คำพูด ‘ผู้มาไม่ใช่มนุษย์’ ของฟู่ถิง ทำเยี่ยนจ้าวเกองงงัน
“เป็นยอดฝีมือเผ่าปีศาจหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย
ครั้งนี้ฟู่ถิงครุ่นคิดครู่หนึ่งค่อยเอ่ยว่า “ไม่อาจบอกว่าเป็นเผ่าปีศาจ”
นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “และไม่ใช่จอมมารจากนพยมโลก”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ต่างก็มองฟู่ถิง
“การบอกว่าเป็นเผ่าปีศาจ ไม่ถูกต้องทั้งหมด” ฟู่ถิงกล่าว
“ผู้มาเยือนเป็นอาวุธชิ้นหนึ่ง เพียงแต่อาวุธชิ้นที่ว่านี้มีความพิเศษถึงขีดสุด”
“ด้านในผนึกวิญญาณปีศาจที่แข็งแกร่งสุดขีดดวงหนึ่งไว้ ดังนั้นอาวุธชิ้นนี้จึงเท่ากับมีความคิดเป็นของตัวเองโดยสมบูรณ์”
ฟู่ถิงอธิบาย “สามารถบอกได้ว่าเป็นอาวุธที่ควบคุมตัวเองได้ จนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชิ้นหนึ่ง เป็นปีศาจที่ใช้อาวุธเป็นเลือดเนื้อ”
หลังจากเว้นไปครู่หนึ่ง นางก็เสริมต่อว่า “ที่แล้วมาตัวเขาอาศัยอยู่ในอาวุธ”
มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอกระตุก “ประเสริฐนัก ข้ารู้สึกว่าข้าพอจะเข้าใจแล้ว ตอนนี้ข้าสนใจปัญหาอีกอย่างหนึ่งมากกว่า”
“ทั้งที่ทราบว่าจักรพรรดิแพรบิดาของท่านอาจจะอยู่ในสถานบำเพ็ญแห่งนี้ ยังกล้าบุกมาถึงที่…”
“อาวุธ…อาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธเซียนหรือ”
ฟู่ถิงพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ถูกต้อง เป็นอาวุธเซียนสมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง”
“เพราะความวิเศษของเขา ความจริงมองเขาเป็นยอดฝีมือที่ผลักเปิดประตูเซียน ปีนสู่ระดับเซียนจะเหมาะกว่า แม้ว่าตัวเขาจะไม่คิดเช่นนี้ก็ตาม”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็เบะปาก “ลึกๆ ข้าก็มีความรู้สึกเดียวกันในเรื่องนี้”
ในเมื่อบอกออกมาแล้ว ฟู่ถิงก็ไม่ปิดบังต่ออีก “อีกฝ่ายมีความแค้นกับเผ่ามังกร ในอดีตเคยสังหารฝูงมังกร ทำให้เผ่ามังกรที่เหลือน้อยนิดหลังจากประสบวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่มีจำนวนน้อยลงไปอีก”
“ในตอนนั้นเผ่ามังกรขอความช่วยเหลือจากโลกซ้อนโลก ต่อมาร่วมมือกับสำนักสายเอกพิสุทธิ์จำนวนหนึ่ง รวมถึงอาจารย์รุ่นปู่ของข้า ช่วยเผ่ามังกรสร้างค่ายกลชุดหนึ่ง เพื่อใช้ผนึกอาวุธชิ้นนี้”
“ก่อนหน้านี้หลายปี อาวุธเซียนชิ้นนี้ได้ทำลายผนึกออกมา หลังจากผ่านการฟื้นฟูปราณกำเนิดระยะหนึ่ง ก็กลับมาแก้แค้นแล้ว”
ฟู่ถิงพูดพลางปั้นสีหน้าเคร่งขรึมอยู่หลายส่วน “ก่อนหน้านี้ที่อยู่ของเผ่ามังกรถูกลอบโจมตี”
“และตอนนี้เขามาหาพวกเราแล้ว”
“หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป การสืบทอดของเหล่าสำนักในตอนนั้นก็ขาดลงไปบางส่วน ตอนนี้เหลือแค่ยอดเขาอัศจรรย์ของข้ากับอาจารย์อาเฉาแห่งเขาโถงทองเท่านั้น”
อาวุธเซียนชิ้นนี้มีนิสัยดุร้าย ไม่ทำตามกฎเกณฑ์ แม้ว่าพลังฝึกปรือของจักรพรรดิแพรไม่อ่อนด้อยไปกว่าเขา เขาก็ไม่กริ่งเกรง สู้ก่อนค่อยว่ากล่าว เอาเป็นว่าขอระบายโทสะ แต่ไม่ขออดกลั้นเป็นอันขาด
ฟู่ถิงว่า “ครั้งนี้เขามายังสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย เพื่อมาหาท่านพ่อโดยเฉพาะ”
“ถีงอย่างไรเขาก็ยังมีข้อกริ่งเกรงทางเขาคุนหลุนบนโลกซ้อนโลกอยู่”
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอฟังอยู่ เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติรางๆ เศษเสี้ยวในความทรงจำบางส่วนลอยขึ้นมาในห้วงสมอง
เยี่ยนตี๋ยามนี้ขมวดคิ้วถาม “สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิร่วมทุกข์ร่วมสุข อาวุธเซียนชิ้นนี้มาหาเรื่องถึงที่พำนักของจักรพรรดิแพร คนที่เขาล่วงเกินคงไม่ใช่แค่จักรพรรดิแพรกระมัง”
ฟู่ถิงถอนใจเสียงหนึ่ง “พวกจักรพรรดิวันนี้ต่างไม่อยู่บนโลกซ้อนโลกพอดี”
ครั้นพูดจบนางก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ สุดท้ายกล่าวว่า “นอกจากนี้ อาวุธเซียนชิ้นนี้เดิมทียังมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันกับโลกซ้อนโลกด้วย”
“ชื่อของเขาคือ ทวนพระอังคาร”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ก็หรี่ตาลงพร้อมกัน “พระอังคาร…”
ชื่อนี้พุ่งสู่ห้วงสมองโดยพลัน
ราชันพระอังคาร!
หนึ่งในเก้านพเคราะห์ ราชันพระอังคารที่ได้รับการขนานนามพร้อมกับกษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับในสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ
ฟู่ถิงเอ่ยอย่างแช่มช้า “เก้านพเคราะห์เขาคุนหลุน เพื่อให้สมชื่อเก้านพเคราะห์ แต่ละคนจึงหลอมของวิเศษคนละชิ้น ล้วนเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงระดับสุดยอดทั้งสิ้น ในนี้มีข้อยกเว้นอยู่ชิ้นหนึ่ง คือทวนพระอังคารเล่มนี้”
“ว่ากันว่าเป็นเพราะวิญญาณปีศาจที่ใช้ผนึกหลอมมีความพิเศษและมีความแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นสิ่งที่หลอมออกมาในตอนท้ายจึงเป็นอาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง ทั้งยังเป็นอาวุธเซียนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง และเคลื่อนไหวเองได้”
“ท่านพ่อเคยบอกข้าว่า หลังจากที่ราชันพระอังคารหายตัว ไร้ข่าวคราว อาวุธเซียนชิ้นนี้ก็เท่ากับไร้ผู้เป็นนาย จึงเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง”
ฟู่ถิงหัวเราะด้วยความหนักใจ “สุดท้ายเขาเริ่มอาละวาดเข่นฆ่าเผ่ามังกร จนสุดท้ายถูกผนึก เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายปีแล้วหรือนี่”
“หลังจากผ่านมาหลายปีขนาดนี้ เพลิงโทสะของเขาก็ไม่เคยมอดดับลง!”
ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็พลันดังขึ้นด้านในที่บำเพ็ญหลีเฮิ่น!
สีหน้าของฟู่ถิงแปรเปลี่ยน ลูกศิษย์ยอดเขาอัศจรรย์และยอดฝีมือเผ่ามังกรสามตนที่อยู่ด้านในตำหนักก็หน้าเปลี่ยนสีไปมากเช่นเดียวกัน
สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยเริ่มสั่นสะเทือนไม่หยุด
“ผู้สืบทอดของนักพรตเสวียนจง ปรากฏจักรพรรดิผู้หนึ่ง คลื่นลูกหลังไล่กลบคลื่นลูกหน้า” เสียงนั้นสะท้อนระหว่างฟ้าดิน “ในเมื่อเป็นจักรพรรดิ เช่นนั้นก็ออกมาสู้กับข้า!”
ฟู่ถิงกัดฟัน กล่าวเสียงทุ้ม “ในตอนนี้ท่านพ่อมีธุระออกไปด้านนอก ไม่อยู่ที่นี่จริงๆ ท่านถ้าหากต้องการพบเขา โปรดมาเยือนในคราวหลัง ท่านพ่อข้าไม่มีทางปฏิเสธพบท่านแน่”
อีกฝ่ายเว้นไปครู่หนึ่ง พวกเยี่ยนจ้าวเกอพลันรู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณในสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยสับสนกว่าเดิม
อีกฝ่ายเหมือนกำลังหาอะไรอยู่
ครู่ต่อมา แรงกดดันค่อยลดลง เสียงนั้นกล่าวต่อ “ไม่อยู่จริงๆ ด้วย…”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้แก่ผู้เยาว์เช่นพวกเจ้า แต่ว่า…”
“มังกรน้อยสามตัวเหล่านั้น จงออกมารับความตายเสีย!”
ยอดฝีมือเผ่ามังกรสามตนนั้นได้ยิน สีหน้าก็พลันบิดเบี้ยวถึงขีดสุด เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง
ฟู่ถิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “พวกเขาสามคนมาขอพึ่งสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยของยอดเขาอัศจรรย์ พรรคเราไม่มีความคิดส่งมอบคน”
“ผู้สืบทอดของนักพรตเสวียนจง ข้าไม่คิดจะลดตัวไปคุยกับผู้เยาว์เช่นพวกเจ้า” อีกฝ่ายพูดอย่างเย็นชา “แต่ว่าเผ่ามังกร ข้าเห็นหนึ่ง ต้องฆ่าหนึ่ง ไม่มีข้อยกเว้น”
“หากข้าไม่ตาย ก็เป็นพวกมันที่ต้องม้วยมรณา”
พลังอันยิ่งใหญ่สั่นสะเทือนฟ้าดินไม่หยุดยั้ง อากาศด้านในสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยพลันเปลี่ยนเป็นร้อนเร่าขึ้นมา
ปราณหยินหยางผสมผสานจนขุ่นมัว จากนั้นก็เริ่มลุกไหม้
ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงจิตพลังที่บ้าคลั่ง เกรี้ยวราด และไร้ข้อกริ่งเกรงดุจเพลิงโหมนั้น สีหน้าของเขาก็ปรากฏความแปลกใจถึงขีดสุด
แม้แต่เยี่ยนตี๋ยังมีสีหน้าเหลือเชื่อ
เยี่ยนจ้าวเกอแยกเขี้ยวยิงฟัน “ตอนนี้หากจะถามเรื่องเหล่านี้อีกอาจจะไม่เหมาะสม แต่ว่าแม่นางฟู่ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสซึ่งเป็นผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ในตอนนั้น ช่วยกันผนึกอาวุธเซียนชิ้นนี้อย่างไร”
ฟู่ถิงกำลังสนใจการเปลี่ยนแปลงของสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย จึงไม่สงสัยเขา ตอบตรงๆ ว่า “ทวนพระอังคารเล่มนี้ร้อนแรงดุจอัคคี มีความแข็งแกร่ง ความเป็นหยาง และความร้อนถึงขีดสุด ด้วยเหตุนี้พวกท่านอาจารย์รุ่นปู่จึงอาศัยหุบเหวน้ำแข็งรกร้างแห่งหนึ่งเป็นชัยภูมิ จากนั้นก็ใช้พลังของดาราจักรวางค่ายกล”
มียอดฝีมือเผ่ามังกรหลายตนยอมสละชีวิตตัวเองตายในค่ายกลเพื่อเผ่าพันธ์อื่น ใช้พลังเซ่นสรวงกระตุ้นค่ายกล สุดท้ายก็สะกดทวนพระอังคารที่ก่อนหน้านี้ได้รับความเสียหายลงได้
“ดูจากตอนนี้ หลังจากหลายปีที่ถูกสะกดไว้ บัดนี้ทวนพระอังคารเล่มนี้ฟื้นฟูความเสียหายที่ตัวเองได้รับก่อนหน้านี้เแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สบตากัน ต่างเห็นความแตกตื่นตะลึงลานในดวงตาของอีกฝ่าย
ฝูงมังกรลอดวารี หุบเหวเหมันต์บรรพกาล เกล็ดย้อนตะลึงจันทร์…
สุสานมังกรที่เยี่ยนจ้าวเกอพบในตอนนั้น มีความเป็นมาจากตรงนี้นี่เอง!
ด้านในสุสานมังกรเมื่อตอนนั้น เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ว่าที่นั้นคล้ายกับใช้สะกดตัวตนบางอย่าง
ครั้งนั้นผู้ที่ถูกผนึกได้หลุดออกไปแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังประหลาดใจว่าเพราะอะไร
วันนี้เขาจึงค่อยทราบว่า เป็นอาวุธเซียนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง และเคลื่อนไหวเองได้ชิ้นหนึ่ง
ทวนพระอังคาร อาวุธเก้านพเคราะห์เหมือนกับตราประทับตะวัน มงกุฎจันทรา และดาบราหู!
………………..