ตอนที่ 1812 : ความสำเร็จบางส่วนของจิตวิญญาณกระบี่ (4)
ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นแค่ขั้นแลกเปลี่ยน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะต้านทานผู้หญิงที่อยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้เลยแม้แต่น้อย
“ผู้อาวุโส ท่านจะทำอะไร ? ” ชายหนุ่มเริ่มกังวล
ผู้หญิงโน้มหน้ามาใกล้หน้ชายหนุ่ม นางแลบลิ้นออกมาเลียใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น กลิ่นหอมจากตัวนางนั้นปลุกความต้องการของผู้ชายขึ้นมา นางได้พูดขึ้นมาเบา ๆ “น้องชาย ไม่ต้องกังวลหรือกลัวไปหรอก ข้าไม่ทำร้ายเจ้าเพราะเจ้านั้นต้องตาข้า ให้ข้าแสดงความรักที่มีต่อเจ้า ข้าจะพาเจ้าไปยังแดนสุขาวดี” ตอนที่นางพูดนั้น นางก็ได้โบกมือพร้อมกับมีโถงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นมา มันขยายตัวในอากาศอย่างรวดเร็วก่อนจะตกลงไปที่พื้นอย่างแรง
นางจับชายหนุ่มเอาไว้แล้วบินเข้าไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์โดยไม่สนใจการต่อต้านของชายหนุ่มผู้นั้น
คนที่มารวมตัวกันเพื่อทำความเข้าใจกฎแห่งกระบี่ต่างก็มองไปที่ผู้หญิงคนนั้น แต่สีหน้าของพวกเขาไม่นานก็ดูแปลกไป
นั่นเพราะโถงศักดิ์สิทธิ์ของนางนั้นโปร่งใส
การที่โปร่งใสนี้หมายความทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถเห็นได้จากด้านนอกทั้งหมด
สายตาที่ยั่วยวนของนางดูหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมเมื่อเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้สายตาของทุกคน นางได้เปลี้องผ้าชายหนุ่มออกก่อนที่จะเปลื้องชุดของนางออก นางได้กดชายหนุ่มลงกับพื้นและนั่งลงบนตัวเขาต่อหน้าต่อตาทุกคน
“ผู้อาวุโส ได้โปรดอย่าทำอะไร เมตตาข้าเถอะ…” ชายหนุ่มไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อย เขากลับร้องขอความเมตตาแทนแต่ร่างกายของเขานั้นไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่มองดูผู้หญิงที่อยู่บนตัวเขาโดยไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
แต่สีหน้าของเขาก็ซีดขาวลงพร้อมกับผิวที่เริ่มเหี่ยว มันเริ่มเป็นสีเหลืองราวกับว่าพลังชีวิตเขาถูกสูบทิ้งไป ในอีกด้านผิวของผู้หญิงคนนั้นกลับดูเปล่งปลั่งขึ้นมาราวกับเพิ่งได้กินอาหารที่มีสารอาหารมากมายเข้าไป
“อึก น่าละอายจริง ๆ…”
“ช่างเป็นคนที่หน้าไม่อาย…”
มันมีผู้หญิงหลายคนที่นั่น ใบหน้าของพวกนางแดงก่ำขึ้นมาเมื่อเห็นฉากตรงหน้าและต่างก็พากันสบถออกมา
“ฮึ่ม พวกเจ้ารนหาที่ตาย ! ” ชายหนุ่มสองคนที่มากับผู้หญิงที่ดูยั่วยวนนั้นโกรธขึ้นมาเมื่อได้ยินคำด่าเหล่านั้น หนึ่งในนั้นได้ตะโกนขึ้นมาอย่างเย็นชาพร้อมกับขวานเล่มใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาในมือก่อนจะเหวี่ยงไปใส่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ
ขวานแหวกอากาศไปพร้อมกับส่งพลังเข้าหาผู้หญิงเหล่านั้น
พวกผู้หญิงเหล่านี้ยังไม่ถึงขั้นเทพ ดังนั้นจึงยากจะกันการโจมตีของเทพได้ พวกนางต่างก็หน้าซีดเพราะความกลัว
“ท่านปู่ทวด ! ” ตอนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
ตอนนั้นชายแก่ผู้หนึ่งที่นั่งอยู่บนยอดเขาก็ลืมตาขึ้นมา ตอนที่เขาลุกขึ้นยืนนั้น กระบี่ปราณอันคมกริบก็ได้แผ่ออกมาจากตัวเขา เขาเหวี่ยงกระบี่และส่งปราณกระบี่เข้าใส่ขวานนั่น
ตูม !
กลิ่นอายปิศาจที่ส่งออกมาโดยชายวัยกลางคนสลายไปพร้อมกับปราณกระบี่ที่หม่นลงไปเล็กน้อย แต่มันไม่ได้สลายไป มันยังพุ่งเข้าหาชายวัยกลางคนต่อด้วยความเร็วที่เท่ากับแสง
“เทพที่เข้าใจกฎแห่งกระบี่ ! ” สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป เขาโจมตีออกมาเป็นครั้งที่สองและทำให้กระบี่ปราณสลายไปแต่เขาก็ต้องถอยกลับไปเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันสายตาของเขาที่มองไปยังชายแก่นั้นก็ได้แสดงความกลัวออกมา
ในเวลาเดียวกันนั้น เจี้ยนเฉินก็หรี่ตาลง เขาถึงกับมองไปที่ชายแก่ด้วยความสนใจ
“เหลนของข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะมาทำร้ายได้ ! ยิ่งกว่านั้นเจ้ายังได้ทำเรื่องไม่สมควรด้วยการทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน ข้าจะสั่งสอนบทเรียนเจ้า” ชายแก่เหวี่ยงกระบี่แล้วแผ่ปราณกระบี่ทรงพลังออกมาจากตัว เขาก้าวออกมาและพุ่งเข้าหาชายวัยกลางคนทั้งสองพร้อมกับแผ่พลังอันล้นหลามออกมา
“ฮึ่ม เรามาจากครอบครัวโม่ ท่านคิดจะหาเรื่องครอบครัวโม่หรือ ? ” ชายวัยกลางคนที่ใช้ขวานได้ตะโกนออกมา ชายแก่ที่เข้าใจกฎแห่งกระบี่ ดังนั้นเขาจึงแข็งแกร่งอย่างมาก เขากับสหายคงไม่ใช่คู่มือของชายแก่ผู้นี้แม้ว่าจะร่วมมือกันก็ตาม
ชายแก่หยุดเมื่อได้ยินว่าพวกนั้นมาจากครอบครัวโม่ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและได้ตะโกนออกมา – “ ครอบครัวโม่งั้นหรือ ? ครอบครัวโม่จากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ฉิงหยางงั้นหรือ ? ”
สีหน้าของชายวัยกลางคนดูดีขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของชายแก่ พวกเขาบอกได้ว่าชายแก่ผู้นี้กลัวครอบครัวโม่
“ถูกต้อง เราคือผู้อาวุโสครอบครัวโม่จากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ฉิงหยาง” ชายวัยกลางคนถือขวานพูดด้วยท่าทีหยิ่งทะนง ในเวลาเดียวกันเขาก็เอาป้ายออกมายืนยันตัวตน
สายตาของชายแก่แสดงความกลัวออกมาทันทีเมื่อเห็นตราผู้อาวุโสครอบครัวโม่ เขาฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาและไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อปกป้องนาง ชัดแล้วว่าเขากลัวกับการคุกคามครอบครัวโม่
“ท่านปู่ทวด ผู้หญิงคนนั้นไร้ยางอาย….” ผู้หญิงที่ยืนด้านหลังชายแก่พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก ครอบครัวโม่คือตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพ พวกเขาไม่ใช่ตระกูลที่เราจะหาเรื่องได้ ! ” ชายแก่พูดกับหญิงสาวด้วยวิธีลับ เสียงของเขาแสดงถึงความอับจนหนทาง
พวกที่คิดจะบ่นต่างก็ใจเย็นลงหลังจากที่ชายวัยกลางคนได้เผยฐานะของตัวเองออกมา สายตาของพวกเขาก็แสดงความกลัวออกมาเช่นกัน
ชัดแล้วว่าพวกเขาไม่กล้าหาเรื่องครอบครัวโม่จากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ฉิงหยาง
เจี้ยนเฉินถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นแบบนั้น เขาลุกขึ้นยืนช้า ๆ และชี้นิ้วไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์โปร่งใสนั่น
ปราณกระบี่เล็ก ๆ พุ่งออกไปทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ออกเป็นชิ้น ๆ คลื่นพลังอันแข็งแกร่งนั้นแยกผู้หญิงกับชายหนุ่มด้านในออกจากกัน
ผู้หญิงคนนั้นหงุดหงิดเมื่อมีคนเข้ามาขวางทางกับสิ่งที่นางกำลังสนุกอยู่ นางได้ตะโกนออกมาทันที – “ ใครกัน ? ใครเป็นคนทำ ? อยากตายหรือไง ? ”
“ให้เกียรติกับผู้คนรอบ ๆ บ้าง อย่าทำเรื่องเช่นนี้เลย” เจี้ยนเฉิน พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเฉยเมยตอนที่ไปยืนอยู่บนยอดเขาพร้อมสายตาที่เหมือนกับไล่อีกฝ่ายไป
“เจ้ากล้าดียังไง…” – ผู้หญิงคนนั้นซึ่งยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เจี้ยนเฉินและกำลังจะตะโกนออกมา แต่นางก็ต้องตะลึง นางมองไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งยืนกอดอกอยู่บนยอดเขาและเริ่มเคลิบเคลิ้ม
“ช่างเป็นผู้ชายที่รูปงามเสียจริง ท่าทีไม่เหมือนใครของเขานั้นทำให้เขาดูสูงส่ง ข้าเล่นกับผู้ชายมาหลายคนแต่ไม่เคยเจอใครแบบเขามาก่อน” ในเสี้ยวพริบตาความโกรธทั้งหมดของนางก็หายไป นางบินไปข้างกายเจี้ยนเฉิน พร้อมกับมองเจี้ยนเฉินด้วยความต้องการ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ พี่ชาย เจ้ามีนามว่าอะไร ? ”