ตอนที่ 1589 : ร่างบรรพกาลขั้น 8 (2)
“งั้นเจ้าก็ต้องระวังตัว หากเจ้าทนพลังม่วงไม่ไหวก็อย่าฝืนตัวเอง แม้ว่าเราจะเอาชนะจิตวิญญาณราชันย์ด้วยความแข็งแกร่งตอนนี้ไม่ได้แต่เราก็คงยื้อเขาได้หากร่วมมือกัน” ซ่างกวนมู่เอ๋อพูดขึ้น น้ำเสียงอันอ่อนโยนของนางเต็มไปด้วยความกังวล นางรู้ว่าเจี้ยนเฉินเลือกเส้นทางอันตรายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง ถ้ามีอะไรผิดพลาด เขาก็จะต้องบาดเจ็บหนัก
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเขาอาจจะตัวระเบิด
ยังไงซะพลังงานในสมบัติสวรรค์ขั้นอมตะนั้นก็ไม่ได้อ่อนโยนแต่รุนแรงอย่างมาก พลังงานนั้นต่างจากพลังงานในลูกท้อเมฆม่วง
เจี้ยนเฉินได้ออกมาจากศิลาเซียนหยินหยางและมายังจุดที่ห่างไปหลายร้อยกิโลเมตร เขาได้เอาหอคอยอนัตตาออกมาก่อนจะเข้าไป แม้ว่าเขาจะมั่นใจอย่างมากแต่เขาก็ต้องระวังไว้ เผื่อว่าสมบัติสวรรค์ขั้นอมตะนี้จะทำให้เขาตัวระเบิด การระเบิดแบบนี้จะส่งผลต่อหินด้านนอกแต่เขามั่นใจว่าหอคอยนี้จะทนการระเบิดได้ หากเขาระเบิดจริง มันก็จะไม่ส่งผลต่อสิ่งรอบข้างแม้ว่าหอคอยนี้จะเสียหายก็ตาม
ซ่างกวนมู่เอ๋อตามเจี้ยนเฉินเข้าไปในหอคอย นางรู้สึกกังวลใจแล้วยืนอยู่ข้างเจี้ยนเฉิน นางจ้องไปที่เขา
เจี้ยนเฉินหยิบโสมราชาที่โตมาหลายปีเข้าไปในปากก่อนจะกลืนมันเข้าไป โสมราชานั้นขมอย่างมากจนทำให้ลิ้นเขาชาทันทีและทำให้เขาเสียการรับรู้รสชาติไปแต่เมื่อโสมลงไปถึงท้อง พลังงานอันรุนแรงก็ระเบิดขึ้นมาภายในตัวราวกับดินปืน มันเกิดคลื่นอันปั่นป่วน อวัยวะภายในสั่นไหวทันที พวกมันต่างก็ฉีกออกจากกัน
โสมราชานั้นแก่อย่างมาก รวมกับความจริงที่มันเป็นของขั้นอมตะ พลังงานในตัวมันจึงมหาศาล มันเท่ากับลูกท้อเมฆม่วงขั้น 3 หรือ 4 แต่ในโลกอมตะแล้วมันยากท่ใครจะกล้ากินโสมราชาแบบที่เจี้ยนเฉินทำ
เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเจี้ยนเฉิน เขาบาดเจ็บแม้ว่าตัวจะไม่ระเบิดก็ตาม
เจี้ยนเฉินไม่สนใจอาการบาดเจ็บ แผลเหล่านี้น้อยนิดสำหรับเขา หลังจากที่โคจรพลังบรรพกาลในตัว แผลเหล่านั้นก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว พลังงานม่วงได้เปลี่ยนเป็นพลังบรรพกาลส่วนหนึ่งซึ่งทำให้เม็ดพลังบรรพกาลนั้นเติบโต
เจี้ยนเฉินใช้เวลาหลายวันในการดูดซับโสมราชา ไม่กี่วันต่อมาเจี้ยนเฉินก็รู้สึกได้ว่าเม็ดพลังบรรพกาลใหญ่ขึ้นกว่าเดิมและยินดีขึ้นมา เขาไม่ลังเลหยิบเอาสมบัติสวรรค์ขั้นอมตะชิ้นที่สองออกมากินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
“ร่างบรรพกาลของข้ากำลังเข้าถึงจุดสูงสุดของขั้น 7 หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปข้าก็ขึ้นถึงขั้น 8 ได้ในไม่ช้า ตอนนั้นความต่างด้านความแข็งแกร่งระหว่างข้ากับจิตวิญญาณราชันย์ก็จะหายไปหรือเหลือเพียงน้อยนิด” เจี้ยนเฉิน คิดในใจ เขาพยายายามอย่างหนักเพื่อดูดซับพลังงานจากสมบัติสวรรค์
ตอนที่เจี้ยนเฉินกินสมบัติสวรรค์ เม็ดพลังบรรพกาลของเขาก็บวมเปล่ง 1 ปีต่อมาเม็ดพลังบรรพกาลของเขาก็ขึ้นถึงจุดสูงสุดของขั้น 7 แต่มันก็ยังเป็นเวลาที่เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ถึงผลจากสมบัติสวรรค์นั้นลดลงอย่างรวดเร็ว
“การพัฒนาของร่างกายต่อต้านสมบัติสวรรค์หลังจากที่กินมันมาเยอะ ดังนั้นพวกมันจึงได้ผลน้อยลง” เจี้ยนเฉิน เข้าใจข้อเสียของการกินสมบัติสวรรค์จำนวนมากในเวลาอันสั้น จริง ๆ แล้วเขาเริ่มรู้สึกอิจฉาเสือขาวเพราะสายเลือดพิเศษของเสือขาว เสือขาวจึงมีข้อได้เปรียบและไม่มีการต่อต้านซึ่งทำให้กินสมบัติสวรรค์ได้โดยไม่จำกัด
“แต่หากคนธรรมดากินสมบัติสวรรค์เช่นข้า พวกเขาก็คงต้องบาดเจ็บหนักถึงแม้ว่าจะรอดจากพลังงานม่วงไปได้ พวกเขาอาจจะสร้างความเสียหายต่อพื้นฐานและขีดจำกัดในอนาคตตัวเอง แต่เนื่องจากข้ามีร่างบรรพกาล พื้นฐานของข้าจึงไม่เสียหาย” เจี้ยนเฉินคิด เขาไม่คิดจะหยุดแม้ว่าจะเกิดการต่อต้านก็ตาม เขากลับกินมันไปเร็วยิ่งกว่าเดิม
ครั้งนี้เขาต้องการขึ้นถึงขั้น 8 ของร่างบรรพกาลในทีเดียว เขาพยายามแม้ว่ามันจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่กับการบ่มเพาะในอนาคตเพราะเขาต้องการความแข็งแกร่งอย่างเร่งด่วน
อีกปีผ่านไปพร้อมกับสมบัติสวรรค์นับไม่ถ้วนที่ถูกกินไป ร่างบรรพกาลก็ก้าวหน้าเข้าสู่ขั้น 8
หลังจากที่ได้ความสำเร็จบางส่วนมา การก้าวหน้าในแต่ละขั้นต้องใช้เส้นทางแห่งความเข้าใจเพื่อร่างบรรพกาลจะพัฒนาต่อ ถ้าความเข้าใจของเขาไม่เพียงพอ พลังมหาศาลก็จะขัดขวางเจี้ยนเฉิน แต่ความเข้าใจเส้นทางแห่งกระบี่ของเขาได้ขึ้นถึงความสำเร็จขั้นกลางของกำเนิดกระบี่แล้ว ชัดแล้วว่าเขาจึงไม่พบกับความยากลำบากใด ๆ และก้าวขึ้นถึงขั้น 8 ได้อย่างง่ายดาย
เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดหลังจากที่ทะลวงผ่าน สมบัติสวรรค์ทั้งหมดนั้นมีรสชาติที่แย่และเขาก็กินมันมากว่า 2 ปีเต็ม มันคือการทรมาน หากไม่ใช่เพราะความต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นและจิตใจที่เข้มแข็งแล้ว เขาอาจจะยอมแพ้ไปนานแล้ว
ตอนนี้เจี้ยนเฉินต้องการจะอ้วกเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้กลิ่นสมบัติสวรรค์ มันคงอีกนานกว่าที่เขาจะยอมกินสมบัติสวรรค์อีก
“ในที่สุดข้าก็ทะลวงผ่านได้ ! ” เจี้ยนเฉินลุกขึ้นยืนและมองไปที่ชุดตัวเองซึ่งโดนยอมไปเป็นสีแดงเพราะเม็ดพลังบรรพกาลที่แตกออก เขาเอาชุดใหม่ออกมาจากแหวนมิติและเปลี่ยนมัน พลังของเขาเหมือนจะเปลี่ยนไปในทันที
เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ถึงพลังงานจำนวนมากในร่างกาย พลังงานที่เพียงพอจะทำให้โลกสั่นไหวได้และทำให้ร่างกายเขาดูด้อยไป เขารู้สึกว่าเขาสามารถฉีกกระชากมิติได้ด้วยการยื่นมือออกไปราวกับว่ามิตินั้นเปราะบาง
“เจี้ยนเฉิน เจ้าตัดผ่านถึงขั้น 8 แล้วหรือ ? ” น้ำเสียงที่ยินดีของซ่างกวนมู่เอ๋อดังขึ้นมาข้างกายเจี้ยนเฉิน นางรู้ว่าเมื่อเจี้ยนเฉินขึ้นถึงขั้น 8 เขาจะมีพลังที่ไล่จิตวิญญาณราชันย์กลับไปได้
เจี้ยนเฉินมองไปที่ซ่างกวนมู่เอ๋อ ผ่านมากว่า 2 ปี เขาไม่เจอกับความน่าเบื่อในการบ่มเพาะเพราะซ่างกวนมู่เอ๋อ นั้นอยู่ข้างกายเขาเสมอ นางมักจะเล่นพิณอยู่ตลอดซึ่งเป็นการทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา
“ข้าทะลวงผ่านถึงขั้น 8 อย่างที่หวังไว้แล้ว แต่ก็ยังได้รับผลข้างเคียงจากการกินสมบัติสวรรค์มากเกินไป โชคดีที่ผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่น่าจะส่งผลต่อร่างบรรพกาลของข้ามากนัก ข้าแค่ต้องการเวลาในการชำระล้างมัน” เจี้ยนเฉินยิ้มออกมา เขาไม่สนกับการพูดถึงผลข้างเคียง ผลข้างเคียงเหล่านี้ร้ายแรงสำหรับบางคน แต่เขาแค่ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อจะลบมันทิ้ง
“เพราะเจ้าทะลวงผ่านแล้ว ดังนั้นก็รีบกลับกันเถอะ เราไม่รู้เลยว่าเราอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน หรือสถานการณ์ในทวีปเทียนหยวนนั้นเป็นยังไง” ซ่างกวนมู่เอ๋อพูดขึ้นมา นางค่อนข้างกระตือรือร้นและเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนและเฮาหวู่