ตอนที่ 1709 : เทพพิษดาทูร่า
ด้วยคำสั่งจากบรรพชนตระกูลลู่ ทั้งตระกูลลู่ก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที จอมยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ 7 จาก 9 คนซึ่งมีหัวหน้าตระกูลและผู้อาวุโสทั้ง 8 ต่างก็เคลื่อนไหว มันเหลือแค่หัวหน้าตระกูลและ ผู้อาวุโสลู่หยุนที่บาดเจ็บ ยามและคนเกือบพันคนต่างก็เคลื่อนไหวด้วยการใช้กองกำลังกว่า 90% พวกที่เหลือมีแค่ร้อยคนเพื่อใช้ปกป้องตระกูล
ในเวลาเดียวกันสมบัติมีค่าต่าง ๆ ที่ตระกูลลู่ได้สั่งสมมาหลายปีได้ถูกนำออกมาใช้ พวกได้แจกจ่ายค่ายกล, ยาฟื้นฟูอื่น ๆ ให้กับหมู่ผู้คนของตน
ตระกูลลู่ได้เตรียมตัวมาสักพักแล้วเพื่อสู้กับตระกูลโม่ ดังนั้นพวกเขาจึงเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับคำสั่ง ไม่นานจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมกลุ่มใหญ่ก็ได้รวมตัวกันภายใต้การนำของเหล่าผู้อาวุโส ทุกคนต่างก็เตรียมตัวกันมาอย่างดีพร้อมกับแผ่จิตสังหารออกมาจากร่าง
ลู่เทียนสวมชุดเทาลอยอยู่บนท้องฟ้าอยู่ด้านหน้าสุด เขาแผ่พลังเทพออกมาจากตัว มันทำให้เมฆและลมกระจายออกไป สายตาเขาเคียดแค้นและจ้องไปทางตะวันออก มันคือที่ตั้งเมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ผิงเทียน
ไม่นานก็มีร่างหนึ่งโผล่มาจากเส้นขอบฟ้า มันได้บินเข้ามาด้วยความเร็วสูง
การปรากฏตัวของร่างนี้ทำให้ลู่เทียนยิ้มออกมาราวกับว่าชัยชนะอยู่ในกำมือ แม้ว่าตระกูลโม่จะมีขั้นเทพลึกลับแต่เขาก็ยังมั่นใจว่าเขาจะชนะและทำลายตระกูลโม่ได้สำเร็จ
ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างนั้นก็ได้มาถึงตรงหน้าลู่เทียน มันคือหญิงสาวในชุดเขียว นางดูอายุประมาณ 27-28 ปี นางดูเป็นผู้ใหญ่ยกเว้นแค่รอยสักแปลก ๆ บนหน้าที่บดบังความงดงามของนางซึ่งทำให้นางดูแปลกประหลาด
“ฮิฮิ ลู่เทียน ข้าไม่ได้มาสายใช่หรือไม่” หญิงสาวหัวเราะ นางเรียกลู่เทียนด้วยชื่อ นางเหมือนไม่กลัวกับการทำเช่นนั้นซึ่งชัดแล้วว่านางเองก็เป็นขั้นเทพเช่นกัน
“เทพพิษดาทูร่า เจ้ามาทันเวลา เมื่อทุกคนมาแล้วก็ออกเดินทางกันเถอะ” ลู่เทียนพูดขึ้น เขาโบกมือและออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังตระกูลโม่
“ลู่เทียน อย่าลืมที่เจ้ารับปากเอาไว้ ข้าจะช่วยเจ้ายื้อขั้นเทพที่ตระกูลโม่รับมาและเมื่อเรื่องนี้จบสิ้นแล้ว ข้าจะเอาสมบัติของตระกูลโม่ครึ่งหนึ่ง” หญิงสาวที่มีนามว่าเทพพิษดาทูร่าเอ่ยขึ้นมา
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะทำตามที่รับปากเอาไว้ ให้ข้าเลือกสิ่งที่ข้าต้องการก่อน ส่วนที่เหลือเจ้าเอาไปได้เลย” ลู่เทียนตอบออกมา
เทพพิษดาทูร่าหัวเราะและมองไปที่ลู่เทียน และพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น “ลู่เทียน เจ้าดีกับข้าจริง ๆ ข้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณเจ้ายังไง มันน่าเสียดายที่เจ้าแก่แล้ว หากเจ้ายังหล่อเหลาดังเช่นแต่ก่อน ข้าอาจจะให้เจ้าร่วมเตียงกับข้าอีกรอบ เฮ้อ น่าเสียดายจริง ๆ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ? ดูโม่หลิงสิ เขายังหนุ่มอยู่เลย “
“ฮึ่ม” ลู่เทียนฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาพร้อมใบหน้าที่หม่นลง
เทพพิษทาดูร่ายิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทีของลู่เทียน จากนั้นนางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ “เทียนน้อย เจ้ายังฝังใจอยู่กับอดีตอยู่อีกหรือ ? เจ้าโทษข้าไม่ได้ ตอนนั้นเจ้าเองที่เป็นฝ่ายขืนใจข้า ข้าไม่ได้ล่อลวงเจ้าเลย”
“พอได้แล้ว ! ” ลู่เทียนถึงกับหยุดและมองไปที่เทพพิษดาทูร่าด้วยสีหน้าหม่น เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต หากเขารู้ว่าทั้งร่างของนางเป็นพิษ เขาคงไม่มีทางเข้าหานางแน่ ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นมา เขาก็ไม่อาจจะเป็นพ่อคนได้อีก
เทพพิษดาทูร่าหัวเราะและมองไปที่ลู่เทียนด้วยท่าทียั่วยุก่อนจะกลับไปสนใจเรื่องการเดินทางต่อ นางคิด “ดูเหมือนว่าลู่เทียนยังคงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้ เขายังคงแค้นข้า เรื่องจัดการกับตระกูลโม่นี้อาจจะไม่ได้เรียบง่ายแบบที่เขาบอกมา ข้าต้องระวังตัวไม่ให้หลงกลลู่เทียน”
….
หลายชั่วยามต่อมาคนจากตระกูลลู่ก็ได้มาพบกับคนจากตระกูลอันโด ตระกูลอันโดเองก็ส่งจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมกว่า 700 คนพร้อมด้วยผู้อาวุโสขอบเขตเทพ 6 คนมา ดังนั้นมันจึงมีจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมรวมกันกว่าพันคน, ขั้นศักดิ์สิทธิ์ 13 คนและขั้นเทพ 3 คนที่ออกเดินไปไปโจมตีตระกูลโม่
กลุ่มคนขนาดนี้โดยพื้นฐานแล้วสามารถทำลายตระกูลโม่ได้ ยังไงซะตระกูลโม่ก็มีขั้นเทพแค่คนเดียวซึ่งคือ โม่หลิง
“ ลู่เทียน ข้าขอถามได้หรือไม่ว่านี่เป็นใครกัน ? ” บรรพชนตระกูลอันโดไม่รู้จักดาทูร่า ดังนั้นเขาจึงได้ถามขึ้นมา
“ นี่คือเทพพิษดาทูร่า นางเป็นคนรู้จักของข้า ข้าเชิญนางมาร่วมมือด้วยเพื่อจัดการกับตระกูลโม่” ลู่เทียนตอบ
“วิเศษ ด้วยการที่มีขั้นเทพ 3 คนและคนอื่น ๆ ตระกูลโม่นั้นจบสิ้นแล้ว” อันโดฟูยินดีขึ้นมา ในเวลาเดียวกันเขาก็แอบถามลู่เทียนว่า “เชื่อใจดาทูร่าได้รึไม่ ? เราไม่อาจจะให้นางรู้เรื่องหยกของราชาเทพต้วนมู่ได้”
“ไม่ต้องกังวล นางมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหรอก ชายลึกลับที่ตระกูลโม่เชิญมานั้นไม่ได้จัดการได้ง่าย ๆ ” ลู่เทียนตอบกลับโดยไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังกลัวปราณกระบี่ลึกซึ้งของเจี้ยนเฉิน แต่เขาก็เข้าใจว่าถึงแม้ปราณกระบี่ลึกซึ้งของเจี้ยนเฉินนั้นจะเป็นทักษะที่แข็งแกร่งและไม่ใช่สมบัติ แต่เขาก็ใช้มันได้เพียงครั้งเดียว
อันโดฟูไม่ได้มีท่าทีอันใดกับบทสนทนานี้ หลังจากที่ทักทายดาทูร่า เขาก็เดินทางต่อ พวกเขาหยุดโดยห่างจากตระกูลโม่หลายหมื่นกิโลเมตร ลู่เทียนนำบางอย่างออกมาและมันก็มีธงสีเหลืองปรากฏขึ้นมาในมือเขาทันที
“ข้าซื้อมันมาได้หลังจากที่เสียเงินก้อนโตไปที่เมืองหลวง มันสามาถผนึกมิติภายในระยะล้านกิโลเมตรได้โดยสร้างค่ายกลขนาดใหญ่ปิดพื้นที่เอาไว้ แม้แต่ขั้นเทพก็ยังต้องดิ้นรนหากจะฝ่าออกมา ตระกูลโม่จะต้องจบสิ้นเพราะสมบัติชิ้นนี้” ลู่เทียนฮึดฮัดก่อนจะยกมือขึ้น ธงสีเหลืองได้หลอมรวมกับมิติโดยรอบและเริ่มมีคลื่นกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว นี่กินเวลาไม่กี่วินาทีก่อนที่จะหยุด ตอนนั้นเขตในระยะล้านกิโลเมตรก็ถูกผนึก ไม่ใช่แค่กันไม่ให้ใครเข้ามาหรือออกไป แต่ยังยับยั้งทักษะการสื่อสารทั่วไปอีกด้วย
ในส่วนลึกของตระกูลโม่ โม่หลิงกำลังทำการบ่มเพาะเพื่อทำความเข้าใจกฎของโลกเพื่อที่ความแข็งแกร่งจะได้พัฒนาขึ้นซึ่งจะทำให้เขาได้ขึ้นเป็นขั้นเทพช่วงกลาง
จู่ ๆ สีหน้าของโม่หลิงก็เปลี่ยนไป เขาลืมตาขึ้นคและมองออกไปภายนอก เขาสีหน้าเคร่งเครียดและพูดขึ้นมา “ข้าไม่คิดว่าตระกูลลู่จะลงมือเร็วแบบนี้ ข้าคิดว่าพวกเขาจะรออีกสักร้อยปีกว่าจะเคลื่อนไหว”
คนอื่น ๆ ในตระกูลเองก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้หลังจากนั้นไม่กี่นาที เฉินเจี้ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ หลังจากที่ดูดซับเหรียญผลึกอยู่ในห้องโถง ด้านหลังเขามีกระบี่ดำลอยอยู่คอยส่งเสียงฮึมฮัมออกมาอยู่ตลอด
เฉินเจี้ยนหยุดการบ่มเพาะและออกมาจากห้องก่อนจะไปถึงหน้าห้องที่เจี้ยนเฉินบ่มเพาะอยู่ แต่เขาก็ต้องตะลึงเมื่อไปถึงห้องของเจี้ยนเฉิน “เจ้าช่างเลือกเวลาได้เหมาะจริง ๆ เจ้ากลับมาทะลวงผ่านตอนนี้”
เจี้ยนเฉินนั่งขัดสมาธิลอยอยู่ในห้อง แสงวนเวียนรอบตัวเขา เขาแผ่เจตจำนงกระบี่ออกมาจากตัว เขาได้เข้าสู่สภาวะที่ไม่อาจจะรับรู้ถึงสิ่งภายนอกได้