สายสืบทอดทะเลสีชาดในเขตฟ้าสงัดพายัพบนโลกซ้อนโลก ว่ากันว่าเป็นการสืบทอดจากเทพชื่อจิงจื่อ ศิษย์ของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด บรมครูหยกพิสุทธิ์
เล่ากันว่าถ้ำนภาเมฆบนเขาไท่หวาอันเป็นที่บำเพ็ญของเทพชื่อจิงจื่อ มีของวิเศษคุ้มครองชื่อว่ากระจกหยินหยาง หากใช้กระจกวิเศษนี้ส่องคน จะสามารถกำหนดความเป็นความตายได้ มีด้านหยินและด้านหยาง ด้านหยินเป็นสีขาว ด้านหยางเป็นสีแดง หากส่องสีขาวจะเป็นเส้นทางตาย หากส่องสีแดงจะเป็นประตูชีวิต
ในตำนานยุคสถาปนาเทพ มันมีชื่อเสียงโด่งดังมาก
วิถีของแสงสีชาดหยินหยางแปรเปลี่ยน วรยุทธ์ของสายสืบทอดทะเลสีชาดกำเนิดมาจากสิ่งนี้
เลี่ยนจู่หลินพลิกมือ ในท้องทะเลสีชาดปรากฏแสงสีขาว จับตัวกันเลียนแบบกระจกหยินหยาง ด้านหยินสีขาวมีพลังทำลายล้ำเลิศ หากส่องใส่คนจะตายในทันที!
จำนวนคนที่ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินสังหารทิ้ง ถูกจัดอยู่ในแถวหน้าท่ามกลางหมู่ประมุข ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ประมุขทั้งห้าที่อยู่รอบๆ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเลี่ยนจู่หลิน นอกจากประมุขทักษิณจวงเซินที่ใช้สี่จริยะก่อนกำเนิดหนุนนำร่าง มีพลังป้องกันน่าทึ่งแล้ว พวกหลางชิงกับเฉาเจี๋ยอีกสี่คนไม่กล้ารับการโจมตีนี้ของเลี่ยนจู่หลินตรงๆ
ความหนักหน่วงของปราณมารและจิตสังหารที่อยู่ด้านในการโจมตีที่เปลี่ยนหยิงหยาง กำหนดเป็นตายหาได้ยากยิ่ง
แม้ว่าปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตายจากอารามสูงส่งของนักพรตเทียนอี้จะดูคล้ายๆ กัน แต่ถ้าหากรับการโจมตีของเลี่ยนจู่หลินนี้ซึ่งๆ หน้า ก็ย่อมถูกทำลายในชั่วพริบตาเดียว
ต่อให้เป็นจวงเซินที่มีสี่จริยะหนุนนำร่าง หลบได้ก็ต้องหลบ เพราะรับการโจมตีนี้แล้วไม่มีทางพบจุดจบที่ดีแน่
กระนั้นในวินาทีนี้ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนคนหนึ่งแม้จะเผชิญกับการโจมตีอันดุร้ายของเลี่ยนจู่หลิน กลับไม่คิดจะหลบหลีกแม้แต่น้อย
เยี่ยนตี๋!
เขาเผชิญหน้ากับแสงแสงกระจกที่ส่องมา สีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ชูดาบในมือขึ้น
ในเสียงมังกรคำรามที่สั่นสะเทือนแก้วหู เยี่ยนตี๋ไม่เพียงไม่เก็บดาบ แต่กลับเพิ่มแรงขึ้นอีก ทำให้คมดาบของเขาเกรี้ยวกราดและดุร้ายกว่าเดิม
ประกายดาบอันอหังการฟันทำลายโลกเบื้องหน้า บรรลุถึงด้านหน้าเลี่ยนจู่หลิน
“ใช้วิธีตกตายร่วมกัน? ในตอนที่ข้าเสี่ยงชีวิตกับผู้คน โลกใบนี้ยังไม่มีเจ้าด้วยซ้ำ” เลี่ยนจู่หลินมีสีหน้าเย็นชา ยกอีกฝ่ามือหนึ่งขึ้น
ขณะนี้ทะเลสีชาดไร้สิ้นสุดกลายเป็นท้องทะเลสีขาวโพลนไปครึ่งหนึ่งอย่างฉับพลัน ภายในนั้นมีแสงสีแดงกะพริบ กลายเป็นคันฉ่อง
วินาทีนี้ ด้านในท้องทะเลครึ่งแดงครึ่งขาวมีจุดแสงที่มีสีตรงกันข้ามกันดำรงอยู่ เหมือนกับรูปไท่จี๋ ปลาหยินหยาง
และตรงกันข้ามกับแสงกระจกสีขาวในทะเลสีชาดที่ทำให้คนตาย แสงกระจกสีชาดในทะเลสีขาวก็ช่วยคนทะลวงเส้นทางรอดสายหนึ่ง
แสงสีชาดผนึกรวมกันด้านหน้าตัวเลี่ยนจู่หลิน ขวางคมดาบของเยี่ยนตี๋ไว้
ทว่าประกายดาบของเยี่ยนตี๋ในตอนนี้ไม่มีอะไรขัดขวางได้ เหมือนตอนทำลายทะเลสีชาดเมื่อครู่!
สภาวะอยู่ที่ข้า ไม่มีสิ่งใดขัดขวางได้
ทุกสิ่งที่มาขวาง สุดท้ายจะต้องถูกทำลายทิ้ง
สภาวะดาบที่เกรี้ยวกราดของเยี่ยนตี๋ถึงกับทำลายการเปลี่ยนแปลงของหยางสีชาด ในวิชาแสงสีชาดหยินหยางแปรเปลี่ยนของเลี่ยนจู่หลิน!
กระจกวิเศษสีชาดถูกประกายดาบของเยี่ยนตี๋ฟันเป็นรอยร้าวสายหนึ่ง!
ประกายดาบกับประกายกระจกปะทะกัน
ประกายดาบเคลื่อนไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้รอยแตกของผิวกระจกยิ่งมายิ่งกว้าง!
เลี่ยนจู่หลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพียงแต่ก็ไม่ได้ยี่หระ เพราะประกายกระจกสีขาวที่เป็นตัวแทนความตายกำลังพุ่งใส่ศีรษะของเยี่ยนตี๋เช่นกัน!
แค่นี้ก็ตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว!
แม้ความแข็งแกร่งของวิชาดาบของเยี่ยนตี๋จะทำให้นางทุลักทุเล แต่ว่านางมั่นใจว่าแม้กระจกสีชาดจะถูกทำลาย ก็สามารถรับดาบของเยี่ยนตี๋ได้ ทว่าเยี่ยนตี๋หากถูกแสงขาวส่องใส จะต้องต้านไม่ได้แน่
ถึงจะรู้สึกเหลือเชื่อ แต่เลี่ยนจู่หลินก็จำเป็นต้องยอมรับ ว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนตรงหน้าผู้นี้ส่งผลคุกคามพลังของนางได้จริงๆ
กระนั้นหากพูดถึงพลังป้องกันของตัวเอง เขาไม่อาจเทียบกับคนที่เป็นมนุษย์เซียนได้!
ตอนที่เลี่ยนจู่หลินกำลังคิดเช่นนี้อยู่นั่นเอง สีหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
บนศีรษะของเยี่ยนตี๋มีกระแสปราณหลายสายทะลักออกมา กลายเป็นกลุ่มเมฆที่โกลาหลและมืดมัวแถบหนึ่งในชั่วพริบตา
ด้านในกลุ่มเมฆมีแสงสว่างเล็กละเอียดหลายจุดส่องระยิบระยับ ไม่สว่าง ไม่พร่างพราว ไม่สุกสกาว ไม่แยงตา
จิตแห่งหลักการที่อยู่ด้านในยากจะตรวจจับ ยากจะบรรยาย
กระแสเมฆขยายตัวและเปลี่ยนแปลง เบ่งบานราวกับดอกบัว ตรงขอบกลีบดอกพร่าเลือน แบ่งแยกกับที่ว่างรอบๆ ไม่ชัดเจน
แสงกระจกสีขาวที่อันตรายถึงชีวิตสาดลงบนสิ่งที่ดูเหมือนเมฆเหมือนดอกบัว เกิดระลอกคลื่นขึ้นเป็นหย่อมๆ
ดอกบัวส่ายไหวไม่หยุด กระแสเมฆขยายออกอย่างต่อเนื่อง
กระนั้นแสงขาวกลับเหมือนวัวโคลนลงทะเล เมื่อเข้าไปในกระแสเมฆแล้วก็สูญเสียความน่าอัศจรรย์ ไร้การเคลื่อนไหว อีกทั้งยังทำอะไรเยี่ยนตี๋ไม่ได้
ทว่าสภาวะดาบของเยี่ยนตี๋กลับยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง ฟันกระจกสีชาดในทะเลสีขาวนั้นจนแหลกสลายโดยสิ้นเชิง!
คมดาบของเขาไม่หยุดลง พุ่งเข้าหาเลี่ยนจู่หลินต่อ!
เลี่ยนจู่หลินพลันตะลึงลาน
แม้ว่าจะทะนงตน แต่เลี่ยนจู่หลินเจนสงครามนัก นางศึกษาสถานการณ์ของเขากว่างเฉิงก่อนจะมาเป็นการเฉพาะ ฉะนั้นถึงเยี่ยนตี๋มีพลังแข็งแกร่งจนน่าตะลึง แต่ก็ยังอยู่ในการคาดการณ์ของนาง
ของวิเศษมากมายที่เขากว่างเฉิงมี เลี่ยนจู่หลินก็ระวังตัวมาตลอด แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเมฆกลุ่มหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือศีรษะของเยี่ยนตี๋อย่างฉับพลัน ป้องกันกระบวนท่าสังหารของนางได้!
การเปลี่ยนแปลงของแสงหยินจากแสงสีชาดหยินหยางแปรเปลี่ยนทำอะไรเมฆแปลงกำเนิดไม่ได้ ส่วนการเปลี่ยนแปลงแห่งหยางชาดที่นางใช้มาป้องกันตัว กลับถูกเยี่ยนตี๋ทำลายในดาบเดียว!
ดาบในมือของเยี่ยนตี๋ยังคงเป็นดาบสวรรค์มังกรทะยานที่เขาสร้างให้ตัวเอง และตอนนี้มันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง แตกต่างจากในอดีตแล้ว!
เยี่ยนตี๋เพิ่งปีนขึ้นระดับสะพานเซียนได้ไม่กี่ปี การสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าก็ต้านทานเขากว่างเฉิงซึ่งมีสมบัติอยู่เต็มเปี่ยมไม่ได้ เยี่ยนจ้าเวเกอมอบศพมังกรทั้งหมดที่เหลืออยู่ในวังฝูงมังกรให้แก่เยี่ยนตี๋ จากนั้นก็เสริมด้วยของวิเศษมากมายหลายชนิด หลอมดาบสวรรค์มังกรทะยานที่อยู่ใหนระดับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงขึ้นมาได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี
เมื่อมีเมฆแปลงกำเนิดคอยคุ้มครอง เยี่ยนตี๋ในตอนนี้จึงไม่ต้องสนใจการป้องกันโดยสมบูรณ์
คนกับดาบรวมเป็นหนึ่ง สะท้อนจิตแห่งวรยุทธ์ของตัวเองออกมาได้อย่างหมดจด
แม้ว่าเลี่ยนจู่หลินจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว กระตุ้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองมาปกป้องเจ้าของทันที แต่เพราะรับมือไม่ทัน จึงยังถูกเยี่ยนตี๋เฉือนใส่ดาบหนึ่ง!
ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์นี้เกิดความปั่นป่วนขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
การต่อสู้ที่ดูเหมือนไม่เท่าเทียมนี้ สุดท้ายเยี่ยนตี๋ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนกลับเอาชนะไปได้หนึ่งกระบวนท่าหรือ!
เหนือศีรษะเยี่ยนตี๋มีเมฆแปลงกำเนิด เขาขวางดาบไว้ตรงหน้าอก ก่อนจะเงยหน้าตะโกนว่า “ไม่เสียทีที่เป็นประมุขในหมู่คน การต่อสู้นี่ช่างสมใจนัก พวกเรามาต่อกันดีกว่า!”
เลี่ยนจู่หลินถอยร่าง สีหน้าเคร่งขรึม
เดิมทีนางคิดว่าแค่สู้กับคู่ต่อสู้ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางคนหนึ่ง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช้มือเปล่าหรืออาวุธ นางก็ใช้พลังฝึกปรือของตัวเองจบการต่อสู้นี้ได้
มาตรแม้นว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนมีความสามารถ มีพลังเหนือล้ำ นางเลี่ยนจู่หลินที่เดินมาถึงวันนี้ได้ ไหนเลยจะไม่ใช่อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะคนหนึ่ง
แต่มาถึงตอนนี้ นางถูกกดดันให้ใช้อาวุธแล้ว ไม่อย่างนั้น อาการบาดเจ็บของนางต้องสาหัสกว่าเดิม
เลี่ยนจู่หลินยกมือขึ้น บาดแผลที่มีเลือดรินไหลบนมือขวาช่างชัดเจน
นางใช้การเปลี่ยนแปลงหยางชาดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ชีวิต’ ในแสงสีชาดหยินหยางแปรเปลี่ยน
แสงกระจกสีแดงสาดไป บาดแผลพลันเริ่มสมานตัว
ทว่าเลือดเนื้อแม้จะสมานกันแล้ว แผลเป็นกลับยังคงอยู่ อีกทั้งยังบิดไปมาอย่างต่อเนื่อง!
เหมือนกับมังกรคลั่งตัวหนึ่งที่ถูกฝังไปใต้ผิวหนังเลือดเนื้อบนมือขวาของนาง กำลังดิ้นรนคิดจะทำลายร่างออกมา
เป็นเพราะจิตดาบของเยี่ยนตี๋ยังคงเหลืออยู่ในร่างของเลี่ยนจู่หลิน
ด้วยพลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบอันสมบูรณ์ของนาง ถึงกับไม่อาจสะกดจิตดาบที่เกรี้ยวกราดนั้นได้ในขณะที่ลงมือ
………………..