ตอนที่ 198 คำขอร้องของซือถูเจิ้นผิง
เมื่อเห็นไอกระบี่ที่ดูธรรมดานี้พุ่งเข้ามา
เดิมซือถูเจิ้นผิงหาได้ใส่ใจไม่
แต่ในขณะที่ไอกระบี่นี้ อยู่ห่างจากเขาเพียงมิกี่จั้งนั้น
เขาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง จนอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น พลางกระชับกระบี่สัมฤทธิ์ในมือ
ทว่าวินาทีต่อมา เมื่อไอกระบี่ใกล้จะถึงตัวของเขานั้น
เขาก็ต้องเบิกตาโพลง สีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความตื่นตระหนก ท่าทางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจตจำนงแท้จริงของกระบี่งั้นหรือ ไอกระบี่นี่แฝงเอาไว้ด้วยเจตจำนงแท้จริงของกระบี่เยี่ยงนั้นหรือ ! ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของซือถูเจิ้นผิง
จู่ ๆ พลังของไอกระบี่ที่ดูบางเบาและธรรมดานี้กลับเพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่ภายในรัศมีหนึ่งร้อยจั้งกลายเป็นแดนกระบี่ในพริบตา
“ตูม ! ”
หลังเสียงดังสนั่นหวั่นไหวผ่านพ้นไป
ภายในรัศมี 100 จั้ง
ไอกระบี่ที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังและอำนาจในการทำลายล้าง ก็พุ่งเข้าโจมตีซือถูเจิ้นผิง
“ไอกระบี่นี้เป็นของผู้ใดกันแน่ การกระทำเช่นนี้ช่างไร้จรรยาบรรณสิ้นดี ! ”
ซือถูเจิ้นผิงคำรามกึกก้อง เพียงพริบตาพลังลมปราณของเขาก็พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด
ขณะเดียวกันก็ได้ปลุกพลังวิญญาณภายในร่างขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้พลังปราณรอบกายปะทุออกมา
เพียงชั่วประกายไฟ เขาก็ยกกระบี่สัมฤทธิ์ในมือขึ้นขวางหน้าเอาไว้ เวลานี้เขาทำได้เพียงฝืนต้านทานไอกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวนี้เอาไว้เท่านั้น
“เคร้ง ! ”
วินาทีที่ไอกระบี่เข้าปะทะกับกระบี่สัมฤทธิ์ก็ได้เกิดประกายไฟขึ้น จนเกิดแรงสั่นสะเทือนกลายเป็นคลื่นในอากาศ
หลังจากผ่านไปชั่วอึดใจ
ซือถูเจิ้นผิงก็มีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาทันที จากนั้นร่างทั้งร่างพลันไถลออกไปไกลร้อยลี้ราวกับว่าวที่เชือกขาดก็มิปาน
‘นี่มัน ? ’
‘ไอกระบี่นี้ ? ’
‘ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ! ’
‘สามารถทำให้ยอดผู้แข็งแกร่งที่บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่จนถึงขั้นสูงสุดถอยไปไกลนับร้อยลี้ได้’
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’
ทันทีที่เห็นภาพอันน่ากลัวตรงหน้า มิว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือว่าศิษย์ที่อยู่ด้านล่างของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง
วินาทีนี้ต่างก็แข็งค้างราวกับหินด้วยความตกใจ
หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ครู่ใหญ่ ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงก็เกิดความโกลาหลขึ้น
“ตบะบารมีของผู้อาวุโสเย่ยังเหนือกว่าบรรพจารย์วิถีกระบี่ผู้นี้อีกงั้นหรือ”
“คาดมิถึงว่าโลกใบนี้จะมีคนที่เก่งกาจเช่นผู้อาวุโสเย่อยู่อีก น่าเหลือเชื่อ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ”
“บรรพจารย์ท่านนี้บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่จนถึงขั้นสูงสุด แต่ว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้มีความแตกฉานในวิถีกระบี่ขนาดไหนกัน เพียงแค่ไอกระบี่ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายล่าถอยไปนับร้อยลี้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ! ”
“ผู้อาวุโสเย่ช่างเป็นผู้ที่มีเมตตายิ่งนัก มิเพียงมอบวาสนาอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ให้แก่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง แต่ยังมอบสุดยอดท่าไม้ตายให้แก่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงอีกด้วย”
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าคิดว่าพวกเราควรสร้างร่างทองของผู้อาวุโสเย่ในหอบรรพบุรุษ สร้างป้ายบูชาให้แก่ผู้อาวุโสเย่ มิว่าจะผู้อาวุโสหรือศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงล้วนควรที่จะไปกราบไหว้บ่อย ๆ ขอรับ”
“ใช่แล้ว ท่านเจ้าสำนักข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
ขณะที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวก
ซือถูเจิ้นผิงที่ถอยไปไกลนับร้อยลี้ เพื่อหนีจากไอกระบี่อันน่ากลัวนั้น
เวลานี้กลับมีใบหน้าซีดเผือด มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนงุนงงก็คือ
ซือถูเจิ้นผิงแม้สภาพจะดูสะบักสะบอม แต่ท่าทางของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและยินดี
ราวกับคนที่พยายามดิ้นรนจากความตาย ได้พบฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเอาไว้ก็มิปาน
“คาดมิถึงว่าโลกนี้จะมีผู้ที่มีความแตกฉานในวิถีกระบี่ที่ร้ายกาจเพียงนี้ ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ ! ”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของซือถูเจิ้นผิงยกยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะหัวเราะอย่างคนบ้าคลั่ง
แต่ในตอนนั้นเองเหมือนเขาจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จนอดมิได้ที่จะเบิกตาโพลงใบหน้าพลันซีดขาว
‘ไอพลังที่เหมือนกัน ! ’
‘ไอกระบี่ที่ดูธรรมดาอีกเล่มหนึ่ง ! ’
‘มิใช่ ! ’
‘ครานี้มิใช่ไอกระบี่แค่หนึ่งเล่ม แต่เป็นสองเล่ม ! ’
“สูด ! ”
ซือถูเจิ้นผิงสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก แผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเพราะความตื่นเต้น
หากเป็นไอกระบี่หนึ่งเล่ม เขาอาจจะยังพอฝืนรับได้
แต่หากสองเล่มล่ะก็ เกรงว่าเขาจะต้องบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน !
“เจ้าสำนักจื่อชิง รีบยั้งมือเร็วเข้า ข้าคือศิษย์รุ่นที่ห้าของนิกายหมื่นกระบี่ ซือถูเจิ้นผิง ! ”
ซือถูเจิ้นผิงสื่อสารทางจิตด้วยความสิ้นหวัง ‘ไอกระบี่นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก หากไอกระบี่สองเล่มโจมตีพร้อมกัน แม้แต่ข้าก็มิอาจต้านทานได้ ! ’
สวีฉิงเทียนผงะไปทันทีที่ได้ยิน
‘ศิษย์รุ่นที่ห้าของนิกายหมื่นกระบี่ ? ’
บรรพจารย์วิถีกระบี่เช่นนี้ย่อมต้องเป็นสุดยอดบรรพบุรุษของนิกายหมื่นกระบี่อย่างมิต้องสงสัย
แล้วใครให้เจ้ามาวางอำนาจที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของข้าเล่า ?
อีกทั้งไอกระบี่นี้ยังเกิดจากการประสานกันของเจตนาแท้จริงของกระบี่ภายในภาพอักษรพู่กัน มิมีผู้ใดรู้ว่าควรจะหยุดเช่นไร !
ตอนนั้นเอง
“เจ้าสำนักจื่อชิง ได้โปรดยั้งมือด้วย ! ”
ซือถูเจิ้นผิงเอ่ยขอร้องขึ้นอีกครา
สวีฉิงเทียนมุมปากกระตุกอย่างห้ามมิได้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจนใจ
ความจริงแล้วเขาเองก็มิรู้จริง ๆ ว่าจะต้องหยุดไอกระบี่นี้เช่นไร
เขารู้ดีว่าสำนักบำเพ็ญเพียรทั้งหลายในจงหยวนสมัครสมานสามัคคีกันเรื่อยมา แม้จะเกิดกระทบกระทั่งกันบ้างระหว่างสำนัก ทว่ายังมิเคยมีผู้ใดกล้าที่จะฉีกหน้าจนถึงขั้นแตกหักเช่นนี้มาก่อน
แต่หากบรรพจารย์แห่งนิกายหมื่นกระบี่ท่านนี้ เกิดเป็นอะไรไปที่นี่
เช่นนั้นภายภาคหน้านิกายหมื่นกระบี่จะต้องสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเป็นแน่
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สวีฉิงเทียนก็รีบเอาภาพอักษรพู่กันในมือลง
ขณะเดียวกันด้วยแรงของพลังปราณ จึงทำให้อักษรพู่กันกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมเหมือนก่อนหน้านี้อีกครา
เพียงพริบตาพลังแห่งวิถีกระบี่ก็แผ่ออกมาอีกครา
ไอกระบี่ทั้งสองเล่มที่อยู่ห่างจากซือถูเจิ้นผิงเพียงร้อยจั้งพลันสลายหายไป
เมื่อซือถูเจิ้นผิงจะสัมผัสได้ว่าพลังโจมตีของไอกระบี่ทั้งสองเล่มค่อย ๆ ลดลงจนมลายหายไปในที่สุด เขาจึงค่อย ๆ ลดความตึงเครียดลง
วินาทีนี้
หากมิใช่เพราะอยู่ต่อหน้าคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงแล้วล่ะก็ เขาอยากจะพุ่งตัวลงไปทรุดลงกับพื้นให้รู้แล้วรู้รอด
ไอกระบี่ทั้งสองเล่มนี้ช่างมีแรงกดดันมากมายเหลือเกิน
หลังจากที่ได้สติ ดวงตาของซือถูเจิ้นผิงพลันเป็นประกายวาววับ ก่อนจะหายตัวและปรากฏตัวขึ้นอีกครา ยังเบื้องหน้าของเหล่าผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงภายในพริบตา
“ทุกท่าน ตัวข้านั้นเข้าฌานมานับพันปี ก่อนหน้านี้เพียงแค่เกิดความรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา จึงมีความคิดที่อยากจะประลองกระบี่ด้วย ขอทุกท่านโปรดอย่าได้ถือโทษกันเลยนะ”
ซือถูเจิ้นผิงมีท่าทีอ่อนลง ก่อนจะกวาดตามองทุกคนพลางเอ่ยออกมาด้วยความกระดากอาย
“สวีฉิงเทียนคารวะผู้อาวุโส”
สวีฉิงเทียนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะประสานมือคาราวะซือถูเจิ้นผิงด้วยรอยยิ้มแห้งผาก
คนทั้งคู่ต่างก็สบตากันเล็กน้อย ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นอย่างห้ามมิได้
‘เกิดความรู้สึกสนใจ ? ’
‘ประลองกระบี่ ? ’
‘ท่านเล่นใหญ่เกินไปหน่อยกระมัง ? ’
‘ใครมิรู้คงคิดว่าท่านต้องการที่จะทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงให้สิ้นซาก’
แม้ทุกคนต่างคิดเช่นนั้น แต่บรรพจารย์แห่งนิกายหมื่นกระบี่ท่านนี้เยี่ยงไรเสียก็เป็นผู้อาวุโสแห่งวิถีกระบี่ ทุกคนจึงจำต้องคารวะตามมารยาท
“ผู้น้อยคารวะผู้อาวุโส”
ซือถูเจิ้นผิงเมื่อเห็นท่าทางนอบน้อมของเหล่าผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนเอ่ยว่า “เจ้าสำนักจื่อชิง มิทราบว่าข้าขอคุยด้วยสักครู่ได้หรือไม่ ? ”
สวีฉิงเทียนลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้ารับเบา ๆ
มินานทั้งสองก็แยกตัวมายังตำหนักโบราณหลังหนึ่ง
“เจ้าสำนักจื่อชิง ข้ามิใช่คนที่ชอบอมพะนำ ข้าขอเรียนท่านตามตรงเลยก็แล้วกันนะ”
ซือถูเจิ้นผิงเอ่ยกับสวีฉิงเทียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยท่าทางจริงจัง
สวีฉิงเทียนจึงพยักหน้าให้ “ผู้อาวุโสเชิญกล่าวมาได้เลย”
“ข้าขอบอกเจ้าตามตรง”
ซือถูเจิ้นผิงจึงเอ่ยออกมาทันทีว่า “ที่ข้าออกฌานมานั้นก็เพราะใกล้ถึงขีดจำกัดของข้าแล้ว หากภายในสองปีนี้ความเข้าใจในวิถีกระบี่ของข้ายังมิเกิดการบรรลุอีก เกรงว่าคงต้องละสังขารเป็นแน่”
“ห๊ะ ? ! ”
สวีฉิงเทียนตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน
‘สาเหตุที่บรรพจารย์วิถีกระบี่แห่งนิกายหมื่นกระบี่ท่านนี้ออกจากฌาน เป็นเพราะใกล้จะถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วหรอกหรือนี่ ! ’
‘บัดนี้จักรพรรดิเผ่ามารตนนั้นก็ใกล้จะตื่นขึ้นแล้ว จงหยวนอยู่ในยามคับขันที่ต้องการยอดฝีมือเช่นนี้ แต่เขากลับใกล้จะถึงขีดจำกัดของตัวเองเช่นนั้นหรือ ? ’
‘ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ! ’
สวีฉิงเทียนคิดได้เช่นนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “ผู้อาวุโส ท่านต้องการสิ่งใดได้โปรดบอกเถิด ผู้น้อยจะพยายามช่วยท่านอย่างเต็มที่ขอรับ”
ซือถูเจิ้นผิงพยักหน้าให้ด้วยความยินดี “เจ้าสำนักจื่อชิง ข้าต้องการที่จะบำเพ็ญเพียรใต้ภาพอักษรพู่กันของเจ้า”
สวีฉิงเทียนผงะไปทันที ก่อนเอ่ยอย่างอึกอัก “ผู้อาวุโส นี่มัน…”
“เจ้าสำนักจื่อชิง เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”
ซือถูเจิ้นผิงลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าขอบำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ภาพอักษรพู่กัน เพื่อทำความเข้าใจสักช่วงหนึ่ง มิว่าข้าจะบรรลุได้หรือไม่ ก่อนจะจากไป ข้าจะทิ้งเคล็ดกระบี่ขั้นสูงเอาไว้ให้หนึ่งเล่ม ท่านเห็นเป็นเช่นไร ? ”
สวีฉิงเทียนนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าให้ “ผู้อาวุโส ข้าตกลงขอรับ”