ตอนที่ 950 จากต้นจนจบ
ฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่ด้านบนเป็นเวลาเนิ่นนานเลยทีเดียว
มิมีผู้ใดทราบว่าเขามองเห็นสิ่งใด เนื่องจากมิมีผู้ใดกล้าขึ้นไป
ฟู่เสี่ยวกวนสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “จงเรียกหนานกงอี้หยู่เข้ามา เร็วเข้า ! ”
หนานกงอี้หยู่มิรู้ว่าด้านในเกิดเรื่องอันใดขึ้น เมื่อเขาได้รับคำสั่งจากฟู่เสี่ยวกวนก็รีบวิ่งเข้าไปทันที
“ท่านขึ้นมาสิ”
“กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เร็วเข้า ! ”
หนานกงอี้หยู่รีบปีนขึ้นไปด้านบน เมื่อมองตรงไปด้านหน้าเขาก็ต้องชะงักงันทันใด
“นี่ นี่คือ…”
“เป็นเขาใช่หรือไม่ ? ”
“ใช่ ! ใช่พ่ะย่ะค่ะ ใช่แน่นอน ทว่าว่าเขา…”
“มีสิ่งใดผิดปกติเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“มองดูแล้วสภาพพระศพยังดีอยู่ น่าจะเพิ่งสิ้นพระชนม์ได้เพียงมิกี่วันพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วเข้าหากัน “เรียกสนมเหยียนเข้ามา ! ”
สวี่ซินเหยียนรีบวิ่งเข้ามาทันใด
“ขึ้นมาเถิด… ช่วยข้าดูหน่อยว่าเขาได้แปลงโฉมหรือไม่ ? ”
สวี่ซินเหยียนพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นเวลากว่าครึ่งก้านธูป ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ
ฟู่เสี่ยวกวนจึงถอดใจในทันที ศพบิดาที่หายไปในเมืองเป่ยจวิ้นสามารถบินกลับมาได้แม้ไร้ปีกเยี่ยงนั้นหรือ
โจวถงถง !
แล้วโจวถงถงเข้ามาในนี้ได้เยี่ยงไร ?
“เจิ้นคิดว่า จักรพรรดิพระเจ้าหลวงและไทเฮาทรงแยกจากกันเป็นเวลานาน จึงมีความคิดถึงกันยิ่งนัก บัดนี้ทั้งสองได้สิ้นพระชนม์ลงแล้ว พวกเราควรจัดการฝังพระศพไว้ด้วยกันเพื่อชดเชยให้กับพวกเขาทั้งสองพระองค์ ! ”
……
……
ณ กวนหยุนถาย
โคมไฟยังคงส่องสว่าง
หลิวจิ่นชงชาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็แอบชายตามององค์จักรพรรดิ
นับตั้งแต่กลับมาจากสุสานจักรพรรดิในวันนี้ สีพระพักตร์ก็มิน่ามองสักเท่าใดนัก เมื่อเสด็จกลับพระราชวังจนถึงบัดนี้ อย่าว่าแต่เสวยอันใดเลย เพราะพระองค์ทรงตรัสเพียงประโยคเดียวเท่านั้นว่า “จงนำตัวโจวถงถงไปพบข้าที่กวนหยุนถาย ! ”
เมื่อหลิวจิ่นได้นำพระราชโองการขององค์จักรพรรดิไปยังกรมราชทัณฑ์ จึงได้พบศพของโจวถงถงอยู่กลางห้องคุมขังนั้น
โจวถงถงปลิดชีพของตนเอง !
เขาทิ้งจดหมายไว้ให้ฝ่าบาทหนึ่งฉบับ
มิรู้ว่าในจดหมายเขียนสิ่งใดเอาไว้ รู้เพียงแค่ว่าหลังจากที่ฝ่าบาททอดพระเนตรจดหมายฉบับนั้นแล้ว ก็ได้เสด็จมายังกวนหยุนถายทันที บัดนี้ทะเลหมอกได้จางหายไปแล้ว ดวงดาราบนท้องนภามิปรากฎออกมาให้เห็น ทว่าฝ่าบาทยังคงทอดพระเนตรอยู่อย่างนั้น ดูเหมือนยังมิประสงค์เสด็จกลับวัง
เมื่อยามเดินทางมาค่อนข้างเร่งรีบ ฝ่าบาทยังมิได้เสวยมื้อค่ำ ข้าควรจัดหาอาหารว่างให้ฝ่าบาทสักหน่อยดีหรือไม่ ?
หลิวจิ่นครุ่นคิดอยู่ในใจ จากนั้นก็ทูลถามด้วยความระมัดระวังว่า “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งนึกได้ว่ายังมีอาหารว่างอยู่เล็กน้อย จะให้กระหม่อมไปนำมาสักหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
แรกเริ่มฟู่เสี่ยวกวนดูเหมือนจะมิได้ยิน ทว่าเมื่อผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เอ่ยออกมาว่า “ไปนำมา ! ”
ในขณะที่หลิวจิ่นกำลังลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เอ่ยออกมาว่า “ประเดี๋ยวก่อน…เจ้าจงกลับไปยังวังหลวงแล้วบอกกับจักรพรรดินีว่า ให้นางเดินทางกลับเมืองจินหลิงเพื่อไปทำการสักการะบิดามารดาเสีย ส่วนพระสนมนางอื่น ๆ หากยินดีเดินทางไปยังเมืองจินหลิงก็ย่อมได้”
หลิวจิ่นชะงักทันใด เพราะนี่มิถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติ !
จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์อู๋เพิ่งเสด็จกลับจากสุสานจักรพรรดิเข้าสู่พระราชวัง พวกนางคือจักรพรรดินีและนางสนมผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์อู๋ ตามกฎก่อนหน้านี้พวกนางต้องสวมชุดไว้ทุกข์อยู่ที่ราชวงศ์อู๋เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนและต้องไปยังสุสานเพื่อบูชาตลอดเจ็ดวันแรก จากนั้นให้เผากระดาษบูชาอีกร้อยวัน
“ทูลฝ่าบาท เอ่อคือ…ควรรอให้ถึง 3 เดือนก่อนมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ? ” หลิวจิ่นทูลเตือนเนื่องจากเกรงว่าบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่จะมีข้อคิดเห็นขัดแย้ง
ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือพลางเอ่ยว่า “มิเป็นไร เจ้าไปเถิด…”
หลิวจิ่นจึงหันหลังกลับไป ฝ่ายฟู่เสี่ยวกวนหยิบจดหมายของโจวถงถงขึ้นมาแล้วอ่านท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองนวลอีกครา
‘กระหม่อม นักโทษโจวถงถง ขอคารวะฝ่าบาท !
คราแรกที่กระหม่อมได้พบกับฝ่าบาท เมื่อยามที่อยู่ในเมืองกวนหยุน เวลานั้นฝ่าบาททรงมีพลังมุ่งมั่นยิ่ง ทั้งยังได้รับความชื่นชมจากจักรพรรดิพระองค์ก่อนมิน้อย
จักรพรรดิพระองค์ก่อนได้หารือกับกระหม่อมเป็นเวลาเนิ่นนานกว่าจะทรงตัดสินพระทัยให้ฝ่าบาทเสด็จกลับมายังราชวงศ์อู๋
ทว่าการปกครองทางการเมืองของราชวงศ์อู๋แสนซับซ้อน อีกทั้งตัวตนของไทเฮาซียังมิถูกเปิดเผย จักรพรรดิพระองค์ก่อนจึงทรงกังวลเสียเหลือเกินว่าฝ่าบาทจะถูกนางลอบทำร้าย
จักรพรรดิพระองค์ก่อนจึงใช้ตัวตนของฝ่าบาทหลอกล่อเซียวเฉียงให้ลงมือ ทรงปลดองค์รัชทายาทและปลดจักรพรรดินี ทั้งนี้ก็เพื่อปูทางให้ฝ่าบาทกลับมายังราชวงศ์อู๋ได้อย่างราบรื่น
ถึงเยี่ยงไรจักรพรรดิพระองค์ก่อนก็ทรงเป็นโอรสของไทเฮาซี ในฐานะบุตรคนหนึ่งจึงยากที่จะลงมือต่อมารดา
พระองค์ทรงลังเลเรื่องนี้อยู่เนิ่นนาน ในที่สุดจากที่กระหม่อมได้เกลี้ยกล่อมอยู่เนิ่นนาน จึงวางแผนการหิมะถล่มครานั้นขึ้นมา
พระประสงค์เดิมของจักรพรรดิพระองค์ก่อนคือให้เกาเสี่ยนทำให้หิมะลูกนั้นให้ถล่มลงมา จากนั้นก็ใช้ข้ออ้างนี้แสร้งว่าสวรรคต หากเป็นเช่นนี้ราชวงศ์อู๋ก็จะไร้ซึ่งผู้นำ ท้ายที่สุดไทเฮาซีก็จะเผยตัวตนออกมา แน่นอนว่าจัวเปี๋ยหลีต้องจัดการนางอยู่แล้ว
ทว่าสิ่งที่มิคาดคิดคือหิมะถล่มลงมาหนักกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ส่งผลให้จักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงได้รับบาดเจ็บสาหัส
แผนการหิมะถล่มครานั้น กระหม่อมเป็นผู้คิดขึ้นมาเอง ทว่ากระหม่อมมิอาจควบคุมมันได้ ส่งผลให้จักรพรรดิพระองค์ก่อนต้องตกอยู่ในอันตรายและนี่คือเหตุผลที่กระหม่อมสมควรตายประการที่หนึ่ง
สุ่ยหยุนเจียนมิอาจรักษาอาการบาดเจ็บของจักรพรรดิพระองค์ก่อนได้ จึงแนะนำให้เสด็จไปยังแคว้นฝานเพื่อเข้ารับการรักษาด้วยกำลังภายในจากฝานอู๋เซียงหัวหน้านิกายฝูประจำวัดป๋ายหม่า ในขณะนั้นฝ่าบาทกำลังทำสงครามกับแคว้นฮวงและจักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงประสงค์อยากรู้ว่าฝ่าบาทจะสู้กับชาวฮวงได้หรือไม่ หลังจากได้รับคำแนะนำจากสุ่ยหยุนเจียนและการจัดการจากกระหม่อมอย่างลับ ๆ จึงได้เดินทางไปวัดป๋ายหม่าในที่สุด
ต่อจากนั้นฝ่าบาทก็ได้รับชัยชนะในการทำสงครามซึ่งทำให้จักรพรรดิพระองค์ก่อนชื่นพระทัยมากยิ่งนัก หลังจากที่ฝ่าบาทกลับมายังราชวงศ์อู๋ก็ได้ใช้เวลาเพียง 1 ปีทำให้ราชวงศ์อู๋พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด จักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงพอพระทัยมากขึ้นกว่าเดิม
รัชสมัยเทียนเต๋อปีที่สอง ฤดูใบไม้ผลิ อาการบาดเจ็บของจักรพรรดิพระองค์ก่อนทรุดหนักกว่าเดิม กระหม่อมจึงเดินทางไปยังแคว้นฝาน เดิมทีต้องการไปดูอาการของพระองค์เท่านั้น ทว่าคาดมิถึงว่าจะได้สนทนากับพระองค์อยู่นานถึงหนึ่งคืนเต็ม
จักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงตรัสว่าความทะเยอทะยานของฝ่าบาทเท่ากับผืนปฐพีอันกว้างใหญ่นี้ พระองค์ยังตรัสอีกว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันก็จะเห็นได้ว่า หากรวมราชวงศ์อู๋เข้ากับอีกสามอาณาจักรคงจะรุ่งเรืองมิน้อย ซึ่งกระหม่อมเองก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นจักรพรรดิพระองค์ก่อนจึงตัดสินพระทัยว่าจะใช้ความยิ่งใหญ่ของฝ่าบาทรวบรวมสี่อาณาจักรให้เป็นหนึ่งเดียวและวางรากฐานเสียใหม่ !
ในตอนนั้นกระหม่อมตื่นเต้นมากยิ่งนัก จึงมิได้เข้าขัดขวางความคิดใหญ่โตนี้ และนี่คือเหตุผลที่กระหม่อมสมควรตายประการที่สอง
ในราตรีนั้น จักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงเบิกบานยิ่งนัก ทรงตรัสออกมามากมายจนฟ้าสาง เมื่อเสียงฟ้าผ่าในฤดูใบไม้ผลิดังขึ้น จักรพรรดิพระองค์ก่อนก็ทรงกระอักโลหิตออกมาถึงสามครา จึงเรียกแผนนี้ว่าแผนการชุนเหลยหรือแผนการฟ้าผ่าในฤดูใบไม้ผลินั่นเอง
บัดนี้เมื่อตริตรองดูแล้ว แม้ว่าจักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงวางแผนนี้มาเนิ่นนาน ทว่าก็ยังมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นอยู่อีก
รัชสมัยเทียนเต๋อปีที่สอง กระหม่อมและจักรพรรดิพระองค์ก่อนพยายามแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้ จี้หยุนกุยก็ได้เข้าร่วมวางแผนนี้ด้วยเช่นกัน แผนการชุนเหลยจึงถูกขยายออกไปในแผนการตื่นจากจำศีลของจี้หยุนกุย
จักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงจริงจังมุ่งมั่นต่อเรื่องนี้มากยิ่งนัก ทรงตรัสว่าเป็นเรื่องสุดท้ายที่พระองค์จะทำให้ฝ่าบาทได้ จากนั้นจักรพรรดิพระองค์ก่อนก็ทรงกระอักโลหิตออกมาจากภายใน ร่างกายค่อย ๆ อ่อนแรงดุจตะเกียงไร้น้ำมัน
ทว่าจักรพรรดิพระองค์ก่อนก็ยังคงยืนหยัดอดทน เนื่องจากแผนการขั้นสุดท้ายของชุนเหลยยังมิได้ตัดสินใจว่าฟ้าจะผ่าลงที่ใด จนกระทั่งรัชศกเทียนเต๋อปีที่สาม เดือนหนึ่ง วันที่สิบห้า พระองค์จึงตัดสินพระทัยให้ฟ้าผ่าที่เมืองเปียนเฉิง
และนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดจี้หยุนกุยถึงเชิญฝ่าบาทเสด็จไปยังเมืองเปียนเฉิงและจับตัวหยูเวิ่นเต้าไว้ที่นั่น
นี่คือเหตุผลที่กระหม่อมสมควรตายประการที่สาม เพราะกระหม่อมมิรู้อย่างแท้จริงว่าไทเฮาเสด็จไปยังแคว้นฝาน กระหม่อมมิรู้ว่าฝานอู๋เซียงเคยไปที่สำนักเต๋า เป็นเพราะความประมาทของกระหม่อมจึงทำให้ไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์ลงที่เมืองเปียนเฉิง กระหม่อมสมควรตายอย่างแท้จริง !
ทั้งชีวิตของกระหม่อมได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิเหวิน จักรพรรดิอู๋และฝ่าบาท ทว่ากระหม่อมมิสามารถปกป้องจักรพรรดิพระองค์ก่อนและไทเฮาได้ กระหม่อมรู้สึกเจ็บปวดใจมากยิ่งนัก คงมีเพียงความตายเท่านั้นที่จะช่วยให้กระหม่อมตามไปรับใช้จักรพรรดิพระองค์ก่อนและไทเฮาได้ และเพื่อเป็นการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาท
ลงนาม นักโทษโจวถงถง ! ’
โจวถงถงตายแล้ว ในใจลึก ๆ ของฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกโศกเศร้ามากยิ่งนัก
ตอนนั้นบิดาอ้วนเอ่ยว่า ในราชวงศ์อู๋มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่เชื่อถือได้และหนึ่งในนั้นก็คือโจวถงถง
ทว่าเพราะความมิมั่นคงในใจของตนเอง จึงทำให้เกิดความสงสัยและมองอีกฝ่ายเป็นกบฏ
บัดนี้เมื่อลองครุ่นคิดดูดี ๆ แล้ว จึงได้รู้ว่าการที่โจวถงถงปกปิดรายงานเหล่านั้นก็เพื่อมิให้เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ขึ้นมา เพื่อทำให้แผนการชุนเหลยสำเร็จโดยสมบูรณ์จึงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้…
หากสามารถปกปิดข้าได้ แน่นอนว่าย่อมปกปิดศัตรูได้เช่นกัน
บิดาผู้ซึ่งรู้ดีว่าชีวิตกำลังดำเนินมาถึงจุดจบ เป็นผู้วางแผนการทั้งหมดนี้ด้วยตนเอง !
แผนการทุกอย่างนี้มีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวก็คือ…รวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง !
สิ่งเหล่านี้ก็เคยเป็นความต้องการของตนเช่นกัน
บัดนี้การรวมผืนปฐพีให้เป็นหนึ่งเดียวใกล้จะสำเร็จแล้ว ทว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับมิได้ยินดีสักเท่าใดนัก
อำนาจและความยิ่งใหญ่เหล่านี้สำคัญจริงหรือ ?
การที่พวกท่านมีชีวิตอยู่ต่างหากจึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด !