ตอนที่ 1341: วิญญาณชั่วร้ายในหมอก (1)
“ถวายบังคมฝ่าบาท ! ” ยาดริมทิ้งความเย่อหยิ่งของนางไปทันทีที่ เทพเจ้าแห่งท้องทะเลมาถึงและนางรีบโค้งคำนับอย่างสุภาพ เสียงของนางมีความนับถืออยู่ในก้นลึกของหัวใจ
“ถวายบังคมฝ่าบาท ” เจี้ยนเฉินป้องมือและโค้งไปที่เทพเจ้าทะเลเช่นกัน
“มันอาจจะไม่มีสัตว์อสูรในทะเลแห่งความสิ้นหวังนี้ แต่ในนั้นมันอันตราย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นที่ ๆอันตรายที่สุดในอาณาจักรทะเล ไม่เว้นแม้แต่เซียนจักรพรรดิ แม้แต่ข้าก็ต้องระมัดระวังเมื่อข้าก้าวเข้าไปที่นั่นในสมัยที่ข้าเก่งกาจที่สุด อันตรายในทะเลแห่งความสิ้นหวังมีมากมายเกินกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้ ” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลไม่ได้ขัดขวางมากเกินจนไร้มารยาท นางอธิบายรายละเอียดของทะเลแห่งความสิ้นหวังกับพวกเขาทั้ง 2 คน เป็นไปได้ว่าไม่มีใครในอาณาจักรทะเลที่ได้รับข้อมูลของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ทั้งเจี้ยนเฉินและยาดริม ต่างตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาได้ยิน สถานที่ทะเลแห่งความสิ้นหวังนี่มันอะไรกัน แม้กระทั่งเทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังต้องระวังเมื่อนางเข้าไปที่นั้นในตอนที่นางเก่งกาจมากที่สุด ? ความอันตรายในนั้นน่ากลัวพอที่จะทำอันตรายต่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิมเชียวหรือ
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูดต่อ ” หมอกของทะเลแห่งความสิ้นหวังมันหนาและไม่เคยกระจายหายไป มันยังคงรูปเดิมไว้เหมือนกับทุก ๆปีที่ผ่านมา มันไม่ใช่หมอกธรรมดาแต่มันยังมีพลังงานที่แปลกมาก ๆ อีกด้วย มันสามารถย่ำยีร่างกายของเจ้าอย่างเงียบ ๆและกินพลังชีวิตของเจ้าไปได้ ดังนั้นเจ้าจะอยู่ภายใต้การย่ำยีอย่างเงียบ ๆ ของหมอกเมื่อเจ้าก้าวเข้าไปในนั้น นอกจากนี้ยังมีวิญญาณมากมายที่เกิดขึ้นในหมอกด้วย พวกมันยากที่จะต่อกรและวิญญาณพวกนี้ทรงพลังมากซึ่งสามารถฆ่าได้แม้กระทั่งเซียนจักรพรรดิ โชคดีหน่อยที่มันไม่ได้มีวิญญาณที่แข็งแกร่งมากมาย ดังนั้นโอกาสที่จะไปเจอกับตัวที่แข็งแกร่งนั้นน้อยมาก อย่างไรก็ตาม เจ้าจำเป็นต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวและรักษาความปลอดภัยเสมอเมื่อเจ้าเข้าไปในนั้น
นอกจากนี้ ยังมี 2 สิ่งที่เจ้าควรจำให้ขึ้นใจ มิติในทะเลแห่งความสิ้นหวังนั้นไม่มั่นคงอย่างมาก ดังนั้น การบิดเบือนจะเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ ซึ่งทำให้เกิดความสับสนได้ง่าย ๆ เจ้าแค่ต้องตามผลึกอเวจีเพื่อที่จะหาเส้นทางที่ถูกต้อง อย่างที่สองคือทันทีที่เจ้าเข้าไปในเขตที่ ๆ หมอกบาง ให้ถอยออกมาให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าไปอยู่ที่นั่นนานดีกว่าเพราะว่ามันเป็นเขตหวงห้าม” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลจริงจังมาก ๆ เมื่อนางไปถึงเขตที่ 2 นางมีความกลัวกับสถานที่แห่งนี้
เจี้ยนเฉินตัวสั่น เขาพบว่ามันไม่น่าเชื่อที่เทพเจ้าทะเล ผู้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิมจะบอกว่ามันน่ากลัวขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม นางได้เหนือไปกว่าเซียนจักรพรรดิและเมื่อพิจารณาจากปราณกระบี่ของนาง นางเป็นอมตะ
“ข้าได้พูดสิ่งที่ข้าจำเป็นต้องพูดทั้งหมดแล้ว ทันทีที่เจ้าเข้าไปในทะเลแห่งความสิ้นหวัง ข้าจะไม่สามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้เลย มันขึ้นอยู่กับพวกเจ้าทั้งสองคนในนั้น จำไว้ว่าทันทีที่เจ้าไปเจอกับการบิดเบือนอะไรก็ตามให้เคลื่อนที่ไปด้วยกัน อย่าแยกจากกัน มันมีเพียงผลึกอเวจีแค่อันเดียวเท่านั้น ” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลเตือนก่อนที่จะมองดูเจี้ยนเฉินและยาดริมเข้าไปในทะเลแห่งความสิ้นหวัง ไม่นานพวกเขาก็หายไปกับหมอกที่ลอยไปมา
เมื่อทั้งสองหายไปอย่างสิ้นเชิง เทพเจ้าแห่งท้องทะเลถึงกับถอนหายใจ ” สำหรับการกลับมาของข้า ข้าต้องให้ทั้งสองไปเสี่ยงเพื่อศาลาเทพเจ้าของข้า ข้าไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ ? ข้าหวังว่าพวกเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนกับเขาถูกห่อหุ้มโดยหมอกที่หนามาก ๆ ทันทีที่เขาเข้าไปในทะเลแห่งความสิ้นหวัง มันมัวและขาวไปหมดทั่วรอบ ๆ เขา และแม้แต่ทัศนียภาพของเขาก็มองไม่ค่อยเห็นเช่นกัน เขาสามารถเห็นได้เพียงระยะ 100 เมตรเท่านั้น การรับรู้ของวิญญาณของเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงในหมอกนี้
หมอกที่นี่ไม่ธรรมดา มันถูกก่อตัวจากพลังงานแปลกประหลาดและมีความหนาคงที่ เจี้ยนเฉินถูกรอบล้อมไปด้วยหมอกแต่รู้สึกกับว่าเขาอยู่ในสำลีนุ่ม สำลีกดลงที่ร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่องก่อนที่มันจะกลายเป็นพลังบาง ๆ ที่พยายามไหลเข้าไปในร่างกายของเขา
เจี้ยนเฉินรู้จากเทพเจ้าแห่งท้องทะเลว่าหมอกแปลกประหลาดนี้สามารถกินพลังชีวิตของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่นิดเดียว พลังบรรพกาลไหลออกมาจากร่างกายเขาทันทีและเติมเต็มไปทั่วร่างกายของเขาเพื่อหยุดหมอกที่รุกรานนี้
ข้าง ๆ เขา ยาดริมถูกห่อหุ้มโดยชั้นพลังน้ำที่ทรงพลังที่หยุดการรุกรานของหมอกเช่นกัน จากนั้นนางก็ถอดผลึกอเวจีออกจากแหวนมิติของนาง ผลึกขนาดเท่ากับฝ่ามือปรากฏออกมาเปล่งแสงเล็กน้อยขณะที่มันลอยขึ้นไปบนอากาศ ถูกเปลี่ยนโดยการทำท่ามุตาของนาง พลังงานข้างในนั้นเริ่มรั่วออกมาทันทีและค่อย ๆ บีบอัดจนกลายเป็นนกสีฟ้าขนาดเล็ก
นกอเวจีมีขนาดเพียงกำปั้น มันกระพือปีกของมันและบินออกไปไกลขณะที่มีชั้นแสงสีฟ้าห่อหุ้มไว้ มันเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากหายไปจากเจี้ยนเฉินและยาดริมภายในพริบตา
” นกนรกจะพาเราหาศาลาเทพเจาแห่งท้องทะเล ไปกันเถอะ” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลเรียกเจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะออกไปตามทิศทางของนกอเวจี
ยาดริมมีการเชื่อมโยงระหว่างนก ดังนั้นแม้มันจะหายไปจากการมองเห็นของนาง นางก็ยังรับรู้ว่านกอยู่ที่ไหน
ไม่เพียงแต่มิติของทะเลแห่งความสิ้นหวังจะไม่มั่นคงแล้ว มันจะแปลกประหลาดอีกด้วย เจี้ยนเฉินและยาดริมไปเจอเขตของมิติที่แปลกจนมันกระเพื่อมเป็นระลอกเหมือนกับหัวใจของคน ราวกับว่ามันมีชีวิต พวกมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มุ่งร้าย
เจี้ยนเฉินและยาดริมเดินเข้าไปในเส้นทางของนก พวกเขาเปลี่ยนทิศทางไปตลอดทางและต้องย้อนกลับเส้นทางที่พวกเขาได้ผ่านมา
มิติในทะเลแห่งความสิ้นหวังถูกบิดเบือน ทำให้มันเหมือนดูเหมือนว่าพวกเขาต้องกลับมาที่เดิมหลายครั้ง แต่ที่จริงแล้วพวกเขาก้าวตรงไปโดยไม่ได้เบี่ยงเบนใด ๆ เลย
ทันใดนั้นมิติข้าง ๆ เจี้ยนเฉินก็สั่นสะเทือน แรงกระเพื่อมของมิติขยายไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความเร็วแสง ก่อนที่จะชนเข้ากับแขนซ้ายของเขา
โดยเงียบๆ เสื้อผ้าของเจี้ยนเฉินตรงแขนซ้ายขาดออก แขนของเขาได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหลออกมา
เจี้ยนเฉินมองไปที่บาดแผลที่อยู่บนแขนของเขาและรู้สึกแปลกใจเงียบ ๆ ร่างบรรพกาลขั้นที่ 4 ของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างง่ายดาย ถ้าเป็นเซียนราชาคนอื่นพยายามเข้ามาแล้วเจอกับการปะทะนี้ละก็ พวกเขาคงการเป็น 2 ท่อนโดยแรงกระเพื่อมนั่น
“สถานที่แห่งนี้อันตรายจริง ๆ ความอันตรายที่นี่เทียบไม่ได้กับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เลย” เจี้ยนเฉินคิดในใจและระมัดระวังมากกว่าเดิม
เจี้ยนเฉินและยาดริมเริ่มเดินทางต่อ พวกเขาไม่มีการรับรู้ใด ๆ ในทะเลแห่งความสิ้นหวังเลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าพวกเขาเดินทางมานานแค่ไหนแล้ว ในท้ายที่สุด นกอเวจีได้หายไป 2 ครั้งเพราะว่ามันหมดพลัง มันเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ยาดริมได้ใช้ทักษะลับของนางเพื่ออัญเชิญมันมา
พวกเขาเข้าไปลึกมากขึ้นและมากขึ้นในทะเลแห่งความสิ้นหวัง แต่เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะน่าเป็นห่วง เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นไปทั่วและมีรอยเลือดเต็มไปทั่วร่างกาย เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง ทั้งหมดนั้นถูกทำโดยแรงกระเพื่อมของมิติที่ปรากฏออกมาอย่างสุ่ม ๆ
ยาดริมก็ไม่เว้นเช่นกัน นางได้รับการบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ร่างกายของนางถูกล้อมไปด้วยชั้นของพลังที่ป้องกันการจู่โจมของหมอก จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแล้ว มันจึงทำให้มองไม่เห็นหน้านาง
ลำแสงบาง ๆ พุ่งตรงมาที่เจี้ยนเฉินและยาดริมจากข้างหลัง แสงจาง ๆ ปรากฏขึ้น ผสานเข้ากับหมอกอย่างสมบุรณ์ในบริเวณรอบ ๆ พวกมันดูเหมือนกับเป็นดวงตาของผี
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วมาก ลำแสงก็ยังคงอยู่ข้างหลังพวกเขา พวกมันไม่หลุดออกไปและไม่ต่างอะไรกับหมอกที่อยู่รอบ ๆ เลย พวกมันคลุมเครือและไม่ได้ปรากฏตัวออกมาแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้ทำให้เจี้ยนเฉินและยาดริมสนใจแม้แต่นิดเดียว