ตอนที่ 1103: การบุกรุกของร้อยเผ่าพันธุ์ (3)
“ใช้วัตถุต้องห้ามเลย พวกเราจำเป็นที่จะต้องทำลายเข้าไปในมิติของตระกูลผู้พิทักษ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจากนั้นเราจะใช้วัตถุต้องห้ามเพื่อที่จะผ่านทะลุสิ่งกีดขวางเพื่อไปเอาขนสัตว์อสูร” ผู้นำของทั้งหกกลุ่มออกคำสั่งเพื่อให้ทุกคนโจมตีออกไปในเวลาเดียวกัน
ดาบยิ่งใหญ่ที่ดูธรรมดาตั้งอยู่ที่ด้านนอกของมิติที่แยกต้องของนิกายหยางจิ มันเปล่งรัศมีไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังมาก ดาบนั้นยาว 100 เมตรและส่องสว่างไปไกลถึงหลายร้อยเมตร ดาบเสียบอยู่นิ่งโดยที่มีด้ามชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าและปลายดาบปักลงไปในพื้น พลังงานที่ทำลายล้างกระเพื่อมไปรอบ ๆ ทำให้รอบ ๆ สั่นไหวอย่างรุนแรง มิติปั่นป่วนวุ่นวาย ในขณะที่หินใกล้ ๆ กลายเป็นฝุ่นผงไปจนหมด
เซียนราชาขั้นสูงสุดจากร้อยเผ่าพันธุ์ยืนอยู่ด้านหน้าในขณะที่พวกเขาควบคุมมัน พวกเขาเคร่งเครียดมาก ความยิ่งใหญ่ของวัตถุต้องห้ามนั่นยิ่งใหญ่มาก แม้ว่าทั้งสองจะร่วมมือกัน มันก็ยังยากที่พวกเขาจะควบคุมมันได้
“ฮ่าห์ ! ” เซียนราชาคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างสั่นสะเทือนและลำแสงหนา 5 เมตรก็พุ่งออกมาจากดาบ มันโจมตีไปที่มิติตรงหน้าเขาด้วยความเร็วสูง
มิติเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง รอยแยกใหญ่ในมิติปรากฏขึ้นมา แต่มันไม่ได้เผยถึงความดำมืดสนิท แต่เป็นโลกใบเล็ก ๆ ที่สวยงาม
มิติที่แยกตัวออกมานี้เป็นที่อยู่ของนิกายหยางจิ ซึ่งเพิ่งถูกวัตถุต้องห้ามเจาะจนเป็นรู ทำให้ทั่วทั้งบริเวณสั่นไหวอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คนของนิกายหยางจิจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น กลุ่มจอมยุทธของร้อยเผ่าพันธุ์ก็พุ่งเข้ามาจากข้างนอก พวกเขาใช้วัตถุต้องห้ามในการเบิกทาง และต้องการที่จะฆ่าใครก็ตามที่ขวางทาง พวกเขาผ่านเข้าไปในนิกายหยางจิ
ก๊อง !
เสียงหนักแน่นของระฆังดังออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ในนิกาย มันเสียงดังมากและเร่งรีบและเป็นสัญญาณลาง ๆ ถึงการเกิดสงคราม มันนับไม่ถ้วนปีแล้วที่มันดังขึ้นมาครั้งล่าสุด มันไม่ได้ถูกมนุษย์ควบคุม แต่มันจะดังขึ้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อนิกายหยางจิถูกศัตรูรุกราน
ที่โถงศักดิ์สิทธิ์กลางของนิกาย ผู้อาวุโสสูงสุดชุดขาวบางคนเดินออกมาอย่างตกใจ พวกเขาตะโกนขึ้นมา “มีศัตรูบุกรุก ! ศิษย์ทุกคนออกไปเผชิญหน้ากับศัตรู” ทันทีที่พวกเขาพูดออกมา ผู้อาวุโสสูงสุดก็เห็นเป็นเซียนราชากำลังพุ่งเข้ามาพร้อมกับวัตถุต้องห้าม
“นั่นเป็นคนของร้อยเผ่าพันธุ์ ! ร้อยเผ่าพันธุ์ได้บุกรุกเข้ามาที่นิกายหยางจิของพวกเรา และพวกเขาเอาวัตถุต้องห้ามมาจากครั้งโบราณกาลด้วย” ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดเปลี่ยนไปอย่างมาก และไม่สามารถที่จะรักษาท่าทางสงบไว้ได้
“ใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่อยู่ในเขตต้องห้ามเร็ว และเปิดใช้งานวงล้อมของโถงทั้งสิบแปดด้วย” ผู้อาวุโสสูงสุดตะโกนออกไป เขาพุ่งไปที่พื้นที่ต้องห้ามอย่างไม่ลังเลเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ในขณะที่ผู้อาวุโสคนอื่นตามเขาไปด้านหลัง
“เขากำลังจะไปใช้งานยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ หยุดเขาไว้ ! ” เสียงร้องดังออกมาจากกลุ่มคนของร้อยเผ่าพันธุ์ ทันใดนั้นเอง พวกเขาบางคนก็ผละออกมาจากกลุ่มและไล่ตามผู้อาวุโสของนิกายหยางจิไปอย่างไว
อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังเป็นที่ซ่อนของตระกูลผู้พิทักษ์ มันมีอันตรายมากมายซ่อนอยู่ จอมยุทธถูกหยุดเอาทันทีจากปราณดาบที่ทรงพลังที่พุ่งมาจากอากาศ ซึ่งมันทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดเข้าไปในเขตต้องห้ามได้สำเร็จ
“พวกเราจะหยุดพวกเขาไม่ให้ควบคุมยุทธภัณฑ์จักรพรรดิให้นานที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้” เซียนราชาของร้อยเผ่าพันธุ์ที่ไล่ตามไปตะโกนออกมาและไล่ตามเข้าไปในเขตต้องห้าม เขาต้องการที่จะหยุดไม่ให้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหยางจิใช้งานยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ
ในไม่ช้า คลื่นพลังที่รุนแรงจากการต่อสู้ก็เกิดขึ้นในเขตต้องห้ามใกล้ ๆ กับด้านหลังของมิติที่แยกตัวออกมานี้ จอมยุทธของร้อยเผ่าพันธุ์เริ่มต่อสู้กับผู้อาวุโสสูงสุดในเขตต้องห้าม
ในอีกด้านหนึ่ง เซียนราชาขั้นสูงสุดสองคนก็ทะลวงเข้ามาด้วยวัตถุต้องห้าม พวกเขานำกลุ่มคนเพื่อที่จะรีบเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ใจกลางของนิกาย
ในช่วงเวลานี้ เซียนผู้คุมกฎของนิกายหยางจิก็บินมาอย่างไม่ห่วงตนเองเรื่อย ๆ พวกเขาต้องการที่จะหยุดการคืบเข้ามาของร้อยเผ่าพันธุ์ แต่พวกเขาทั้งหมดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตของพวกเขาหลายคนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในขณะที่บางคนยังถูกฆ่าด้วย
เพราะคนที่โจมตีตระกูลผู้พิทักษ์ในครั้งนี้ทั้งหมดเป็นจอมยุทธจากทวีปแห่งความสูญเปล่า ไม่ว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะทรงพลังขนาดไหน มันก็ยากที่พวกเขาจะขับไล่เซียนราชาทั้งหมดของร้อยเผ่าพันธุ์ได้
โดยอย่างยิ่งโดยเฉพาะในตอนนี้เซียนราชา 3 คนยังไม่กลับมาเพราะเรื่องขนสัตว์อสูร ดังนั้นจึงมีจอมยุทธเหลือในนิกายหยางจิเพียง 4 คนเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า พวกเขาจึงไม่ใช่คู่มือ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในถิ่นของตัวเอง แต่มันก็ยากที่พวกเขาจะต่อต้านการโจมตีได้
“ตู้ม ! ” มิติทั้งหมดสั่นไหวอย่างรุนแรง ในขณะที่พลังงานที่รุนแรงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและเกือบจะทำลายมิติที่แยกตัวออกมานี้
กลุ่มของเซียนราชาได้โจมตีไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยวัตถุต้องห้ามที่ทรงพลังของพวกเขา พวกเขารู้มานานแล้วว่าขนสัตว์อสูรถูกเก็บอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์
พลังของวัตถุต้องห้ามนั้นสูสีกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์ การโจมตีของมันเหมือนการโจมตีของเซียนจักรพรรดิ และสร้างรอยร้าวใหญ่ให้กับโถงศักดิ์สิทธิ์ของนิกายหยางจิ
ในตอนนี้ แรงกดดันยิ่งใหญ่ก็กดลงมาจากท้องฟ้า โถงศักดิ์สิทธิ์สิบแปดอันที่ใหญ่เหมือนภูเขาได้ปรากฎขึ้นที่มิติที่ว่างเปล่าและเริ่มตกลงมาด้วยคลื่นพลังงานมหาศาลและแรงกดดันที่น่ากลัว
โถงศักดิ์สิทธิ์แต่ละอันนั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยเซียนจักรพรรดิ เซียนจักรพรรดิของนิกายหยางจิได้ทิ้งพวกมันเอาไว้ และสร้างมันให้เป็นอาคมป้องกันที่ทรงพลังเพื่อปกป้องนิกายหยางจิ
โถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแปดเปล่งประกายแสบตา ในขณะที่พลังงานของโถงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนอยู่ในมัน แสงนั้นเชื่อมกันระหว่างโถงทุกโถงและรวมโถงทั้งสิบแปดเป็นหนึ่งซึ่งเพิ่มความแข็งแกร่งในการป้องกันของพวกมัน
“มันคือวงล้อมของโถงทั้งสิบแปดของนิกายหยางจิ นี่เป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา ดังนั้นอย่างหลุดเข้าไปในนั้นล่ะ ใช้วัตถุต้องห้ามเพื่อฝ่าวงล้อมไปให้ไว” ชายชราที่ควบคุมวัตถุต้องห้ามคำรามออกมา หลังจากนั้นเขาก็ช่วยจอมยุทธคนอื่นโดยการส่งวัตถุต้องห้ามเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแปดที่อยู่บนท้องฟ้า พวกเขาโจมตีออกไปรุนแรงที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
ดาบยาวร้อยเมตรตกลงมาในขณะที่มันเปล่งแสงแสบตาออกมา มันโจมตีไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแปดด้วยพลังที่หยุดไม่ได้ แต่ในตอนที่มันปะทะเข้ากับโถงก็ไม่เกิดเสียงอะไรเลย ความยิ่งใหญ่ของดาบก็กลายเป็นเหมือนหินที่โยนลงไปในมหาสมุทร พลังของมันถูกโถงทั้งสิบแปดดูดซับไป
“วัตถุต้องห้ามชิ้นเดียวไม่พอที่จะทำลายการป้องกัน ทุกคนทุ่มกำลังเพื่อใช้วัตถุต้องห้ามชิ้นที่สอง!” หนึ่งในคนที่ควบคุมวัตถุต้องห้ามชิ้นแรกตะโกนออกไป
ทันใดนั้นเอง คลื่นพลังงานที่มหาศาลก็กระเพื่อมไปรอบรอบ วัตถุต้องห้ามชิ้นที่สองถูกนำขึ้นมาโดยคนของร้อยเผ่าพันธุ์ มันเป็นค้อนสงครามสีดำสนิทที่ถูกควบคุมโดยเซียนราชาที่เป็นคนแคระและมีอีกสามคนคอยช่วยเขาอยู่
ค้อนศึกสีดำไม่ใหญ่มาก แต่มันก็มีความประณีตมาก มันยาวแค่ 30 เซนติเมตรเท่านั้น แต่มันเปล่งประกายไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่ไม่เข้ากับขนาดเลย มันเปลี่ยนเป็นแสงสีดำในขณะที่มันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ค้อนและดาบประสานงานกันและรวมพลังวัตถุต้องห้ามทั้งสองเพื่อโจมตีไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแปดพร้อมกัน ในที่สุด ปริมาณของพลังงานที่โถงศักดิ์สิทธิ์สามารถดูดซึมได้ก็ถึงขีดจำกัด เสียงอื้ออึงดังขึ้น และโถงศักดิ์สิทธิ์ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง รอยแยกเล็ก ๆ เกิดขึ้นที่แต่ละโถงศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตาม เพราะการที่โถงศักดิ์สิทธิทั้งหมดแบ่งปันพลังงานของพวกมัน รอยแยกจึงสมานอย่างรวดเร็ว วงล้อมของโถงทั้งสิบแปดยังลดตัวลงมาเรื่อย ๆ ความยิ่งใหญ่ที่มหาศาลของมันทำให้มิติด้านล่างบิดเบี้ยว เหมือนว่ามันกำลังจะแตกสลายออก
“แม้แต่เซียนจักรพรรดิยังยากที่จะหลุดออกไปได้เมื่ออยู่ในวงล้อมของโถงทั้งสิบแปด พวกเราจำเป็นต้องใช้วัตถุต้องห้ามเพื่อให้มันอยู่ห่างและไม่ลดตัวลงมา คนอื่นให้เข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลผู้พิทักษ์เพื่อยึดเอาขนสัตว์อสูรมา” จอมยุทธในกลุ่มของร้อยเผ่าพันธุ์สั่ง
คนที่เหลืออยู่ออกไปจากกลุ่ม หนึ่งในนั้นเอาวัตถุต้องห้ามชิ้นที่สามออกมาและโจมตีไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์กลางด้วยการสนับสนุนจากคนอีกหลายคน เขาโจมตีไปที่กำแพงด้านนอกและเข้าไปด้านใน
เกือบจะทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไป อาคมกับดักที่ทรงพลังต่าง ๆ ในโถงศักดิ์สิทธิ์ก็ทำงาน แม้ว่าพวกมันจะสามารถฆ่าเซียนราชาได้ แต่มันก็ไร้ระโยชน์ต่อหน้าวัตถุต้องห้ามของร้อยเผ่าพันธุ์
เสียงอื้ออึงรุนแรงดังขึ้นมาจากด้านหลังของมิติที่แยกตัวออกมาของนิกาย ในขณะที่ภูเขาก็กลายเป็นผุยผงทันที เซียนราชาหลายคนที่เข้าไปหยุดยั้งผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหมดบินออกมาพร้อมกระอักเลือด ในเวลาเดียวกัน คลื่นพลังงานที่น่ากลัวมาก็ปรากฎขึ้นที่นั่น
“บัดซบ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิตื่นขึ้นมาแล้ว ทุกคนไปที่นั่น ! พวกจำเป็นที่จะต้องหยุดมันจากการตื่นอย่างสมบูรณ์ด้วยทุกอย่างที่พวกเรามี ! พวกเราไม่มีวัตถุต้องห้ามชิ้นที่สี่แล้ว” จอมยุทธของร้อยเผ่าพันธุ์พูดขึ้นมา เขาเคร่งเครียดมาก
ตอนนี้เอง จอมยุทธทั้งหมดของร้อยเผ่าพันธุ์ก็ร่วมมือกันอย่างดี จอมยุทธที่เข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ก็ออกมาโดยไม่ได้พูดอะไร และรีบไปยังที่ซึ่งยุทธภัณฑ์จักรพรรดิอยู่ มีเพียงจอมยุทธที่ควบคุมวัตถุต้องห้ามเท่านั้นที่ยังอยู่เพื่อพยายามที่จะทำลายสิ่งกีดขวางของโถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะไปเอาขนสัตว์อสูร
ดาบโบราณยาวประมาณ 30 เมตรตั้งอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของนิกายหยางจิ ชั้นของรอยจารึกเปล่งแสงออกไปรอบ ๆ ที่ส่องสว่างแสบตา รอบ ๆ มัน ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหยางจิสี่คนกำลังนั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่ สองคนนั้นเสื้อขาดรุ่งริ่งพร้อมกับมีเลือดที่มุมปาก ในขณะที่อีกสองคนหน้าซีด พวกเขาทั้งหมดค่อนข้างได้รับบาดเจ็บสาหัส
แสงรางรางจากดาบโบราณปกคลุมทั้งสี่คนเอาไว้ แสงดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันก็มีความแข็งแกร่งที่เหนือจินตนาการ มันสามารถขับไล่การโจมตีจากด้านนอกได้ ในขณะที่ทั้งสี่กำลังปลุกดาบโบราณอยู่
“ตื่นขึ้น ! ” ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่คนก็ตะโกนออกมาหร้อมกัน พวกเขากดมือของพวกเขาไปที่อาคมที่อยู่บนพื้นทันที และพลังงานก็ปริมาณมากมายก็ไหลออกมาไม่หยุด ทำให้รอยจารึกบนดาบสว่างจ้าออกมา
ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ในขณะที่พลังงานมหาศาลที่น่ากลัวก็กระเพื่อมไปรอบ ๆ หลังจากนั้น ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็ลอยขึ้นมาจากดินอย่างช้า ๆ แรงกดดันมหาศาลหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ และทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ มันเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ จากการหลับใหล