ตอนที่ 1647: ก่อนเจรจา (1)
เจี้ยนเฉิน เจ้าเหนือล้ำกว่าเซียนจักรพรรดิและไปถึงขอบเขตดั้งเดิมภายในไม่กี่สิบปีมานี้หรือ ? รุยจินถามด้วยความตกใจ เขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างไม่วางตารอคำตอบของเขา
หงเหลียนและเฮยยู่ก็จ้องไปที่เจี้ยนเฉินเช่นกัน คำถามนี้ยังเป็นดั่งน้ำหนักในใจของพวกเขา พวกเขาไม่มีความคิดเลยว่าโลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ ขณะที่พวกเขากำลังเก็บตัวบ่มเพาะอย่างสันโดษ ด้วยความเข้าใจของพวกเขาพบว่ามีจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมไม่น้อยกว่าหนึ่งคนเมื่อนับรวมทั้งสี่เผ่าพันธุ์ หากว่าเจี้ยนเฉินเป็นหนึ่งในพวกเขา ตอนนี้มันก็น่าตกใจอย่างมาก
เจี้ยนเฉินหัวเราะเบา ๆ ผู้อาวุโส มีเรื่องสำคัญหลายอย่างเกิดขึ้นในทวีปเทียนหยวนในช่วงหลายปีที่ท่านเก็บตัวบ่มเพาะ ความแข็งแกร่งส่วนตัวของข้าสูงขึ้นจากการเผชิญหน้าต่าง ๆ สองสามครั้ง ดังนั้นข้าก็ควรจะก้าวข้ามขอบเขตดั้งเดิมไปแล้วในตอนนี้
ห๊ะ ? ! เกินกว่าขอบเขตดั้งเดิมแล้ว ?
คราวนี้ทั้งสามคนตะโกนออกมารวมตัวกัน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างและปูดโปน ขณะที่แสดงสีหน้าไม่เชื่อ หัวใจของพวกเขาเต้นเร็วขึ้น
เกินกว่าขอบเขตดั้งเดิม ? มันเป็นไปได้อย่างไร ? มันไม่นานมานี้เอง ทั้งสามคนพึมพำ พวกเขาค่อนข้างงงงวย หากไม่ใช่เพราะพวกเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ใช่คนที่ชอบล้อเล่น พวกเขาก็คงเชื่อว่าเจี้ยนเฉินล้อพวกเขาเล่นเป็นแน่
จากความเข้าใจของพวกเขา จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมนั้นทรงพลังอย่างมาก สำหรับสิ่งที่เกินกว่าขอบเขตดั้งเดิมนั้น มันต้องเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ
ผู้อาวุโส ทำไมพวกท่านไม่พักที่ตระกูลเจียงหยางก่อน ? ข้าจะบอกท่านอย่างช้า ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในทวีปเทียนหยวนเช่นกัน เจี้ยนเฉินเชื้อเชิญพวกเขาอย่างสุภาพ
รุยจินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และค่อย ๆ สงบลง เขากล่าวว่า ดีเหมือนกัน เราจะไปที่ตระกูลเจียงหยางก่อน
เจี้ยนเฉินพารุยจิน, หงเหลียนและเฮยยู่กลับไปยังตระกูลเจียงหยางในเมืองลอร์อย่างลับ ๆ ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในตระกูล ทั้งสามก็รู้สึกประหลาดใจอย่างลับ ๆ เพราะพวกเขาสามารถรับรู้ได้ว่ามีเซียนจักรพรรดิในตระกูลเจียงหยาง พวกเขามีกันหลายคนแม้ว่าหลายสิบปีที่ผ่านมานี้พวกเขาไม่มีเซียนราชามากนัก ไม่ต้องพูดถึงเซียนจักรพรรดิที่ไม่มีแม้แต่คนเดียว
ดูเหมือนว่าโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงหลายสิบปีที่ที่เราเก็บตัวบ่มเพาะ ความแข็งแกร่งโดยรวมของโลกได้รับการยกระดับขึ้นอีกครั้ง ทั้งสามคนถอนหายใจเต็มไปด้วยอารมณ์ ในขั้นต้นพวกเขาคิดว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาหลังจากที่พวกเขาปรากฏตัวออกมานั้นจะสามารถทำให้พวกเขาติดอันดับท่ามกลางยอดฝีมือ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถึงขั้นไร้พ่าย อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูตอนนี้ พวกเขาเพิ่งคิดได้ว่ามันเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาเพียงใด
เจี้ยนเฉินและพวกเขา 3 คนนั่งด้วยกันในบ้านที่งดงามของเจี้ยนเฉิน จากนั้นเจี้ยนเฉินก็อธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมากับพวกเขาอย่างละเอียด
ไม่กี่ชั่วยามต่อมา พวกเขาทั้งสามก็ได้รับรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโลกในช่วงเวลาที่พวกเขาหายไป มันทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ข้าไม่คิดเลยว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในไม่กี่สิบปีที่เราเก็บตัวไปบ่มเพาะ แม้แต่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมจำนวนมาก็ปรากฏตัวขึ้น ยุคปัจจุบันมีความสุขมากจนแม้แต่สมัยโบราณก็ยังสู้ไม่ได้ รุยจินถอนหายใจ
ด้วยอายุในปัจจุบันของจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม เซียนจักรพรรดิตอนนี้ก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว เนื่องจากวิกฤติของโลกได้รับการป้องกัน กฏของโลกก็กำลังเข้าใกล้ความสมบูรณ์และพลังงานดั้งเดิมก็ค่อยๆปรากฏขึ้นอย่างช้าๆอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าข้าไม่อาจปล่อยให้โอกาสที่ดีเช่นนี้ได้ ข้าได้วางแผนที่จะบ่มเพาะต่อไปให้ถึงขอบเขตดั้งเดิมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หงเหลียนพูดหน้าตาขึงขัง
ด้วยความแข็งแกร่งของเราในตอนนี้ เราจึงไม่สามารถช่วยเหลือเจี้ยนเฉินได้ ข้าต้องการบ่มเพาะและก้าวเข้าสู่ขอบเขตดั้งเดิมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ รุยจินพูดเห็นด้วย
เฮยยู่มองไปที่พวกเขาทั้งสองคนและหัวเราะ ดูเหมือนพวกเจ้าทั้งสองคนจะได้รับแรงบัลดาลใจอย่างมาก เจ้าต้องการกลับไปบ่มเพาะอย่างสันโดษหลังจากที่ออกมา โอ้ เพราะเจ้าวางแผนที่จะบ่มเพาะ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย ไม่อย่างนั้นความแตกต่างด้านพลังของพวกเราคงจะมากขึ้นเรื่อย ๆ
ภายใต้การเห็นด้วยของเจี้ยนเฉิน ทั้งสามยังคงอยู่ในตระกูลเจียงหยางเพื่อบ่มเพาะ จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมได้จัดการบางอย่างในตระกูลเจียงหยางมานานแล้ว พลังงานของโลกมีมากมายเหลือล้นเพียงพอที่จะเพิ่มให้กับผู้พิทักษ์ตระกูลหลายสิบคน ซึ่งทำให้ได้รับชื่อว่าเป็นสถานที่บ่มเพาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก พลังงานดั้งเดิมรวมตัวกันที่นีั่น ดังนั้นผลกระทบจากการบ่มเพาะจึงมีมากกว่าในสุสาน ท้ายที่สุดสุสานก็ไม่มีพลังงานดั้งเดิม
พวกเขาทั้งสามเก็บตัวบ่มเพาะอีกครั้งและเจี้ยนเฉินก็ออกจากตระกูลเจียงหยางเช่นกัน ในขณะที่ภรรยาทั้งสอง หงหลวนและโยวเยว่ยังคงบ่มเพาะอยู่ เขาก็ยังคงไม่ได้เห็นทั้งสองเมื่อเขากลับมาในคราวนี้
เจี้ยนเฉินไปเยือนเมืองอัคคีหลังจากนี้ กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้พัฒนาไปจนถึงที่มีสมาชิกภายในหลายล้านคนและมีสมาชิกภายนอกอีกหลายสิบล้านคน พวกเขากลายเป็นมหาอำนาจที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วทั้งทวีปรวมทั้งอาณาเขตทะล, ทวีปแห่งความสูญเปล่าและทวีปสัตว์เทวะ เมื่อเผ่าพันธุ์ทั้งสี่ได้รวมตัวกันและทิ้งความคิดเกี่ยวกับดินแดนเก่า ๆ ของพวกเขา กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีจึงไม่ได้ประกอบไปด้วยมนุษย์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป มีสมาชิกจากร้อยเผ่าพันธุ์, เผ่าพันธุ์ทะเลและสัตว์อสูรอีกด้วย
กลุ่มทหารรับจ้างอัคนียังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของไป๋เหลียน นางใช้เวลาอย่างมากในการจัดการกับทหารรับจ้าง ความแข็งแกร่งของนางไม่ได้ก้าวหน้านัก แม้ว่าจะกินลูกท้อเมฆม่วงและสมบัติสวรรค์อื่น ๆ จำนวนมาก นางก็ยังคงเป็นเซียนราชาอยู่ดี ในขณะเดียวกันตู่กูเฟิง, เซียวเทียนหยู,หวังยี่เฟิง, หยุนเจิ้ง, ศิษย์พี่อันและคนอื่นๆล้วนแล้วแต่ทะลวงเป็นเซียนจักรพรรดิ ตู่กูเฟิงและเซียวเทียนหยูพัฒนาได้อย่างน่าตกใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความสามารถของเขาหลังจากที่ใช้สมบัติสวรรค์ขั้น 4 และ 5
นอกจากนั้นเจียเต๋อไท่ผู้ซึ่งได้เข้าร่วมกับเขาภายใต้การคุกคามของเขาก็ยังมาถึงชั้นสวรรค์ที่ 9 ของเซียนราชาเช่นกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาใช้เวลาทั้งหมดของเขาในเมืองอัคนีนอกเหนือจากการกลับไปที่ตระกูลของเขาเป็นครั้งคราว ความคิดของเขาเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ และความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เขาถูกบังคับให้ต้องติดตามเจี้ยนเฉิน แต่เดิมเขายังคงรู้สึกลังเลและกังวลใจมาก่อน อย่างไรก็ตามเขาไม่เพียงแต่ทำตัวเหมือนกับทหารรับจ้างอัคนีทั่วไป ตอนนี้เขารู้สึกภูมิใจกับมันอย่างมาก
ตาทวดของเจี้ยนเฉิน ไป๋ไฮยังคงอยู่ในเมืองอัคนีตลอดเวลาหลายปี เขากลายเป็นหัวหน้างานของไป๋เหลียนด้านการบ่มเพาะ สมาชิกระดับสูงจะเห็นว่าไป๋ไฮมักจะกระตุ้นให้ไป๋เหลียนบ่มเพาะให้มากขึ้น
สามวันต่อมา เจี้ยนเฉินออกจากเมืองอัคนี เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งเขาก็มาอยู่บนเกาะสามเซียนแล้ว
ทันทีที่เขาก้าวเท้าไปบนเกาะสามเซียน ซ่างกวนมู่เอ๋อก็ปรากฏตัวด้านหน้าของเขาอย่างเงียบ ๆ นางมองเขาสักพักและพูดว่า เจี้ยนเฉิน ข้ารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติในระหว่างที่เจ้าปลีกตัวบ่มเพาะ บอกข้า ข้าต้องการดูว่าข้าจะช่วยได้หรือไม่
เจี้ยนเฉินตกตะลึงก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น ดูเหมือนว่าข้าจะไม่อาจปิดบังเจ้าได้เลย อย่างไรก็ตามปัญหานี้มันยากที่จะจัดการ เจี้ยนเฉินบอกนางเกี่ยวกับปัญหาที่ซ่อนอยู่ ซึ่งมันได้ปรากฏเมื่อตอนที่เขาทะลวงไปยังร่างบรรพกาลขั้น 9
