เจียงป่าวชิงไม่ค่อยกลัวกู่ฟู่กุ้ยเท่าไหร่นัก บนตัวของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นสาบโจรและมีกลิ่นอายในแบบของคนดุร้ายมากแผ่ออกมา แต่สำหรับผู้คนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขานั้น เขามักถูกมองว่าเป็นผู้นำโจรภูเขาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมคนหนึ่งเลยทีเดียว
จะว่าไปแล้ว ตอนแรกโจรเหล่านี้เป็นเพียงคนที่ไม่สามารถอยู่รอดได้ในพื้นที่ละแวกใกล้เคียง จึงต้องการเข้าไปเป็นราชาภูเขาและกลายเป็นโจรในที่สุด
สภาพจิตใจของเจียงป่าวชิงที่รู้สึกต่อกู่ฟู่กุ้ยนั้นค่อนข้างธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษหรือหวือหวา
นางนั่งลงตามอำเภอใจ หยิบกาน้ำชาที่ค่อนข้างเก่าใกล้จะพังขึ้นมาจากบนโต๊ะไม้ที่ขาหักไปแล้วข้างหนึ่งแต่ใช้อย่างอื่นมาค้ำยันไว้ และรินน้ำชาให้ตัวเอง “ข้าไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา พอข้าได้ยินซิ่วผิงบอกว่าหัวหน้าใหญ่เรียกพบข้า ข้าก็รีบกลับมาเลย”
เดิมทีกู่ฟู่กุ้ยเพียงแค่บ่นไปเรื่อยเปื่อยและไม่ได้ถือสาอะไร แต่เมื่อได้ยินชื่อซิ่วผิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะและเผยรอยยิ้มไม่สุภาพที่เหล่าชายต่างรู้กันออกมาให้เห็น “หึ ๆ น้องเจียง ข้าว่าซิ่วผิงก็หน้าตาสะสวยดี บั้นท้ายนางก็ผายก็ใหญ่ขนาดนั้น ดูก็รู้ว่าเป็นแม่พันธุ์ที่ดี แล้วคนทั้งหมู่บ้านก็เกือบรู้กันหมดแล้วว่านางคิดยังไงกับเจ้า เจ้ายังจะชักช้าอยู่ทำไม เป็นผู้ชายหรือเปล่า รีบฉุดนางกลับไปที่บ้านซะสิ!”
เจียงป่าวชิงวางแก้วชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ “หัวหน้าใหญ่ ตกลงว่าท่านเรียกข้ามาทำไมรึ ? ที่ห้องยาของข้ายังยุ่งอยู่ ถ้าไม่มีอะไร ข้าขอตัวกลับก่อน”
“ไอ้เด็กบ้า! ข้าแค่พูดนิด ๆ หน่อย ๆ เจ้าก็ชักสีหน้าใส่ข้าซะแล้ว” กู่ฟู่กุ้ยด่าด้วยความอึดอัดใจ แต่เขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาในเวลาต่อมา “อืม ๆ ๆ ช่างเถอะ ว่าแต่ยาที่ข้าเคยขอให้เจ้าช่วยทำให้ก่อนหน้านี้ ยาที่ทำให้คนพูดความจริงน่ะ เจ้าทำออกมาแล้วหรือยัง ?”
หลายปีมานี้เจียงป่าวชิงอารมณ์ดีขึ้นมาก นางได้ฟังคำพูดนี้ก็ยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสงบโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองและยังส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย “หึ ๆ หัวหน้าใหญ่ ข้าเคยบอกกับท่านแล้วไงเล่าว่าของแบบนั้นไม่มีอยู่จริง”
กู่ฟู่กุ้ยแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “น้องเจียง เจ้าเก่งมากไม่ใช่รึ สิ่งนั้นมันมีอยู่ในบทละครมากมาย แล้วทำไมในความเป็นจริงถึงไม่มีล่ะ ทำไมเจ้าถึงทำออกมาไม่ได้ ?”
ใบหน้าเจียงป่าวชิงยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าใหญ่ นางแพศยาในบทละครก็มีเยอะถมไป ทำไมท่านถึงไม่ไปจับกลับมาสักคนล่ะ ?”
กู่ฟู่กุ้ยถูกเจียงป่าวชิงตอกหน้าหงายจนพูดไม่ออก เขาตบโต๊ะอย่างฉับพลันและกำหมัดเตรียมต่อย แต่เมื่อมองดูใบหน้าที่ดูดีตรงหน้านั้น เขากลับรู้สึกเจ็บเหงือก เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าที่น่ามองนี้เขาลงไม้ลงมือไม่ได้จริง ๆ
กู่ฟู่กุ้ยสะบัดหมัดอย่างพ่ายแพ้และพูดด้วยความคับแค้นใจ “ถ้าข้าต่อยเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงไม่ต้องรอถึงตอนกลางคืน อีกเดี๋ยวพวกผู้หญิงก็คงจะมาทำให้ข้ารำคาญแล้ว”
เจียงป่าวชิงที่ตอนนี้ปลอมตัวเป็นผู้ชายยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมา นางดื่มชาในมือจนหมดอย่างสงบ ก่อนจะค่อย ๆ วางถ้วยชากลับไปบนโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และพูดขึ้นอย่างเอ้อระเหย “หัวหน้ากู่ งั้นข้าขอตัวกลับไปจัดการกับห้องยาก่อนล่ะ”
“ไปเถอะไป๊”! กู่ฟู่กุ้ยโบกมืออย่างหงุดหงิด “แล้วสองวันนี้ก็อย่ามาเดินเตร่ให้ข้าเห็นล่ะ”
เจียงป่าวชิงออกมาจากในห้อง ทันใดนั้นหูพลันได้ยินกู่ฟู่กุ้ยปาถ้วยจนแตก ตามด้วยเสียงด่าอย่างคับแค้น “ไอ้เด็กหนุ่มหน้าขาวหุ่นบางเอ๊ย ข้าล่ะหมั่นไส้เจ้านัก!”
เขาคงจะปาถ้วยที่นางใช้ดื่มชาเมื่อสักครู่ทิ้ง
เจียงป่าวชิงยิ้มและพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง “หัวหน้ากู่ ถ้าหัวหน้าสองรู้ว่าท่านทำลายข้าวของอีกละก็ ท่านคงถูกด่าแน่ ๆ”
กู่ฟู่กุ้ยที่เดิมทียังคงก่นด่าอยู่ปิดปากเงียบทันที
ปัง!
เสียงประตูปิดดังตามมา
เจียงป่าวชิงเดินออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อกลับมาถึงที่ห้องยา เจียงฉิงกำลังนอนสัปหงกอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าเล็กขาวสะอาดหนุนอยู่บนแขน และที่แขนเสื้อของนางก็เปื้อนด้วยน้ำลายเป็นวงกว้าง
เจียงป่าวชิงอดหัวเราะไม่ได้
แรกเริ่มพวกนางมักจะใช้โคลนทาใบหน้าให้สกปรกเพื่อปกปิดตัวตนของพวกนาง แต่โชคดีที่นางใช้สมุนไพรกับสีเพื่ออำพรางรูปหน้า เพื่อให้การปลอมเป็นผู้ชายของพวกนางไม่ดูเป็นผู้หญิงมากนัก และจงใจให้ดูองอาจเล็กน้อย
เจียงฉิงที่ทำความสะอาดคราบต่าง ๆ แล้วก็เป็นเด็กที่ดูขาวสะอาดคนหนึ่ง
เจียงป่าวชิงยืนมองเจียงฉิงที่นอนหลับอยู่ด้านข้างสักครู่ อารมณ์ขุ่นมัวตีกันยุ่งของนางก็สงบลง นางลูบมวยผมที่นุ่มนิ่มของเด็กสาวเล็กน้อย และไปจัดการกับสมุนไพรที่ด้านข้าง
จนกระทั่งใกล้พลบค่ำ สีสันของท้องนภาเบื้องบนก็เริ่มมืดลง และเจียงฉิงถึงตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือเอาในเวลานี้
นางอ้าปากหาว พอหันไปเห็นเจียงป่าวชิงที่นั่งจัดสมุนไพรอยู่ด้านข้าง นางก็ตื่นเต็มตาทันทีพลันรีบกระโดดลงจากเก้าอี้อย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อไปยืนข้างเจียงป่าวชิงอย่างไม่สบายใจ
“พี่ป่าวชิง ทำไมพี่ไม่เรียกข้าล่ะ… ข้า… ข้าสร้างปัญหาให้พี่หรือเปล่าจ๊ะ ?” นางพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
เจียงป่าวชิงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เจียงฉิง “ข้าเห็นว่าเจ้าหลับสนิทจึงไม่ได้เรียกเจ้า เจ้าตื่นได้ทันเวลาพอดี ไปหาปุ้งกี๋มาสักสองสามอัน เราจะแบ่งใส่สมุนไพร”
เจียงป่าวชิงรู้ว่ามันอาจเป็นประสบการณ์ก่อนหน้านี้ที่ทำให้เจียงฉิงรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่เสมอ นางกลัวว่าเจียงป่าวชิงจะไม่ต้องการนาง นางจึงเปลี่ยนเป็นคนละคน
เจียงป่าวชิงจะให้เจียงฉิงช่วยงานบ้างเป็นบางครั้ง แบบนี้เด็กสาวจะรู้สึกสบายใจได้เป็นเวลานานขึ้นมาหน่อย
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อนางได้ยินเจียงป่าวชิงสั่งก็ตาเป็นประกายทันทีก่อนจะพูดอย่างมีชีวิตชีวา “ได้เลยจ้ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เจียงฉิงวิ่งฉิวออกไป
แต่จากนั้นไม่นาน เจียงป่าวชิงได้ยินเสียงอู้อี้ดังมาจากในลานบ้านพร้อมกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเจียงฉิง
หัวใจของเจียงป่าวชิงเหมือนมีอะไรมาบีบรัดแน่น นางไม่รอช้า รีบออกไปดูสถานการณ์และก็เห็นเจียงฉิงล้มอยู่บนพื้นในลานบ้าน โดยมีใครคนหนึ่งยืนซื่อบื้ออยู่ฝั่งตรงข้าม และกำลังลูบท้องด้วยสีหน้าเจ็บปวด ดูท่าแล้วเด็กสาวคงจะรีบวิ่งไปหน่อยจึงชนเข้ากับคนอื่นเต็ม ๆ
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจียงป่าวชิงถอนหายใจโล่งอกไปเปลาะหนึ่งพลางยื่นมือไปดึงเจียงฉิงขึ้นมาและช่วยปัดดินที่เปื้อนบนเสื้อผ้าให้นาง “เจ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ?”
เจียงฉิงรู้สึกอายเล็กน้อย นางนวดก้นตัวเองและแลบลิ้นใส่เจียงป่าวชิง “พี่ป่าวชิง ข้าไม่เป็นอะไร ข้าไปหาปุ้งกี๋ให้พี่ต่อนะจ๊ะ” พูดเสร็จนางก็วิ่งจากไปไกล
เจียงป่าวชิงเพิ่งสังเกตเห็นว่าคนที่ชนกับเจียงฉิงเมื่อสักครู่คือจิ้นหนิวผู้เป็นคนสนิทของจิ้นเทียนหยู่หรือหัวหน้าสามของหมู่บ้านแห่งนี้
เนื่องจากเจียงฉิงไม่ได้สูงมากนัก นางชนเข้ากับท้องของเขาพอดิบพอดี เขานวดท้องตัวเองและสูดปากอยู่สักพัก “นี่หมอเจียง ข้าว่ากะโหลกศีรษะของน้องชายเจ้าค่อนข้างแข็งและใช้ชนได้ดีเลย นี่ข้าเพิ่งได้รับบาดเจ็บมาก็ถูกเขาชนซะแล้ว”
เจียงป่าวชิงมองเขาเงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาสั้น ๆ
“สมน้ำหน้า”
จิ้นหนิวรู้สึกเจ็บที่แก้ม เขาสูดลมหายใจเข้า “ก็ได้ ๆ ข้าไม่ควรว่าน้องชายเจ้า” จิ้นหนิวพูดพึมพำ “หมอเจียง เจ้านี่เข้าข้างพวกตัวเองเกินไปจริง ๆ”
จิ้นหนิวพูดพึมพำเสร็จก็เงยหน้ามองใบหน้าที่ทาบทาสีหน้าราบเรียบนั้น เขายิ้มอย่างเก้อเขินแทบจะในทันทีและตบปากตัวเองเบา ๆ “เฮ้อ เจ้าดูปากข้าสิ มันควบคุมไม่อยู่นิดหน่อยเท่านั้นเอง… ไม่ใช่สิหมอเจียง ที่ข้ามาหาเจ้าก็เพราะมีเรื่องสำคัญ”
เจียงป่าวชิงถามด้วยสีหน้าราบเรียบดังเดิม “หัวหน้าสามของพวกเจ้ามีเรื่องสำคัญอย่างนั้นรึ ?”
พูดถึงเรื่องนี้ จิ้นหนิวก็เผยสีหน้าดีใจออกมาให้เห็น “ไอ้โย! เรื่องสำคัญมากเลยล่ะ วันนี้หัวหน้าสามของพวกข้าออกจากบ้าน เขาไปเจอกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งอยู่ตรงถนนจึงลักพานางกลับมาด้วย แต่ผู้หญิงคนนั้นกระโดดลงจากรถม้าจึงได้รับบาดเจ็บที่ขา หัวหน้าสามของพวกข้าจึงจะเชิญเจ้าให้ไปช่วยดูอาการของนางสักหน่อย”