ตอนที่ 197 ไอกระบี่ของข้าเล่า ?
ซือถูเจิ้นผิงถือกระบี่สัมฤทธิ์เอาไว้ในมือ สายตานิ่งสงบกวาดมองเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง
แต่ในตอนนั้นเอง
จู่ ๆ บรรพจารย์แห่งวิถีกระบี่ผู้นี้ก็ยกมุมปากขึ้นคล้ายกับรอยยิ้มอย่างมิทราบสาเหตุ
ขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็เผยสีหน้าสับสนวุ่นวายใจออกมา
เวลานี้ภายในใจของซือถูเจิ้นผิงก็ความรู้สึกสับสนมิต่างกัน
เพราะขีดจำกัดของเขาใกล้มาถึงแล้ว
มิต้องพูดถึงว่าเวลาเหลืออยู่เท่าใด ไม่ว่าเขาจะสามารถพัฒนาความเข้าใจในวิถีกระบี่ได้หรือไม่ เขาก็จะพยายามต่อไป
ขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง ที่ได้เปิดไพ่ตายออกมาจนหมด
จู่ ๆ เขาก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
เขาคิดถึงอดีต
ตัวเขา ซือถูเจิ้นผิง ในตอนนั้น ตอนที่เป็นยอดฝีมือที่มิมีใครในรุ่นจะเทียบเคียงได้
บัดนี้ได้เป็นถึงบรรพจารย์วิถีกระบี่แห่งยุค
เช่นนั้นเขาจึงถือว่าตนนั้นสูงส่ง จึงทำให้มิเคยรับศิษย์สายตรงเพื่อสืบทอดเลยแม้แต่คนเดียว
หากต่อไปวันข้างหน้าเขาเกิดละสังขารขึ้นมา เช่นนั้นผู้คนก็จะหลงลืมบรรพจารย์วิถีกระบี่ผู้นี้ไปจนสิ้น
คิดได้เช่นนั้นหรือว่าเขาควรจะทิ้งบางอย่างเอาไว้แก่คนรุ่นหลัง ?
การจะรับศิษย์สายตรงเพื่อสืบทอดในเวลานี้คงเป็นไปได้ยาก
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็แสดงฝีมือให้คนประจักษ์เสียที่นี่
เพื่อให้ผู้บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่รุ่นหลังจดจำเขา ซือถูเจิ้นผิงเอาไว้ จดจำสุดยอดเคล็ดกระบี่ของเขาเอาไว้
ซือถูเจิ้นผิงคิดได้เช่นนั้นก็ได้ปลุกพลังวิญญาณอันแรงกล้าภายในร่างออกมา
เพียงพริบตาพลังปราณมหาศาล รวมทั้งจิตกระบี่อันทรงพลัง ก็ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงแทบจะทันที
ขณะเดียวกันซือถูเจิ้นผิงเพียงขยับมือเล็กน้อย
กระบี่สัมฤทธิ์ในมือพลันเปล่งแสงสีเขียวระยิบระยับออกมา สนิมที่เกาะอยู่บนตัวกระบี่ถูกกระแทกออกจนเป็นผุยผงในทันใด
“ปัง ! ”
หลังสิ้นเสียงหนักแน่นที่ดังกึกก้อง ไอกระบี่อันทรงพลังก็ได้ทะลวงท้องนภาไปไกลนับพันลี้ภายในพริบตา
เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
อีกทั้งกระบี่ยังเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาล
ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
“พวกเจ้าจำเอาไว้กระบี่นี้ของข้ามีชื่อว่าสะบั้นมังกรสวรรค์ เป็นเคล็ดกระบี่ที่ทรงพลังที่สุดของโลกมนุษย์ ! ”
แม้ซือถูเจิ้นผิงจะเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ทว่ากลับให้ความรู้สึกโศกเศร้าเจือปนออกมาด้วย
หลังสิ้นเสียงกระบี่โบราณสัมฤทธิ์ที่เปล่งแสงสีเขียวในมือของซือถูเจิ้นผิง จู่ ๆ ก็ฟันลงมาเบื้องล่าง
“โฮก ! ”
พลันเสียงมังกรคำรามอันน่าตื่นตระหนกก็ดังขึ้น
ขณะเดียวกันไอกระบี่ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ห่อหุ้มไว้ด้วยพลังทำลายล้างก็แหวกอากาศลงมายังสวีฉิงเทียน
เพียงชั่วระยะเวลาที่แสงสว่างวาบออกมา
มือข้างหนึ่งของสวีฉิงเทียนถือของศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้อาวุโสเย่มอบให้ ส่วนอีกข้างกุมกระบี่เทพจื่อชิงเอาไว้แน่น
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่อันรุนแรงของซือถูเจิ้นผิง ทำให้เขามิกล้าที่จะลังเลแม้แต่น้อย
“ค่ายกลกระบี่จื่อชิง จัดการมัน ! ”
“ค่ายกลป้องภูผา จัดการมัน ! ”
“กระบี่เทพจื่อชิง สังหารมัน ! ”
สวีฉิงเทียนเค้นพลังลมปราณของตนเองจนถึงจุดสูงสุด ก่อนจะคำรามและยกกระบี่เทพจื่อชิงในมือขึ้น
ทันใดนั้นมังกรกระบี่ที่เกิดจากการผสานของกระบี่โบราณมากมาย รวมทั้งมีเสียงพิณชิงเสวียนช่วยส่งเสริมก็ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
ด้วยแรงเสริมจากค่ายกลป้องภูผา กระบี่เทพจื่อชิงที่ฟันฟาดจนเกิดเป็นไอกระบี่จื่อชิงสายหนึ่ง ราวกับลำแสงที่ไร้เทียมทานออกมา
“เปรี้ยง ! ”
“เปรี้ยง ! ”
“เปรี้ยง ! ”
วินาทีนั้นไอกระบี่สีเขียวอันทรงพลัง และมังกรกระบี่ก็ปะทะกันภายในพริบตา
อึดใจต่อมาท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสี เกิดรอยแยกขึ้นกลางอากาศ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับท้องฟ้าแยกออกจากกัน ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้านและตื่นตระหนกจนถึงที่สุด
ขณะเดียวกันภาพที่น่าเหลือเชื่อภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
มังกรกระบี่ที่เกิดจากการผสานของกระบี่โบราณมากมายจู่ ๆ ก็แตกสลาย กระบี่โบราณพลันแตกหักแทบจะพร้อม ๆ กัน
ทว่ากระบี่ที่ซือถูเจิ้นผิงฟันลงมานั้นกลับมิได้มีท่าทีจะหยุดลงแม้แต่น้อย
ดูก็รู้ว่ากระบี่ของซือถูเจิ้นผิงนั้นทรงพลังและน่ากลัวมากเพียงใด !
ในตอนนั้นเองไอกระบี่อันแข็งแกร่งทั้งสองก็เกิดการปะทะกันอีกครั้ง
เนื่องด้วยไอกระบี่ทั้งสองเกิดจากกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด วินาทีที่ไอกระบี่ทั้งสองเข้าปะทะกันนั้น จึงเกิดแรงต้านและนิ่งค้างอยู่เช่นนั้น
แต่พลังปราณอันน่ากลัวกลับทำให้เกิดระลอกคลื่นขึ้นกลางอากาศโดยรอบ จนเกิดเป็นสะเก็ดดาวอันเจิดจ้ามากมายราวกับพลุที่ถูกจุดขึ้นมา
“สูด ! ”
ทันทีที่เห็นภาพนี้มิว่าจะเป็นผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง หรือว่าเหล่าศิษย์มากมาย ต่างก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ด้วยความหวาดหวั่น
‘นี่คือ… ต้านทานสำเร็จแล้วงั้นหรือ ? ’
‘ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ถึงระดับสูงสุดผู้นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก’
‘กระบี่นี้สามารถทำลายค่ายกลกระบี่จื่อชิงได้ อีกทั้งยังต้านทานกระบี่เทพจื่อชิงที่ได้รับแรงเสริมจากค่ายกลป้องภูผาได้อีกด้วย’
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’
‘แต่ปัญหาก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงไปล่วงเกินยอดฝีมือเช่นนี้เข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ? ’
‘หรือว่าจะเป็นบรรพจารย์ท่านใดท่านหนึ่ง ? ’
‘เป็นไปมิได้ ! ’
‘ที่ผ่านมาดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเคารพกฏที่ว่า ดีมาก็ดีไป ร้ายมาก็ร้ายตอบ’
‘แม้จะเป็นเหล่าบรรพจารย์ผู้ล่วงลับก็มิมีทางล่วงเกินผู้บำเพ็ญเพียร หรือสำนักบำเพ็ญเพียรอื่นง่าย ๆ เป็นแน่’
จนเวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ
ภาพที่ทำให้ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังก็บังเกิดขึ้น
พลังของไอกระบี่จื่อชิงก็เริ่มต้านมิไหว
“เปรี้ยง ! ”
จากนั้น หลังจากเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ไอกระบี่จื่อชิงก็ลดลงไปหนึ่งเชียะ ส่วนไอพลังอันรุนแรงที่พุ่งไปทุกทิศทุกทางเมื่อครู่กลับสลายไป
“หา ! ”
ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงทั้งหลายต่างก็แข็งค้างราวกับหิน ท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและสิ้นหวังอย่างที่สุด
ทว่าเจ้าสำนักอย่างสวีฉิงเทียนกลับยังคงยืนนิ่ง และมิแสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา
ทว่าแม้จะมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา สวีฉิงเทียนกลับเริ่มสงสัยว่าภาพอักษรพู่กันที่ผู้อาวุโสเย่มอบให้จะสามารถต้านทางพลังกระบี่อันรุนแรงต่อจากนี้ได้จริงหรือ ?
‘แข็งแกร่งยิ่งนัก ! ’
‘ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! ’
‘เกรงว่าคงมีเพียงผู้อาวุโสเย่อยู่ตรงนี้เท่านั้น จึงจะสามารถต้านทานคนผู้นี้ได้ ! ’
“สูด ! ”
ในวินาทีที่ไอกระบี่สีเขียวที่ห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณอันน่ากลัว รวมทั้งพลังอันดุดันฟันลงมานั้น
มือทั้งสองข้างของสวีฉิงเทียนก็ได้ยกภาพอักษรพู่กันขึ้น จากนั้นก็ค่อย ๆ กางออก
กลิ่นบุปผาทั่วห้องมอมเมาแขกเหรื่อ กระบี่คมกวัดแกว่งไปทั่วทั้งสิบสี่แคว้น
ทันใดนั้นตัวอักษรโบราณเหล่านั้นก็หันไปทางซือถูเจิ้นผิงที่อยู่มิไกลนัก
แต่มิรู้ด้วยเหตุใด
แม้สุดท้ายสวีฉิงเทียนจะยกภาพอักษรพู่กันที่แฝงเจตจำนงแท้จริงของกระบี่นับอนันต์ภาพนี้ขึ้น เพื่อต้านทานไอกระบี่อันทรงพลังแล้ว
ทว่าภาพอักษรพู่กันกลับมิมีสิ่งใดเกิดขึ้น หรือพลังปราณปะทุออกมาเลย
‘นี่มันอะไรกัน ? ’
‘หรือว่าวันนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงจะถึงกาลอวสานแล้วจริง ๆ ? ’
‘เป็นไปมิได้ ! ’
‘เป็นไปมิได้เด็ดขาด ! ’
“ผู้อาวุโสเย่ ขอได้โปรดช่วยดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงด้วยขอรับ ! ”
สวีฉิงเทียนหลับตาลงเมื่อไอกระบี่สีเขียว อยู่ห่างออกไปเพียงมิกี่เชียะ
แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความผิดหวังและอดมิได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งกาย แต่สุดท้ายเขาก็ยังเอ่ยคำขอร้องออกมา
และแล้วในวินาทีที่ที่ไอกระบี่สีเขียวอันทรงพลังมิมีสิ่งใดเทียบเคียงได้ เข้าใกล้ภาพอักษรพู่กันนั้น
ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น
ไอกระบี่อันไร้เทียมทานกลับสลายหายไปในอากาศ !
‘นี่มันอะไรกัน ? ’
‘ไอกระบี่ที่กำลังทำลายล้างทุกสิ่งเล่า ? ’
ฉับพลันทุกคนต่างก็อยู่ในความสงบ
แน่นอนว่าผู้ที่งุนงงที่สุดย่อมหนีมิพ้นบรรพจารย์วิถีกระบี่ซือถูเจิ้นผิงนั่นเอง
‘ไอกระบี่ของข้าเล่า ? ’
‘ถูกกลืนกินไปหรือเยี่ยงไร ? ’
‘ภาพอักษรพู่กันภาพนี้เป็นของผู้ใดกันแน่ นี่มันค่ายกลเช่นไรกันถึงได้พิสดารเช่นนี้ ? ’
ทุกอย่างเงียบสงบลงภายในชั่วพริบตา
บนภาพอักษรพู่กันที่ขวางหน้าของสวีฉิงเทียนเอาไว้ ได้ปล่อยจิตกระบี่มหาศาลออกมา
ขณะเดียวกันไอกระบี่ที่ดูธรรมดาสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ซือถูเจิ้นผิง !