานะและของวิเศษที่มีแล้ว น้อยคนนักที่ทำให้เขาเสียท่าได้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะถูกจอมยุทธ์ที่มาจากโลกเบื้องล่างคนหนึ่งบดขยี้
“เจ้ามีญาณจริงแท้เท่าไรกันแน่ ถึงสามารถกระตุ้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงสองชิ้นพร้อมกัน และทนการผลาญพลังเช่นนี้ได้”
คนหนุ่มผู้นี้รู้สึกเหลือเชื่อ ไม่พูดพร่ำทำเพลง น้าวเกาทัณฑ์ ยิงศรไปอีกดอกหนึ่ง
สุดท้ายกลับยังคงถูกเยี่ยนจ้าวเกอขวางเอาไว้!
อีกฝ่ายเบิกตาโพลง “เป็นไปได้อย่างไร? เหตุใดจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองคนหนึ่ง กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่คนหนึ่ง ถึงสามารถกระตุ้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงพร้อมกันอย่างต่อเนื่องได้?”
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสงบนิ่ง ญาณจริงแท้อันยิ่งใหญ่ของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตกับคัมภีร์พลิกนภาที่ปกติสะสมเก็บไว้ ถูกผลาญทิ้งอย่างรวดเร็ว
เคล็ดวิชาในคัมภีร์นภาหยินหยางถูกโคจร ช่วยให้เขาฟื้นพลังที่เสียไปกลับมาได้อย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนตอนที่สู้กับพวกจางเชาและคังเม่าเซิง มาตรว่าจะมีคัมภีร์นภาหยินหยางคอยสนับสนุน แต่ญาณจริงแท้ของเขาก็กำลังหายไปเป็นจำนวนมาก
กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่หวั่นวิตก ปัจจุบันเขากำลังรอโอกาสที่เหมาะสมอยู่
โอกาสนี้ อยู่ที่สนามรบของเฟิงอวิ๋นเซิงและเมิ่งหวานซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
ณ ที่แห่งนั้น เกิดการต่อสู้สะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นกัน
ในตอนที่จางเชาตาย เมิ่งหวานเหม่อลอยไปเล็กน้อย แต่ก็ฟื้นสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้แล้ว ระดับความรุนแรงของการต่อสู้ระหว่างนางกับเฟิงอวิ๋นเซิง ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทางด้านเยี่ยนจ้าวเกอเลย
สตรีสองนางใช้ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด บัดนี้ยังไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะ
มังกรเพลิงสีดำสลับฟ้าตัวหนึ่ง กำลังต่อสู้กับหงส์เพลิงสีเงินยวงตัวหนึ่งอยู่
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวังศิลา แต่เมื่อได้รับการเหนี่ยวนำจากคนทั้งสอง ระหว่างดวงดาวที่แท้จริงบนท้องฟ้าของโลกภายนอก ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ดวงจันทร์ที่กระจ่างใสวังเวงกำลังโคจรไปอยู่กลางท้องฟ้า เหมือนกับแทนที่ตำแหน่งของดวงอาทิตย์
พร้อมกันนั้น ควันเพลิงทมิฬก็แผ่พุ่ง กลืนกินแสงสว่าง พร้อมกันนั้นพลังงานของพระราหู ซึ่งเป็นพลังกัดกร่อนที่ไร้ขอบเขตก็กำลังจะปรากฏขึ้นมาเช่นกัน
พลังอันยิ่งใหญ่ของดาวนพเคราะห์ที่แท้จริง มีส่วนหนึ่งเริ่มทะลุที่ว่างหนาหนัก แยกกันเสริมพลังให้แก่มงกุฎจันทราและดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก ไม่มีใครยอมใคร
ในตอนแรก เฟิงอวิ่นเซิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเล็กน้อย
ถึงอย่างไรมงกุฎจันทราก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง สมบูรณ์แบบไร้ตำหนิ
ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกยังคงอยู่ในช่วงฟื้นฟูพลัง ไม่อาจแสดงความน่าเกรงขามของดาบราหูในอดีตได้
เฟิงอวิ๋นเซิงกระตุ้นพลังทั้งหมดของดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกในตอนนี้ได้แค่ช่วงสั้นๆ
ในขณะที่กำลังสู้กับเมิ่งหวาน นางไม่ได้ใช้วิธีการที่อันตรายถึงขีดสุดเช่นนี้
แต่ว่าหลังจากการต่อสู้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แสงอาทิตย์ยะเยือกที่อยู่ในดวงตาทั้งสองข้างของเฟิงอวิ๋นเซิงก็ยิ่งมายิ่งโชติช่วง ประกายดาบของดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกยิ่งมายิ่งส่องสว่าง
ควันมารเพลิงทมิฬที่น่าพรั่นพรึงมีพลังเพิ่มขึ้นตาม ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
สู้มาถึงตอนท้าย เฟิงอวิ๋นเซิงก็พลิกสถานการณ์ เริ่มเปลี่ยนจากตั้งรับเป็นจู่โจม ชิงความได้เปรียบมาได้
การต่อสู้ของหงส์และมังกรในการทดสอบแห่งจันทราเมื่อครั้งอดีตปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้หงส์เพลิงกลายเป็นฝ่ายหลบหลีก ส่วนมังกรส่งเสียงคำรามไปถึงสวรรค์!
แสงสว่างของอาทิตย์ยะเยือกและควันมารเพลิงทมิฬเกี่ยวกระหวัด กดอัดแสงจันทร์กระจ่าง
เฟิงอวิ๋นเซิงยอมแบกรับอาการบาดเจ็บเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน แยกเมิ่งหวานกับมงกุฎจันทราออกจากกัน
นางสูดหายใจลึก มือขวากำดาบ มือซ้ายยื่นเข้าไปในแสงสว่างของมงกุฎจันทราเหมือนกับมังกรคว้ากรงเล็บ
เมิ่งหวานฝืนสะกดอาการบาดเจ็บของตัวเอง ยังคงไม่ยอมละทิ้งมงกุฎจันทรา
ทว่าแสงสว่างสีฟ้าปนดำบนดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกกะพริบครั้งหนึ่ง ขวางนางไว้ด้านนอก
แสงของอาทิตย์ยะเยือกสีฟ้าในดวงตาของเฟิงอวิ๋นเซิงสลายไป จุดลมปราณทั่วร่างสั่นไหวพร้อมกัน แสงจันทร์กระจ่างหลายสายพรั่งพรู เป็นร่างแห่งจันทราที่บริสุทธิ์ที่สุดเหมือนกับเมิ่งหวาน
ด้านหน้าเหมือนกับปรากฎบันไดไร้รูปร่าง ให้นางก้าวขึ้นไป
สู้กันมาถึงตอนนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงก็ใกล้เป็นตะเกียงไฟที่มอดดับเช่นกัน ไม่อาจต่อสู้ได้อีก
ความรู้สึกอิดโรยจากการกระตุ้นดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกรุมล้อมนาง ทำให้นางอ่อนแรงถึงขีดสุด
แต่ว่าสายตาของเฟิงอวิ๋นเซิงยังจับจ้องอยู่ที่มงกุฎจันทรา พลางยืดกายขึ้นสาวเท้าขึ้นด้านบน
มังกรแสงทะยานบนฟ้า คว้าจันทร์กระจ่างนั้นมาไว้ในอ้อมอก
“ในที่สุด…” เมิ่งหวานถอนใจคำหนึ่ง ถังหย่งฮ่าวมีสีหน้าซับซ้อน ทอดถอนใจ
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นมังกรแสงทะยานฟ้าคว้าจันทรา บนใบหน้าผุดรอยยิ้ม “ในที่สุด…”