เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองรอบๆ เห็นท้องฟ้าของที่นี่มีปราณสีม่วงจางลอยอยู่เหมือนกับกลุ่มเมฆ
มีแสงสีทองลอดออกมจากด้านในเมฆสีม่วงอยู่รางๆ เหมือนกับแสงอาทิตย์ที่ถูกปิดไว้
ทว่าในความกว้างใหญ่ของฟ้าดิน แม้จะมีแม่น้ำลำธารและภูเขา แต่ก็มองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นใด
จมูกของเยี่ยนจ้าวเกอขยับเล็กน้อย เพราะได้กลิ่นโอสถจางๆ
เขาก้าวเท้าไปด้านหน้าอีกครั้ง
โลกเบื้องหน้ากว้างสุดลูกหูลูกตา ครั้นเขาหยิบโอสถทองโอบอุ้มออกมาใหม่ โอสถเซียนเม็ดนี้กลับอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว
เหมือนกับขอแค่กลับมาในมิติต่างแดนนี้ได้ มันก็พอใจเหมือนใบไม้ร่วงที่ได้กลับคืนสู่กิ่งแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บโอสถทองโอบอุ้ม จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว อาศัยความสามารถในการรับรู้ของตัวเอง
ครั้งนี้หลักๆ แล้วอาศัยการรับรสและการดมกลิ่น เยี่ยนจ้าวเกอแยกแยะความเข้มข้นและความอ่อนจางของกลิ่นโอสถ จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางที่กลิ่นโอสถเข้มข้นกว่า
เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ หลังจากเหาะอยู่ในอากาศสักพัก เยี่ยนจ้าวเกอก็จิตใจสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพุ่งลงด้านล่าง แล้วหยุดอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง
หลังจากค้นหาอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็พบแสงสีน้ำเงินจางๆ จุดหนึ่งบนหินก้อนหนึ่งที่โผล่มาตรงไหล่เขา
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ก็เห็นแสงสีน้ำเงินลอยอยู่บนก้อนหิน เหมือนกับถูกฝังไว้ด้านใน
แหล่งแสงเป็นยาลูกกลอนสีดำขนาดเท่านิ้วโป้งผู้ใหญ่เม็ดหนึ่ง ผิวมีแสงสีน้ำเงินกะพริบอย่างต่อเนื่อง
ครั้นเพ่งตามองไป ด้านในยาลูกกลอนสีดำเหมือนกับมีคลื่นทะเลกระเพื่อมไม่หยุด และเมื่อเข้าไปใกล้ ข้างหูของเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ยินเสียงคลื่นซัดดังมา
‘โอสถวารีทมิฬก่อกำเนิด…’ หลังจากนึกย้อนครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็แยกแยะออกว่ายาลูกกลอนตรงหน้าคืออะไร
สำหรับจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ธาตุน้ำ หรือวรยุทธ์ที่เกี่ยวกับลมปราณธาตุน้ำ นี่เป็นของวิเศษที่มีเงินก็แลกไม่ได้
ในโลกใบนี้มีเรื่องที่รับประทานโอสถเซียนเม็ดหนึ่งเข้าไป แล้วพลังฝึกปรือพุ่งทะยานทันทีอยู่น้อยนิดยิ่ง
แต่ว่าเรื่องราวมักมีข้อยกเว้น โอสถวารีทมิฬกำเนิดตรงหน้านี้คือหนึ่งในข้อยกเว้น เพราะมันทำให้จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ธาตุน้ำ หรือจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนลมปราณธาตุน้ำได้ประโยชน์มหาศาล
คนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แทบจะเห็นผลในทันที
จอมยุทธ์ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ จะไม่เห็นผลเร็วขนาดนั้น แต่ก็ได้รับประโยชน์ในการฝึกฝนอย่างใหญ่หลวง ทำให้การฝึกฝนของคนที่รับประทานประหยัดเวลาได้มาก
เมื่อเห็นโอสถเซียนเม็ดนี้ สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจที่สุดไม่ใช่ตัวโอสถเอง
แต่เป็นเรื่องที่โอสถวารีทมิฬก่อกำเนิด เป็นโอสถเซียนที่เกิดจากวังเทพในอดีตในอดีตเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอหยิบเข็มสีทองเล่มหนึ่งออกมาแทงเข้าไปด้านใน ก่อนจะถ่ายเทญาณจริงแท้ของตัวเองลงไป เพื่อสัมผัสและตรวจสอบอย่างละเอียด
‘หือ?’ ครู่ต่อมา บนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอก็ฉายแววประหลาดใจ ‘ถ้าหากเข้าใจไม่ผิด โอสถเม็ดนี้แตกต่างกับโอสถทองโอบอุ้ม ตอนที่หลอมขึ้นเหมือนจะห่างจากวันนี้ไม่นานนัก?’
เขามองรอบๆ ‘ถึงแม้ว่ามิติเวลามิตินี้่จะประหลาด สามารถป้องกันไม่ให้ปราณวิญญาณของโอสถไหลออกด้านนอก และช่วยรักษาคุณสมบัติวิญญาณของโอสถเซียนได้ ทว่าถ้าหากเป็นโอสถเซียนที่หลอมก่อนมหาภัยพิบัติจริงๆ ก็ไม่น่าจะสามารถรักษาได้ถึงระดับนี้ถึงจะถูก
‘เหมือนกับ…เพิ่งหลอมเสร็จเมื่อสิบกว่าปีก่อน?’
ม่านตาของเยี่ยนจ้าวเกอหดตัวลง ‘มีคนมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว ทั้งอาจจะเปิดเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับเพื่อหลอมโอสถที่นี่ด้วย?’
เขานิ่วหน้า สลัดความสงสัย หยิบโอสถวารีทมิฬกำเนิดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อ
ขณะที่เดินทาง เยี่ยนจ้าวเกอก็ทยอยพบโอสถจำนวนหนึ่ง
ลูกลอนอายุวัฒนาสูงส่ง ลูกกลอนมณีทองปราณม่วง ลูกกลอนหมื่นดาราทะยาน ลูกกลอนเมฆเทวะ ลูกกลอนเย็นขจาย…ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นโอสถเซียนที่มาจากวังเทพเมื่อครั้งอดีตทั้งสิ้น
ในนี้ยังให้ความรู้สึกโบราณแก่ผู้คน อาจจะเป็นโอสถเซียนที่เหลืออยู่ก่อนมหาภัยพิบัติ บางชนิดก็ให้ความรู้สึกสดใหม่ เหมือนกับโอสถเซียนที่เพิ่งหลอมได้ไม่นาน
ระหว่างทางเยี่ยนจ้าวเกอเก็บโอสถที่ได้เจออย่างรวดเร็ว กระนั้นไม่ได้ตามหาอย่างเจาะจงอีก แต่เพิ่มความเร็วเคลื่อนที่ไปด้านหน้า
ในอีกความหมายหนึ่ง ผลพลอยได้ที่ได้มาถึงตอนนี้ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอได้กำไรเป็นเงินถุงเงินถังแล้ว
ถ้าคนอื่นรู้เข้า เกรงว่าจะพากันคลุ้มคลั่ง
แม้จะเป็นขุมกำลังอย่างราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง หอกระบี่ทะเลเหนือ พรรคลมหายใจวาฬ ก็ยังต้องอิจฉาตาร้อน
ทว่าตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่พอใจกับผลพลอยได้ตรงหน้า
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดโลกเบื้องหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏทัศนียภาพใหม่
บนผืนดิน ตั้งตระหง่านไว้ด้วยหอคอยที่เหมือนกับแท่นบูชา ส่องแสงระยิบระยับแห่งหนึ่ง
หอคอยนั้นมีทั้งหมดเจ็ดชั้น โดยรอบมีแสงสีทองวนเวียน ส่วนยอดหอคอยมีปราณสีม่วงหลายสายพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าเหมือนกับเสาควัน
เมื่อไปถึงกลางอากาศ ควันสีม่วนก็เชื่อมกับเมฆสีม่วงกลางท้องฟ้า กอปรกันเป็นภาพบิดเบี้ยวเหมือนกับน้ำวน
ทว่าส่วนที่ประหลาดอย่างชัดเจนอยู่ที่ เสาควันที่หมุนวนนั้น มองไปแล้วก็เหมือนกับภาพนิ่งอยู่ในที
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญครู่หนึ่ง เขาถึงจะก้าวเท้าเดินไปยังหอคอยแห่งนั้น
หอคอยมีพิธีกรรมผนึกไว้ ทว่าไม่ได้แสดงความเป็นปรปักษ์หรือเอาไว้โจมตี
เยี่ยนจ้าวเกอถูกควันสีม่วงที่เหมือนกับเสาค้ำฟ้าม้วน ร่างลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไปในกลุ่มเมฆสีม่วงเหนือศีรษะ
เมื่อเข้าไปในกลุ่มเมฆสีม่วงแล้ว ด้านหน้าก็กว้างขวางขึ้น ทำให้คนแยกแยะทิศทางไม่ออก
แต่ไม่นานนัก ก็มีประตูแสงสีทองบานหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ชายหนุ่มไม่ได้ลังเล เขาก้าวเข้าไปในประตูแสงทอง หลังจากประกายแสงหายไป ด้านหน้าก็พลันปลอดโปร่งขึ้น
ทัศนียภาพรอบๆ เหมือนกับเมื่อครู่ แต่เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสอย่างละเอียดก็พบว่า ที่นี่เป็นโลกอีกใบหนึ่ง
การไหลของปราณวิญญาณในที่แห่งนี้คล้ายๆ กับมิติต่างแดนเมื่อครู่ ทว่ากลับมีทางเข้าออกที่ละเอียดและชัดเจน ทำให้ผู้คนแยกแยะได้ว่า เป็นมิติต่างแดนที่ไม่เหมือนกันสองมิติ
‘ไม่ ควรบอกว่า มิติต่างแดนแห่งนี้ใหญ่และลี้ลับกว่าที่ข้าคิดไว้’
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง ขณะหันไปมอง เขาเห็นด้านหน้าตั้งไว้ด้วยหอคอยเจ็ดชั้นที่มีลักษณะเหมือนกัน กระนั้นยอดของหอคอยแท่นนี้ไม่ได้มีควันสีม่วงพุ่งขึ้นท้องฟ้า
เฟิงอวิ๋นเซิงว่า “ดูท่าทางที่นี่น่าจะแบ่งเป็นชั้นกระมัง? พวกเราขึ้นจากชั้นล่างมาถึงชั้นบน”
ชายหนุ่มพยักหน้า ขณะเดียวกันก็มองหอคอยเจ็ดชั้นแห่งนั้น
หอคอยแห่งนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเป็นมิติต่างแดนอันเป็นเอกเทศ และแบ่งเป็นเจ็ดชั้นเช่นหันหรอกหรือ?
‘เช่นนั้น ข้าควรจะไปชั้นบนอย่างไร? ที่อื่นยังมีหอคอยเช่นนี้หรือไม่?’ เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ หากพิธีกรรมของหอคอยแท่นนี้ทำงาน ก็น่าจะส่งตัวเขาไปที่ชั้นล่างเมื่อครู่
ไม่รู้ว่าชั้นด้านล่างนั่น เป็นชั้นล่างสุดหรือไม่?
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ด้านในโลกชั้นนี้ ยังคงมีโอสถกระจัดกระจายอยู่ทั่ว
พวกเยี่ยนจ้าวเกอยึดการตามหาหอคอยเป็นเป้าหมายหลัก ไม่ได้ตามหาโอสถเซียนที่หล่นอยู่ทั่ว
กระนั้นพวกเขาก็ถือโอกาสเก็บโอสถที่อยู่ใกล้ๆ ขณะที่เคลื่อนไหวผ่าน
หลังจากสังเกตคร่าวๆ ก็พบว่า ชั้นบนชั้นนี้ถึงจะมีโอสถเซียนกระจัดกระจายอยู่ไม่มาก แต่ก็เยอะกว่าโลกชั้นล่างเล็กน้อย
‘เหมือนว่ายิ่งปีนสูง ของก็ยิ่งมีมาก เช่นนั้นการคาดเดาก่อนหน้าก็ถูกต้องแล้ว ของวิเศษอย่างเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะอยู่ชั้นบนสุด ไม่ได้อยู่ชั้นล่างสุด’
ผ่านไปสักพัก ทุกคนก็ขึ้นไปยังชั้นที่อยู่สูงกว่าสำเร็จ
เมื่อมาถึงที่นี่ พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ลองสืบหาเส้นทางไปข้างบนต่อ
กระนั้นในครั้งนี้ก็มีสถานการณ์พิเศษที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา
โอสถเซียนที่กระจัดกระจายอยู่ในโลกชั้นนี้ มีมากกว่าสองชั้นแรกจริงๆ
ทว่ามีบางที่ที่ก่อนหน้านี้ยังมีร่องรอยจากโอสถเหลือไว้ แต่ตัวโอสถกลับหายไป
อาหู่มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นอย่างหาได้ยาก “คุณชาย นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคนอื่นเอาไปแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอหยีตา “ไม่ใช่คนที่หลอมโอสถเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ว่ามีคนอื่นที่เข้ามาที่นี่เร็วกว่าพวกเรา”
…………………..