พูดจาเหลวไหลอะไรกัน
จิ้นเทียนหยู่รู้ว่าตัวเองควรก่นด่าไป๋เหล่าจิ่วสักคำสองคำ แต่เขากลับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย สิ่งที่เขาคิดอยู่ในหัวคือเมื่อสักครู่ที่เขาจับมือเจียงป่าวชิง ดูเหมือนว่ามันจะนุ่มมากทีเดียว…
ไป๋เหล่าจิ่วยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด
หัวหน้าสามของพวกเขาทั้งรูปงาม หล่อเหลา และสุภาพเกินไป ถ้าไม่นับแววความโหดบนใบหน้า เอาเข้าจริงหัวหน้าสามก็เหมือนปัญญาชนคนหนึ่ง แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าทิศทางเพศของหัวหน้าสามของพวกเขาจะไม่ใช่ผู้ชายด้วยเช่นกัน
ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าหัวหน้าสามของพวกเขาจะชอบเขา
เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่งเชียวนะ!
ไป๋เหล่าจิ่วรู้สึกกลัดกลุ้มมาก
เวลานี้ผู้ชายสองคนในห้องต่างก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เจียงป่าวชิงเลิกเสื้อของไป๋เหล่าจิ่วตามที่นางต้องการและทำการตรวจสอบอาการซี่โครงหักของเขา พักหนึ่งนางก็พยักหน้าพร้อมทั้งคิดในใจอีกครั้งว่าความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของชายหนุ่มคนนี้ช่างรวดเร็วดี เขาแข็งแกร่งมากจริง ๆ
เนื่องจากขั้นตอนการรักษาไม่เหมือนกัน ยาที่ใช้รักษาจึงแตกต่างกันเป็นธรรมดา ยามนี้ถึงเวลาที่นางจะเปลี่ยนไปใช้ยาที่อ่อนลงในการรักษาไป๋เหล่าจิ่วแล้ว เจียงป่าวชิงกำลังเขียนรายการยาชนิดใหม่อยู่บนโต๊ะเล็กด้านข้าง จู่ ๆ ซิ่วผิงก็วิ่งพรวดมาจากข้างนอก นางยังไม่ทันเข้ามาในห้อง ซิ่วผิงกลับตะโกนจนคนในห้องได้ยินกันหมด
“หัวหน้าสาม! หลี่อันหรูนั้นมีความคิดไม่ดีอีกแล้วเจ้าค่ะ”
ทว่าพอเข้ามาในห้อง ซิ่วผิงก็เห็นว่าเจียงป่าวชิงอยู่ที่นี่ด้วย ใบหน้านางขึ้นสีแดงเรื่อทันทีและเริ่มพูดตะกุกตะกัก กายบิดม้วนเขินอาย “มะ… หมอเจียงก็อยู่ด้วยหรือจ๊ะ” นางถามคนอื่นถึงได้รู้ว่าหัวหน้าสามมาเยี่ยมไป๋เหล่าจิ่ว แต่ไม่คิดว่าเจียงป่าวชิงจะอยู่ที่นี่ตอนนี้ด้วย
หรือว่านี่เป็นวาสนาชะตาลิขิตที่สวรรค์มอบให้นาง
จิ้นเทียนหยู่รู้สึกไม่ชอบใจกับท่าทีเขินอายที่ซิ่วผิงมีให้กับเจียงป่าวชิง เขาถามเสียงเข้ม “นางเป็นอะไรอีก ?”
ก่อนหน้านี้ซูรุ่ยเอ๋อร์สั่งให้ซิ่วผิงมาช่วยดูแลหลี่อันหรู แต่จริง ๆ แล้วคือนางหมายความว่าต้องการให้ซิ่วผิงเฝ้าดูหลี่อันหรูต่างหาก ทว่าตอนหลังหลี่อันหรูกลับทำให้ซุนโก๋จื่อกับฉินหัวต้องมาตายเพราะชิงรักหักสวาท ตอนนั้นซูรุ่ยเอ๋อร์จึงด่าว่าซิ่วผิงยกใหญ่
หลังเหตุการณ์นั้นซิ่วผิงต้องเฝ้าดูหลี่อันหรูอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม ตอนนี้เมื่อมีบางอย่างผิดปกติ นางก็ไม่กล้าชะล่าใจอีกแล้วจึงมาแจ้งให้จิ้นเทียนหยู่ทราบโดยตรง
“นางไม่ยอมกินข้าวตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้วเจ้าค่ะ” ซิ่วผิงบอกให้จิ้นเทียนหยู่รับรู้ แต่สายตาของนางกลับชำเลืองมองเจียงป่าวชิง ได้ยินว่าก่อนหน้านี้หมอเจียงไม่สบาย เพียงแค่เห็นว่าเขาผอมลงไปเล็กน้อย นางก็รู้สึกปวดใจแล้ว
จิ้นเทียนหยู่เอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด “ไม่กินงั้นรึ งั้นก็ไม่ต้องไปสนใจนาง ปล่อยให้หิวตายนั่นแหละ”
หากรู้ว่าลักพาเอาตัวผู้หญิงคนหนึ่งกลับมาแล้วมันจะยุ่งยากถึงเพียงนี้ เขาจะไม่ไปลักพาใครมาให้ปวดกบาลอะไรอีกแล้ว!
เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วน้อย ๆ “หัวหน้าสาม อย่าเพิ่งพูดถึงภูมิหลังของหลี่อันหรูเลย เรามาพูดถึงเรื่องที่ว่าหัวหน้ากู่บอกว่าจะให้นางอยู่ที่หมู่บ้านเพื่อแต่งงานมีลูกดีกว่า จากที่ข้ารู้ พวกชายโสดในหมู่บ้านต่างก็พากันไปรายงานตัวกับหัวหน้ากู่เพราะอยากสู่ขอหลี่อันหรูมาเป็นภรรยา ส่วนหัวหน้ากู่ก็กำลังรอให้ขาของหลี่อันหรูหายดีถึงค่อยหาสามีให้นาง ตอนนี้ถ้าท่านปล่อยให้นางหิวตาย สิ่งที่ท่านจะมีให้หัวหน้ากู่คือศพ ท่านอะเอาอย่างนั้นรึ ?”
หากว่าเป็นเมื่อก่อน จิ้นเทียนหยู่คงหงุดหงิดงุ่นง่านกับคำพูดของเจียงป่าวชิงที่เกือบท้าทายความอดทนของเขาแบบนี้ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้ขาดความมั่นใจและรู้สึกอยากเชื่อคำพูดนางอย่างแปลก ๆ
เขาเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้นเจ้าบอกมาว่าต้องทำยังไง”
เจียงป่าวชิงเอียงหน้ามองจิ้นเทียนหยู่ “ท่านลักพาเอานางมาแล้วแบบนี้ ยังจะทำยังไงได้อีกล่ะ ก็ต้องเลี้ยงดูนางให้ดี ๆ สิ ขานางยังไม่หายดี ตอนนี้นางคงหนีไปไหนไม่ได้หรอก”
หัวใจของจิ้นเทียนหยู่เต้นรัวเร็วขึ้นทันที จากสายตาของเจียงป่าวชิงที่มองมา เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีหรือควรพูดอะไรในตอนนี้เลย เขาทำได้เพียงพูดว่า “ตกลง” ด้วยน้ำเสียงอู้อี้เท่านั้น
ความผิดปกติของหัวหน้าจิ้นทำให้ซิ่วผิงอดหันไปมองเขาไม่ได้
ไป๋เหล่าจิ่วถอนหายใจ “เฮ้อ… ข้าผิดเอง โทษข้าเถอะ แต่ข้าไม่ได้ชอบผู้ชายจริง ๆ นะขอรับ…”
เส้นเอ็นบนใบหน้าของหัวหน้าจิ้นปูดนูนอย่างหงุดหงิด ไอ้เจ้าไป๋นี่ก็พูดอยู่ได้!
เจียงป่าวชิงเขียนชื่อยาที่ต้องจัดหามาใช้เสร็จก็เป่าคราบหมึกเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้น “อืม เอาเป็นว่าข้าจะไปดูนางหน่อย ไม่เกิดเหตุติดขัดอะไรตอนนี้จะเป็นการดีที่สุด”
…
การส่งจดหมายในยุคโบราณนี้ก็ช้าเสียจริง นางเขียนจดหมายแทนหัวหน้าใหญ่ส่งไปเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อสิบวันก่อนแล้ว จวบจนตอนนี้ยังไม่มีข่าวใด ๆ กลับมา และไม่รู้ว่าจะได้รับจดหมายตอบกลับเมื่อไหร่ ถึงอย่างไรก่อนที่จะได้รับจดหมายก็ควรเลี้ยงดูหลี่อันหรูคนนี้ให้ดี ๆ ก่อน
เจียงป่าวชิงกับซิ่วผิงพากันไปยังที่พักเดิมของจิ้นเทียนหยู่
ตั้งแต่ลักพาตัวหลี่อันหรูกลับมา จิ้นเทียนหยู่ไม่ได้กลับที่พักของตัวเองหลายวันแล้ว ตอนนี้เขากำลังเดินตามอยู่ด้านหลังเจียงป่าวชิงกับซิ่วผิงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ซิ่วผิงตัวสั่นน้อย ๆ นางพูดกับเจียงป่าวชิงเสียงเบาหวิว “เอ่อ… วันนี้หัวหน้าสามเป็นอะไรหรือ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเขาแปลกไป คือมันทำให้ข้ารู้สึกกลัวนิดหน่อย” พูดเสร็จ ซิ่วผิงก็ขยับเข้าใกล้เจียงป่าวชิง
โทสะปะทุขึ้นในแววตาของจิ้นเทียนหยู่ที่ตามอยู่ด้านหลัง ทว่าเจียงป่าวชิงไม่ได้สังเกตเห็น นางพูดปลอบซิ่วผิงเสียงเบา “หัวหน้าสามคงคิดว่าตัวเองลักพาตัว ‘ตัวลำบาก’ กลับมาเข้าให้แล้ว เขาจึงหงุดหงิดอย่างที่เจ้าเห็น”
ซิ่วผิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ก็ใช่ เขาปล้นเอาผู้หญิงที่สวยเหมือนนางฟ้ากลับมาได้ แต่กลับลูบคลำหลับนอนด้วยกันไม่ได้ คิดแล้วก็ยุ่งยากอยู่หรอก ฮืมมม… สมควรแล้วแหละที่หัวหน้าสามจะหงุดหงิด”
เจียงป่าวชิงเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย นางถือโอกาสสอนซิ่วผิงซะเลย “เจ้าดูสิ นี่คือที่มาของคำว่าแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวานยังไงล่ะ”
ซิ่วผิงมองเจียงป่าวชิงเงียบ ๆ “ฝืนเด็ด แต่อย่างน้อยก็มีแตงกินนะ ถ้าไม่ฝืนเด็ดก่อนก็ไม่รู้ว่าใครจะมากินแตงนี้ก่อนหรือเปล่า”
เจียงป่าวชิงส่ายหน้า “ไม่ ๆ เจ้าพูดแบบนี้ไม่ได้ แตงที่ไม่อร่อยก็คือยาขมนั่นเอง คนดี ๆ สามารถกินแตงหวาน ๆ ได้ ทำไมต้องไปแย่งเด็ดแตงขมเพื่อกินให้ตัวเองขมด้วยเล่า ?”
ซิ่วผิงเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก นางเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินเท่านั้น
หัวหน้าจิ้นได้ยินบทสนทนาของสองคนที่อยู่ด้านหน้าก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจมากกว่าเดิม เขาเริ่มพิจารณาและสำรวจตัวเองบ้างแล้ว
ตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่กัน(วะ!) ทำไมถึงต้องไปปล้นไอ้ตัวลำบากอย่างหลี่อันหรูกลับมาด้วย
……
เมื่อทั้งสามมาถึงที่พักเดิมของจิ้นเทียนหยู่ก็พบว่าประตูปิดสนิทอยู่ เจียงป่าวชิงเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าหลี่อันหรูกำลังขดตัวอยู่ที่มุมเตียงด้วยสีหน้าละเหี่ยใจ หน้านางขาวซีดเล็กน้อยเหมือนคนไม่ค่อยสบาย
“เฮ้ ทำไมเจ้าถึงไม่กินข้าวล่ะ ?” เจียงป่าวชิงทักถามอย่างสงบ
หลี่อันหรูเห็นเจียงป่าวชิง นางขยับริมฝีปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ทว่าทันทีที่เห็นว่าจิ้นเทียนหยู่เดินตามหลังเจียงป่าวชิงเข้ามาด้วยสีหน้าย่ำแย่ นางก็ตกใจราวกับหนูเห็นแมว รีบขดตัวอยู่บนเตียง เนื้อตัวสั่นเทาไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลย
เจียงป่าวชิงมองจิ้นเทียนหยู่อย่างจนปัญญา
จิ้นเทียนหยู่ถลึงตาใส่หลี่อันหรูอย่างหงุดหงิด “อะไรของเจ้า ตอนนี้เกิดอยากตายขึ้นมารึ ? เจ้าหิวตายก็คือตาย ถูกข้าฆ่าตายก็ตายเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นให้ข้าฆ่าเจ้าให้จบ ๆ ซะเลย เอาไหม!”
หลี่อันหรูตัวสั่นระริก นางร้องไห้กระซิก ๆ เสียงเบาอยู่ในผ้าห่ม
ดูเหมือนว่าจิ้นเทียนหยู่สร้างเงามืดดำครอบงำให้สาวน้อยหวาดกลัวเสียแล้ว
ปึ้ก!
“นี่หัวหน้าสาม ข้าว่าท่านออกไปก่อนเถอะ” เจียงป่าวชิงผลักจิ้นเทียนหยู่อย่างจนปัญญา ในเมื่อเขาสร้างความหวาดกลัวให้หลี่อันหรูซ้ำซาก หากยังให้เขาอยู่ที่นี่ นางก็จะไม่สามารถพูดคุยกับหลี่อันหรูได้
อันที่จริงเจียงป่าวชิงเพียงแค่ผลักจิ้นเทียนหยู่เบา ๆ เท่านั้น แต่สีหน้าเขากลับดูตกตะลึงจนเกินเรื่อง ท่าทีชะงักงันหมุนตัวเดินออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ
เจียงป่าวชิงเห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน หัวหน้าสามคนนี้… คุยง่ายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ซิ่วผิงเองก็ตะลึงตาค้าง นางถึงกับรีบถามเจียงป่าวชิงเสียงเบาเลยทีเดียว “เอ๊ะ! นั่น… นั่นคือหัวหน้าสามตัวจริงใช่หรือไม่ ? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า…”
เขาเชื่อฟังเจ้าขนาดนี้…
ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าเด็กเจียงฉิงปลอมตัวมาหรอกนะ
.