กล่องผ้าแพรขนาดเล็กครั้นถูกเปิดออก ปราณวิญญาณพลันกระจายไปรอบๆ กลิ่นโอสถที่ทำให้คนรู้สึกโปร่งโล่งสายหนึ่งลอยไปทั่ววังฝูงมังกร
ด้านในกล่องผ้าแพรวางไว้ด้วยยาลูกกลอนเม็ดหนึ่ง มันเปล่งแสงสีทองจางๆ บนผิวมีปราณสีม่วงบางๆ ลอยวนเวียนอยู่ชั้นหนึ่ง ไม่สลายไปไหน
เยี่ยนจ้าวเกอมองโอสถเม็ดนี้ แววตาพลันหยั่งลึก
เมื่อครู่ตอนที่ยังไม่ได้เปิดกล่องผ้าแพร เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้อย่างเลือนรางเท่านั้น
ตอนนั้นเขานึกว่าเป็นความรู้สึกหลอนของตัวเอง
รอจนเขาเปิดกล่องผ้าแพร แล้วเห็นตัวโอสถเสร็จ ในใจก็ไร้ข้อกังขา จำได้ในทันที
โอสถนี้มีชื่อว่าโอสถทองโอบอุ้ม มีสรรพคุณน่าทึ่งยิ่ง
หากคนธรรมดารับประธาน จะเพิ่มอายุขัย คงความเยาว์วัย เปิดสัมผัสระหว่างคนกับธรรมชาติ สามารถได้ยินคำบัญชาจากสวรรค์ คนที่ตายจะฟื้นคืนชีพ ต่อให้เหลือแต่กระดูกขาวก็ไม่เว้น
หากผู้ฝึกวรยุทธ์รับประทาน จะได้เชื่อมต่อกับจักรวาล รับปราณเซียนในจักรวาลที่บริสุทธิ์ที่สุดและน่าอัศจรรย์ที่สุดเข้าไปในร่าง ได้รับประโยชน์เหลือคณนา
โอสถชนิดนี้ มีแค่ในวังเทพก่อนมหาภัยพิบัติเท่านั้น ถูกเก็บอยู่ในตำหนักโอสถวังเทพ
แม้ว่าจะเป็นเหล่าเซียนในวังเทพ ก็ต้องการโอสถวิญญาณชนิดนี้ เนื่องจากว่าหากรับประทานจะสามารถเชื่อมต่อและหายใจ รับเอาปราณเซียนระดับสูงสุดของสวรรค์ได้เข้าไปได้
เพราะข้อกำหนดที่พลังฝึกปรือไม่ถึง นั่นจึงเป็นสวัสดิการที่คนน้อยคนถึงจะได้รับ
ถึงแม้ว่าจะรับประทานโอสถทองโอบอุ้ม และหายใจรับปราณเซียนจากจักรวาลเข้าไปโดยมีพลังฝึกปรือไม่ถึง ก็จะได้แค่สายเดียว แต่สายเดียวที่ว่านี้ก็มีค่าเหลือประมาณแล้ว
โลกซ้อนโลกในปัจจุบันมีปราณวิญญาณเต็มเปี่ยมถึงขีดสุด เหนือว่าโลกเบื้องล่างอย่างโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร โลกลอยน้ำ และโลกปีศาจอัคคี
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก เขามีความรู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในมหาจักรวาลก่อนมหาภัยพิบัติอยู่หลายส่วน
กระนั้นก็เป็นแค่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน หากเทียบกับในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดก่อนมหาภัยพิบัติแล้ว โลกซ้อนโลกยังด้อยกว่าเล็กน้อย
บางทีทางเขาคุนหลุนใหม่ซึ่งอยู่ในเขตมหานภากลางอาจจะดีกว่าเขตตะวันอาคเนย์ก็ได้
ทว่าสภาพแวดล้อมของมหาจักรวาลก่อนมหาภัยพิบัติก็แบ่งเป็นหลายระดับเช่นกัน วังเทพบนสวรรค์ย่อมเป็นตัวตนที่โดดเด่นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ปราณเซียนนอกจักรวาลก็มีแค่สวรรค์ชั้นบนสุดของวังเทพเท่านั้นถึงจะมี ในวังเทพมีอยู่น้อยคนที่จะสามารถสัมผัสได้
ความหายากของปราณเซียนนอกจักรวาล และความน่าอัศจรรย์ของโอสถทองโอบอุ้ม สามารถเห็นได้จากเรื่องนี้
มหาภัยพิบัติทำให้วังเทพถูกทำลาย ของวิเศษมากมายสูญสลายไปพร้อมกัน
โชคชะตาของตำหนักโอสถเป็นอย่างไร เยี่ยนจ้าวเกอไม่ทราบ โอสถวิเศษมากมายที่เก็บไว้ด้านในเป็นอย่างไร เขาก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า วันนี้จะได้เห็นโอสถทองโอบอุ้มเม็ดหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง
โอสถทองโอบอุ้มเม็ดนี้มีคุณค่ามากกว่าทุกอย่างในถุงย่อส่วนของฉีเหว่ยรวมกันเสียอีก
เขาควานหาในถุงย่อส่วน เจอม้วนคัมภีร์เล่มหนึ่ง เนื้อหาเป็นตัวหนังสือที่ฉีเหว่ยบันทึกไว้
ส่วนใหญ่แล้วเป็นความเข้าใจจากการศึกษาค่ายกลของฉีเหว่ย หรือไม่ก็เป็นค่ายกลและซากโบราณสถานที่เขาได้พบเห็นในขณะเดินทาง แล้วบันทึกไว้
มันไม่เป็นระบบระเบียบ ค่อนข้างสับสน เห็นได้ว่าเป็นการบันทึกอย่างลวกๆ
นอกจากนั้นยังครอบคลุมข้อมูลพิเศษจำนวนหนึ่งด้วย
ในนี้มีการกล่าวถึงการได้โอสถทองโอบอุ้มเม็ดนี้มาโดยบังเอิญ
ฉีเหว่ยไม่รู้จักโอสถทองโอบอุ้ม แต่ว่าพอจะตรวจสอบได้ว่าโอสถเซียนเม็ดนี้มีประโยชน์เหลือคณา ทำให้เขาไม่อาจอนุมานได้
หลังจากมาถึงทะเลหวงเจีย เนื่องจากต้องดูแลค่ายกลบูชาฟ้า ฉีเหว่ยจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทาง
ในการเดินทางครั้งหนึ่ง เขาได้โอสถทองโอบอุ้มมาโดยบังเอิญ เพราะรู้สึกได้ถึงความเร้นลับและความอัศจรรย์ที่อยู่ด้านใน จึงตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างระมัดระวัง ทำความเข้าใจโอสถชิ้นนี้ให้ทะลุปรุโปร่งก่อนจึงค่อยจัดการอีกครั้ง
ในบันทึกได้จดความรู้ที่กระจัดกระจายซึ่งฉีเหว่ยได้ทำความเข้าใจตัวโอสถไว้ด้วย
น่าเสียดายที่ต่อมาเขามีภารกิจรัดตัว จนกระทั่งวันที่ตายก็ยังศึกษาเบื้องลึกของโอสถทองโอบอุ้มไม่สำเร็จ
เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือรองกล่องผ้าแพร ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
สำหรับเขาแล้ว โอสถทองโอบอุ้มถือเป็นของวิเศษเช่นกัน
หากพูดในมุมมองหนึ่ง มันมีคุณค่ามากกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นหนึ่งด้วยซ้ำ แต่ว่าคุณค่าของมันจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ต้องรอดูหลังจากกอนเข้าไปแล้วว่าจะได้ประโยชน์ขนาดไหน
มันไม่ใช่อาวุธอันแข็งแกร่งที่สามารถใช้ได้ทันที หรือต่อให้ระดับไม่ถึงก็สามารถแสดงความสามารถได้หลายส่วนเหมือนอาวุธศักดิ์สิทธิ์
เมื่อระดับถึง ก็จะกลายเป็นยอดอาวุธในทันที
ทว่าถ้าหากใช้ความสามารถของโอสถเซียนได้ หากมองคุณค่าของมันในระยะยาวแล้ว จะไม่อาจประมาณได้
กระนั้นสิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอสนใจกว่าก็คือ ฉีเหว่ยได้โอสถทองโอบอุ้มเม็ดนี้มาจากที่ใด?
ตำหนักโอสถของวังเทพในอดีต เป็นสถานที่มีค่าไม่ด้อยไปกว่าหอตำราแม้แต่น้อย…
สิ่งที่เก็บไว้ด้านใน แค่เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึง ก็มีความรู้สึกหน้ามืดตาลายแล้ว
มาตรว่าตำหนักโอสถจะสิ้นสูญไปแล้ว โอสถที่เก็บไว้ด้านในถ้าหาเท่าที่หาได้ จะต้องเป็นกรุสมบัติที่เต็มเปี่ยมถึงขีดสุดอย่างแน่นอน
เยี่ยนจ้าวเกอลองอ่านบันทึกของฉีเหว่ย จากนั้นก็ตรวจสอบโอสถทองโอบอุ้ม มีการค้นพบเล็กน้อย ‘อืม ต้นอัคคีสวรรค์ขึ้นเต็มไปหมด…ต้นอัคคีสวรรค์ ดูเหมือนจะไม่โตในสภาพภูมิอากาศของทะเลหวงเจีย แต่ว่าในเขตตะวันอาคเนย์น่าจะมีสถานที่ที่เจริญเติบโตและแพร่พันธ์อยู่กระมัง?’
‘เดี๋ยวไว้ค่อยหาข้อมูลดูว่าที่ใดมีต้นอัคคีสวรรค์เติบโตอยู่บ้าง’
เขาหยุดคิด ก่อนจะเก็บกล่องผ้าแพรที่บรรจุโอสถทองโอบอุ้มไว้
โอสถเซียนเม็ดนี้ เขาในตอนนี้ยังไม่อยู่ในช่วงที่กินแล้วจะมีประสิทธิภาพที่สุด เก็บไว้ก่อนย่อมดีกว่า
หลังจากเก็บโอสถทองโอบอุ้ม เยี่ยนจ้าวเกอก็รวบรวมสมาธิ สงบจิตใจ ตรวจสอบของชิ้นอื่นๆ ในถุงย่อส่วนของฉีเหว่ยอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอเลือกผลึกหินบรรเทาภัยชิ้นหนึ่งและหญ้าหยกงามชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็โยนไปในปากพ่านพ่าน
พ่านพ่านอ้าปากกลืนของเข้าไป กะพริบตาปริบๆ กลิ่นอายดุร้ายรอบๆ ตัวสงบลงส่วนหนึ่ง
ตราอาคมเจ็ดตราที่ศีรษะ หน้าอก ด้านหลัง และกลางอุ้งเท้าทั้งสี่ของมันโคจรอย่างเงียบงัน ส่งผลเพิ่มพลังชีวิตให้แก่พ่านพ่าน ช่วยให้เจ้าจอมตะกละหลอมพลังของหัวใจปีศาจเทาเที่ยได้
ครู่ต่อมา เส้นเลือดที่ปูดโปนบนผิวของพ่านพ่านในที่สุดก็เริ่มราบเรียบลง ไม่นูนออกจากผิวอีกต่อไป
ร่างขนาดมหึมาของมันเริ่มหดเล็กลง
พ่านพ่านกะพริบตา หาวครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งตัวลงไปนอน
เยี่ยนจ้าวเกอตบหัวของมันด้วยรอยยิ้ม
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเขา ยามนี้ก็กำลังขัดสมาธิฝึกฝนอยู่เช่นกัน
มันดูดซับเลือดปีศาจเทาเที่ยเข้าไปในร่างกายผ่านฝักกระบี่คืนฟ้าและตัวพ่านพ่าน ตอนนี้กำลังเพิ่มการหลอมอยู่
ชายหนุ่มมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก พิจารณาในใจ ‘มีวิชาคุนเผิงเป็นพื้นฐาน จากนั้นยังหลอมเลือดมังกรและเลือดเทาเที่ยเข้าไปในร่าง บางทีอาจจะเปิดเส้นทางได้อีกเส้น ได้เดินบนเส้นทางเส้นใหม่’
วังฝูงมักรพาทุกคนออกจากดินแดนสุทธทัศน์ ข้ามดินแดนภูผาสงัดมาถึงดินแดนจิตคุณธรรม
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะการต่อสู้สะท้านโลกครั้งแล้วครั้งเล่า ดินแดนจิตคุณธรรมจึงถูกทำลายจนร้างไปเกือบหมื่นลี้ น้ำทะเลแทบแห้งเหือด
ต่อมากระแสน้ำของน่านน้ำรอบบริเวณเข้ามาเติมเต็มที่นี่โดยธรรมชาติ การเคลื่อนไหวขนาดใหญ่เช่นนี้ ทำให้สภาพอากาศของทะเลหวงเจียเปลี่ยนเป็นโกลาหลถึงขีดสุด พายุและคลื่นสูงพัดโหมไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่สงบโดยสมบูรณ์
แต่เทียบกับพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดบนดินแดนสุทธทัศน์แล้ว เป็นแค่ผู้วิเศษตัวน้อยมองผู้วิเศษตัวจริงเท่านั้น
พวกเยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปยังที่อยู่เดิมของสำนักแสงสว่าง ผาตะวันจันทราถูกทำลายราบพณาสูรไปแล้ว ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่อีก
ทางเหนือ บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เริ่มปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า
ไม่ไกลจากร่องแยกของมิติ บุรุษคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิ บนเข่าพาดไว้ด้วยดาบยาวเล่มหนึ่ง เป็นเยี่ยนตี๋นั่นเอง
………………..