ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 913 อยู่ร่วมกับฟ้า

ปัญหาที่ฟู่ถิงพบ เยี่ยนจ้าวเกอก็พบแล้วเช่นกัน

ด้านในมิติของแดนเซียนปลดปลงที่อยู่ใกล้โลกสูงเลิศ กลิ่นอายที่แข็งแกร่งสายหนึ่งได้มาถึง ไม่ด้อยกว่าดวงอาทิตย์สองดวงนั้นเลย

เป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดที่ไปถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คนอีกคนหนึ่ง

แค่มองแสงสว่างที่โชติช่วงนั้น ก็ทราบแล้วว่าไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธ แต่เป็นยอดฝีมือสำนักเต๋าที่เป็นผู้สืบทอดสายโถงเซียน

“เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ”

เสียงอันยิ่งใหญ่สะท้อนไปทั่วมิติจักรวาลรอบๆ กลิ่นอายที่แข็งแกร่งนั้นพอเข้าร่วมสงคราม แสงพุทธก็พลันริบหรี่ลงไปทันที

และนอกจากยอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบผู้นี้แล้ว โถงเซียนยังได้ส่งจอมยุทธ์คนอื่นมาพร้อมกับเขาด้วย

ดังนั้นกระแสคลื่นโต้กลับจึงพัดขึ้น จอมยุทธ์ศาสนาพุทธเริ่มถอยร่น

แดนเซียนปลดปลงและโลกสูงเลิศ ถึงอย่างไรก็เป็นอาณาเขตของโถงเซียน กำลังเสริมและการกระจายข้อมูลข่าวสารจึงสะดวกกว่าศาสนาพุทธมากมายนัก

ทว่าสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่ถิงแล้ว กลับไม่ใช่ข่าวดีเท่าไรนัก

เป็นดังที่คาด ในสนามรบที่อยู่ห่างออกไป หลังจากศาสนาพุทธเริ่มถอยแล้ว ยอดฝีมือจากโถงเซียนก็เริ่มการไล่ล่าทันที

แต่ว่าดวงอาทิตย์สีทองดวงนั้นวาดผ่านมิติสีดำขลับ โจมตีมายังทิศทางของพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างรวดเร็ว!

ในโลกสูงเลิศ ซ่างจวินที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง นับเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง และเขาก็ไม่ใช่คนไร้ชื่อในแดนเซียนปลดปลงเช่นกัน

เมื่อคนเช่นนี้สิ้นชีวิต ย่อมดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือจากโถงเซียนในบริเวณนี้มาอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอคิดจะรักษาระยะห่าง และใช้ความน่าอัศจรรย์ของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตขัดขวางความสามารถของแสงวิเศษชั่วคราว แต่ก็อยู่ใกล้เกินไป แทบจะเป็นการฆ่าคนใต้หนังตาแล้ว

เมื่อครู่ตอนสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกันจากศาสนาพุทธ เขาไม่ได้แบ่งความสนใจมาก

ในตอนนี้พอมีเวลาว่าง ก็พลันค้นพบปัญหาทันที

เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงถอยหนี ครั้งนี้กลับไม่ใช่จงใจควบคุมความเร็วเหมือนตกปลาอีก แต่ว่ารีบออกจากโลกสูงเลิศอย่างรวดเร็ว

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขจากตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณผู้นั้นตอนแรกคิดว่าสามารถไล่ทันพวกเยี่ยนจ้าวเกอ สุดท้ายกลับพบว่าความเร็วของพวกเยี่ยนจ้าวเกอเหนือกว่าความคาดหมายของเขา

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงจริงจังขึ้นหลายส่วน

ตอนแรกยังนึกว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอครอบครองของวิเศษบางอย่าง ดังนั้นจึงสังหารซ่างจวินที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดได้

แต่ดูจากตอนนี้แล้วกลับไม่ใช่เช่นนั้น

พวกเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังส่วนตัวแข็งแกร่งถึงขีดสุด

ดวงอาทิตย์สีทองดวงนั้นวาดเป็นร่องรอยสีท่องอร่ามเส้นหนึ่งในมิติที่ดำสนิท มันคงอยู่เนิ่นนาน เหมือนกับดาราจักรสีทองเส้นหนึ่ง

ความเร็วของมันสุดที่ซ่างจวินซึ่งอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดจะเทียบเคียงได้ แม้ว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอจะมีความเร็วสูงถึงขีดสุด ทว่าครู่ต่อมาก็ค่อยๆ ถูกดวงอาทิตย์สีทองดวงนั้นตามทัน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนและความเจิดจ้าที่เหมือนกับดวงอาทิตย์ของจริงนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

ด้านในดวงอาทิตย์สีทองคล้ายกับมีตำหนักแห่งหนึ่ง เหมือนกับที่อยู่ของราชาเทพพระอาทิตย์

ภายในตำหนักที่ไร้รูปร่างมีเปลวเพลิงสีทองทะลักออกมา และหายกลับเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

ด้านในมีเสียงแว่วมาว่า “เหอะ ผู้เยาว์ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางสองคน ถึงกับสังหารซ่างจวินที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางได้เช่นนั้นหรือ”

อีกฝ่ายเหมือนกับไม่ได้ดูถูกพวกเยี่ยนจ้าวเกอ และไม่ได้ดูแคลนซ่างจวินที่เรือล่มในหนอง ตายไปอย่างน่าเหลือเชื่อเพราะพวกเขา

แสงอาทิตย์สาดลงมา สายตาที่เหมือนกับมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอทะลุได้ พิจารณาทั้งสองชายหนุ่มหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

“หือ? ยังมีผู้ทรยศอยู่”

เสียงนั้นกล่าวว่า “เป็นคนจากสำนักฟ้าโกลาหลในโลกสูงเลิศกระมัง จำได้ว่าชื่อหยางชง น่าเสียดายที่ตกสู่เส้นทางแห่งเต๋านอกรีต”

เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วน้อยๆ สะบัดแขนเสื้อ พัดพายุขึ้นมา กลิ่นอายพลันสลาย ปรากฏหยางชงและเฉวียนฮ่าวหลง

หยางชงมองดวงอาทิตย์สีทองดวงนั้น สีหน้าซับซ้อน “ประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณ…”

ตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณ เป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนเซียนปลดปลง ในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุด คือช่วงที่จักรพรรดิอาทิตย์ไร้ประมาณผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่

ต่อมาจักรพรรดิอาทิตย์ไร้ประมาณตายด้วยน้ำมือของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย หลายปีมานี้ตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณยังไม่อาจให้กำเนิดเซียนจริงแท้

แต่ว่าพอเผยหัว ประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณ เจ้าตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณตรงหน้าผงาดขึ้นมา ก็ยังคงทำให้บารมีของตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณคงเดิม อย่างน้อยก็สามารถปกครองแดนเซียนปลดปลงได้ต่อ

ภาพเงาตำหนักในดวงอาทิตย์สีทองเริ่มหายไป ปรากฏเงาร่างของชายชราผู้หนึ่ง

ชายชราผู้นั้นมีหนวดเคราเป็นสีทอง สวมอารภรณ์สีขาว คนเหมือนกับกำลังเปล่งแสงอยู่

เป็นเผยหัว เจ้าตำหนักของตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

เผยหัวมองหยางชงอย่างเฉยชา กล่าวอย่างราบเรียบว่า “ผลลัพธ์สุดท้ายของการอยู่ร่วมกับมารเต๋านอกรีต ขัดแย้งกับมรรคาฟ้า ประพฤติตนชั่วช้า หยางชงเจ้าทราบหรือไม่”

หยางชงอ้ำอึ้ง “ศิษย์…ศิษย์…”

เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “แต่เป็นเพราะเขาเห็นจักรพรรดิของพรรคท่าน ใช้สองสู้หนึ่งกลุ้มรุมจักรพรรดิผู้หนึ่งจากเต๋าสายหลักของข้า สุดท้ายกลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ จึงได้เข้าใจถึงปัญหาของตัวเอง”

ประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณเผยหัวกวาดสายตามองเยี่ยนจ้าวเกอกับหยางชง ทั้งๆ ที่เป็นสายตาอันร้อนเร่า แต่กลับทำให้คนรู้สึกหนาวยะเยือก

หยางชงกัดฟัน กลับระบายออกไป “ศิษย์ไม่ได้คิดจะทรยศ เพียงแค่หวังจะได้เลือกเส้นทางเส้นอื่นด้วยตัวเองก็เท่านั้น!”

“ศิษย์อยากจะลองฝึกฝนเคล็ดวิชาในเต๋านอกรีต แต่ศิษย์ก็ยังคงเชื่อมั่นในมรรคาฟ้า พร่ำสรรเสริญถึงองค์เทวกษัตริย์ไร้ประมาณอยู่เป็นนิจ!”

เผยหัวมองเขา “นี่เป็นเหตุผลที่เจ้าคิดหนีหลังจากแสงวิเศษในตัวเจ้าปั่นป่วน แต่กลับไม่อยากรับการชำระล้างใช่หรือไม่”

หยางชงกัดฟันกล่าวว่า “ประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณได้โปรดละเว้นศิษย์ด้วย…”

แต่ว่าไม่รอเขาพูดจบ เผยหัวก็โบกมือ “ในเมื่อเจ้าตกสู่เต๋านอกรีตไปลึกแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่บังคับเจ้าให้อยู่อีก”

ดวงหน้าของหยางชงเพิ่งปรากฏความยินดี กลับเห็นแสงอาทิตย์อันน่ากลัวกลายเป็นห่าพิรุณสีทองกระจายว่อนฟ้า ตกลงมาใส่เขา!

อย่าว่าแต่ตอนนี้พลังฝึกปรือของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนแอ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุด พิรุณแสงสีทองนั้น หากโดนใส่แค่เพียงหยดเดียว ก็มากพอจะเอาชีวิตของเขาไปได้แล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง

ตราประทับตะวันลอยขึ้นต้านทานพิรุณสีทองนั้นไว้

เผยหัวที่อยู่ตรงหน้านี้ เมื่อเทียบพลังฝึกปรือของเขากับซ่างจวินแล้ว ก็เหมือนความแตกต่างระหว่างฟ้ากับเหว

ห่าพิรุณสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ตกลงเบื้องล่างต่อ

แต่ว่าฉวยโอกาสเพียงพริบตานั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ฉุดลากหยางชงถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง…” เผยหัวตาเป็นประกาย “น่าสนใจ น่าสนใจนัก!”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะหัวเราะเย็นชา แล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าจะปกป้องเขาได้หรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะขึ้นมาเช่นกัน “ไม่แน่ว่าข้าแม้แต่ตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรท่านก็ไม่ยอมให้ข้าจากไปง่ายๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะขอลองดูสักเล็กน้อย”

รอยยิ้มบนใบหน้าเผยหัวแปลกพิกลอยู่บ้าง “พลังและพรสวรรค์ยอดเยี่ยมยิ่ง สภาพจิตใจก็ดียิ่ง น่าเสียดาย…”

เสียงไม่ทันขาด แสงในร่างของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นละลานตากว่าเดิม

ในขณะเดียวกัน แสงที่เสื่อมโทรมลงในร่างของหยางชงก็เปลี่ยนเป็นละลานตาถึงขีดสุดเช่นกัน!

หยางชงอ้าปากตาค้าง ตัวเขาถึงกับเริ่มกลายเป็นโปร่งแสง จากนั้นก็พังทลาย สุดท้ายกลายเป็นรุ้งตามแสงนั้น

เผยหัวไม่ได้ลงมือโจมตี แต่กลับเด็ดชีวิตของหยางชงไปได้ง่ายๆ!

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ไม่ร้อนรน กลับจ้องมองเผยหัวคล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ที่แท้แสงศรัทธานี้ ไม่ได้มอบให้แก่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณเพียงผู้เดียว”

“บุคคลสำคัญและยอดฝีมือของโถงเซียนที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูง สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณได้”

“อืม สมควรจำกัดอยู่บริเวณหนึ่ง ไม่กว้างเหมือนกับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ อย่างเช่นท่าน แค่ใช้ประโยชน์จากยอดฝีมือผู้สืบทอดโถงเซียนในแดนเซียนปลดปลงได้เท่านั้น”

“ในตอนที่พวกเขาบูชาเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ท่านก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย”

เมื่อเผยหัวได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน เขาหยุดฝีเท้าลงเพื่อพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกออีกรอบ

เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาเผยหัวอย่างละเอียดบ้างเช่นกัน “แน่นอนว่าตัวท่านยังคงต้องบูชาเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ และท่านก็เป็นหนึ่งในแหล่งที่มาที่บูชาแรงศรัทธามากที่สุดในแดนเซียนปลดปลงด้วย”

“แต่บนพื้นฐานนี้ ท่านก็นับว่าเสพผลประโยชน์ร่วมกับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณเช่นกัน ไม่ทราบว่าที่ข้าพูดถูกต้องหรือไม่”

เสียงของเผยหัวทั้งราบเรียบและทั้งเบาหวิว “ข้าศรัทธาในเต๋า ย่อมอยู่ร่วมกับฟ้า”

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset