ตอนที่ 547 ตบหน้า คุณมีสิทธิ์อะไรเหรอ
ยาสงบใจก็ถือเป็นยาพื้นฐานชนิดหนึ่ง แต่สำคัญมากสำหรับจอมยุทธและแพทย์แผนโบราณ
เวลาที่จอมยุทธฝึกฝนต้องใช้ยาสงบใจช่วยให้ตั้งสมาธิได้ กำจัดความคิดฟุ้งซ่าน ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึก
แพทย์แผนโบราณก็จำเป็นต้องกินยาสงบใจในระหว่างปรุงยา
ผู้อาวุโสของสมาพันธ์โอสถสามารถปรุงยาสงบใจออกมาได้ประสิทธิภาพที่แปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์
แต่ทุกครั้งที่ทำ หนึ่งเตาจะได้แค่สี่เม็ด ต่างถูกตระกูลจอมยุทธ์กับตระกูลแพทย์แผนโบราณจองไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
คนอื่นไม่มีทางแย่งได้ ทำได้เพียงยอมซื้อยาที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า
แต่ขอแค่เป็นยาสงบใจที่ประสิทธิภาพเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ควรค่าแก่การซื้อแล้ว
ประสิทธิภาพหกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ถือว่าสูงมากในบรรดาสมาชิกระดับสี่ และที่สำคัญที่สุดคือ ยาสงบใจหนึ่งเตาทำออกมาได้หกเม็ด แถมประสิทธิภาพยังเหมือนกันหมด ไม่มีความแตกต่างใดๆ
นี่ต้องคุมไฟกับแรงลมเก่งขนาดไหน
ขนาดคนปรุงยาอย่างพวกเขายังไม่กล้าทำยาออกมาจำนวนมากในครั้งเดียว
เพราะอาจเกินความควบคุม ทำให้หม้อยาแตกจนพังทั้งหมด
อาจารย์หลี่หายใจเร็วขึ้น เงยหน้าทันที “ผลทดสอบของคุณชิงจยาตอนนั้นยังอยู่ไหม”
อาจารย์หลิวก็ตะลึงผลสอบใบสุดท้ายนี้เหมือนกัน
ผ่านไปสักพักเขาถึงเหมือนตื่นจากฝัน รีบวิ่งไปที่ชั้นหนังสือเพื่อหาผลสอบของหลินชิงจยา
เอามาวางบนโต๊ะ
ชื่อนามสกุล : หลินชิงจยา
อายุ : 20 ปี
เวลาที่ใช้ในการสอบ : 189 นาที
ผลสอบ : ทำยาสงบใจหนึ่งเตาได้สี่เม็ด แต่ละเม็ดมีประสิทธิภาพแยกออกเป็น 64.2% 63.3% 59.8% 57.4%
อันดับในการสอบระดับสี่ : 1
อันดับ ‘1’ ที่ว่านี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาสองปีกว่าแล้ว
แต่ตอนนี้สถิติที่มีมาสองปีได้ถูกทำลายลงแล้ว
อาจารย์หลี่หยิบผลสอบทั้งสองฉบับ พูดเสียงสั่น “เหล่าหลิว! เห็นหรือยัง มีนักปรุงยาที่เก่งกว่าหลินชิงจยาปรากฏตัวแล้ว!”
ถึงแม้อาจารย์หลิวก็รู้สึกตะลึงมาก แต่พอได้ยินแบบนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
“นั่นเป็นเพราะคุณชิงจยามีเวลาฝึกปรุงยาน้อยเกินไป ฉันบอกแล้วว่าถ้าเธอฝึกปรุงยาอย่างเดียวคงได้ระดับเจ็ดไปแล้ว”
เทียบกับคนที่เรียนปรุงยาอย่างเดียวได้เหรอ
“แต่นี่ก็เก่งมากแล้ว” อาจารย์หลี่ส่ายหน้า เรียกผู้ดูแลที่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเข้ามาทันที
“คุณอิ๋งคนนี้มาจากตระกูลไหนเหรอ”
โลกจอมยุทธกับโลกแพทย์แผนโบราณเหมือนจะไม่มีแซ่อิ๋ง
อายุสิบแปดเอง ความสามารถแบบนี้ถ้าอยู่ในตระกูลเมิ่งจะต้องถูกให้ความสำคัญไปแล้ว
คนดูแลตอบอย่างนอบน้อม “เรียนท่านอาจารย์ คุณอิ๋งคนนี้มาจากตระกูลเยี่ยครับ”
“ตระกูลเยี่ยเหรอ” อาจารย์หลี่อึ้ง “ตระกูลเยี่ยไหน”
“ตระกูลเยี่ยที่อยู่ทางตะวันออกของโลกจอมยุทธครับ เป็นตระกูลเล็กๆ” คนดูแลพูด “ตระกูลพวกเขามีคนที่เรียนแพทย์แผนโบราณอยู่คนหนึ่งครับ ชื่อเยี่ยหลิง ตอนนี้เป็นสมาชิกระดับสามของสมาพันธ์โอสถ”
อาจารย์หลี่ไม่ค่อยเข้าใจ “คนตระกูลเยี่ยทำไมไม่แซ่เยี่ย”
“สืบแล้วครับ คุณอิ๋งคนนี้เป็นญาติห่างๆ ที่อยู่ในโลกปุถุชนของตระกูลเยี่ยครับ” คนดูแลเปิดข้อมูล “พ่อแม่ของคุณอิ๋งเสียชีวิตเมื่อสิบกว่าปีก่อน นายใหญ่ตระกูลเยี่ยเลยรับเธอมาอยู่โลกจอมยุทธครับ”
“ต่อมาก็พบว่าคุณอิ๋งมีพรสวรรค์ในด้านปรุงยา จึงให้เธอเรียนไปพร้อมกับเยี่ยหลิงครับ”
นี่เป็นตัวตนที่ฟู่อวิ๋นเซินสร้างให้อิ๋งจื่อจินในโลกจอมยุทธ
ถ่อมตัวมาก ไม่มีทางดึงดูดความสนใจของคนอื่น
ถึงแม้จะมีช่องโหว่ แต่ศาลสถิตยุติธรรมก็ได้ออกแบบบัตรประจำตัวของอิ๋งจื่อจินในโลกจอมยุทธเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรเสียโลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธ์ก็ปิดกั้นโลกภายนอก ตัดขาดจากภายนอก อยู่กันเอง ไม่มีทางสนใจและไม่มีทางไปสืบเรื่องภายนอก
คนดูแลพูดต่อ “คุณอิ๋งคนนี้น่าจะเรียนปรุงยามาสิบกว่าปีแล้วครับ ตอนนี้เพิ่งมาเข้าร่วมทดสอบ เธอถึงเลื่อนจากระดับหนึ่งมาถึงระดับสี่ได้โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือน”
เขาสงสัยอยู่ในใจว่า ถ้าไม่ติดว่ารอบทดสอบระดับห้าที่เร็วที่สุดคือเดือนมีนาคมปีหน้า เกรงว่าคุณอิ๋งคนนี้คงผ่านระดับห้าแล้ว
“เยี่ยม!” อาจารย์หลี่พูดขึ้น “เอาที่อยู่มา ฉันจะไปบ้านตระกูลเยี่ยหน่อย”
สมาชิกที่พรสวรรค์โดดเด่นแบบนี้ควรค่าแก่การไปหาถึงที่
…
อาจารย์จากสมาพันธ์โอสถมาหาถึงที่ นายใหญ่เยี่ยอดตะลึงไม่ได้
แต่เขารู้เรื่องที่อิ๋งจื่อจินเข้าร่วมทดสอบของสมาพันธ์โอสถมาจากฟู่อวิ๋นเซินแล้ว จึงตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
“อาจารย์หลี่” นายใหญ่เยี่ยให้เยี่ยหลิงไปเชิญอิ๋งจื่อจินออกมา “นี่ก็คือ คือ หลานสาวของผมครับ”
อาจารย์หลี่มองเขาด้วยสายตาประหลาด “นายใหญ่เยี่ยตัวสั่นทำไมครับ”
นายใหญ่เยี่ยมือสั่นไม่หยุด “ผม ผมตื่นเต้นน่ะครับ”
อิ๋งจื่อจินอยู่ๆ ก็ทำให้เยี่ยฉางคงบรรลุเป็นปรมาจารย์จอมยุทธได้
หากว่ากันเรื่องความสามารถ เป็นรุ่นผู้นำตระกูลได้สบาย
ตอนนี้เขาเรียกผู้นำตระกูลว่าหลานสาว อายุไม่สั้นลงได้เหรอ
“อ่อ…” อาจารย์หลี่พยักหน้า ไม่คิดอะไรมากอีก
มองสำรวจอิ๋งจื่อจินตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คุณอิ๋ง” อาจารย์หลี่ล้วงของออกมาจากกระเป๋าหลายอย่าง
“นี่เป็นป้ายอนุญาตของสมาชิกที่ทางสมาพันธ์โอสถให้คุณครับ คุณสามารถใช้ป้ายนี้เข้าไปอ่านตำราแพทย์แผนโบราณจำนวนมากที่สมาพันธ์โอสถได้”
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเรื่องพวกนั้น เธอเงยหน้า “เอาไปรับสมุนไพรได้หรือเปล่าคะ”
“ได้ครับ” อาจารย์หลี่ตอบ “โควตาสมุนไพรของคุณคือห้าแสน แต่ครั้งนี้คุณสอบได้อันดับหนึ่งของระดับสี่ ผมเลยช่วยเพิ่มโควตาให้คุณเป็นหนึ่งล้าน เดือนนี้ไปเอาได้เลยครับ”
เขาพูดถึงตรงนี้ก็ตั้งใจหยุดเล็กน้อย รอสีหน้าตะลึงของพวกนายใหญ่เยี่ย
นายใหญ่เยี่ยกำลังแทะหมั่นโถว เยี่ยหลิงรินน้ำให้เขา
อวิ๋นซานไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
อาจารย์หลี่ “?”
ทำไมคนพวกนี้ดูนิ่งได้ขนาดนี้
เก่งกว่าหลินชิงจยาอีกนะ นี่มันอะไรกัน
อิ๋งจื่อจินรับป้ายอนุญาตมา “น้อยไปหน่อย”
อาจารย์หลี่ได้ฟังก็ถอนหายใจ
ดูสาวน้อยที่น่าสงสารคนนี้สิ ตระกูลเยี่ยยากจนจริงๆ
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลง
“ถ้าคุณอิ๋งมียาอะไรอยากขาย เอามาให้ผมครับ ผมจะช่วยขายให้ในราคาสูง”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย “ก็มีอยู่บ้างค่ะ”
อวิ๋นซานหยิบพวกขวดยาออกมา
ในนั้นเป็นยาแบบง่ายๆ อิ๋งจื่อจินทำออกมาหลายสิบเม็ด
เธอยังคงควบคุมประสิทธิภาพให้อยู่ที่หกสิบห้าเปอร์เซ็นต์
อาจารย์หลี่กลับไปพร้อมยาพวกนั้น
นายใหญ่เยี่ยกินหมั่นโถวหมดหนึ่งลูก ในที่สุดมือก็หายสั่น
เยี่ยหลิงเดินเข้าไปพูดเสียงเบา “ถ้าคุณอิ๋งขายยาที่มีประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่นานคงได้เงินเป็นกอบเป็นกำ”
ถ้าเป็นยาสงบใจที่มีประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ หนึ่งเม็ดสามารถขายได้ถึงสามสิบล้านในงานประมูล
อิ๋งจื่อจินตอบ “ยิ่งเก่งยิ่งลำบาก ยุ่งยากด้วย”
วันนั้นที่เธอขายยาที่มีประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ไปก็เพื่อป้ายอนุญาตระดับสวรรค์
เยี่ยหลิงอึ้ง ต่อมาก็คิดได้
ถ้าเป็นอย่างฝูเฉินหรือเมิ่งชิงเสวี่ยที่มีตระกูลแพทย์แผนโบราณหนุนหลัง ต่อให้แสดงออกว่าเก่งสักแค่ไหนก็ไม่เป็นไร
แต่ขนาดตระกูลระดับกลางที่มีวิทยายุทธ์ของตัวเองอย่างตระกูลหลิง พอมีหลิงเหมียนซีที่ฝีมือทัดเทียมกับเซี่ยเนี่ยนก็ยังถูกจัดเข้าบัญชีลอบฆ่าเรียบร้อยแล้ว
ค่อยเป็นค่อยไป มีสมาพันธ์โอสถช่วยขายก็ปลอดภัยกว่าจริงๆ
คราวนี้อวิ๋นซานเข้าใจแล้ว
ที่แท้อาจารย์หลี่ก็เป็นแค่เครื่องมือ
เหมือนเขาไม่มีผิด
…
วันต่อมา
ถึงเวลาที่ตระกูลเหลยจะมาเอาพื้นที่คืนจากตระกูลเยี่ย
ปรมาจารย์จอมยุทธ์ที่ตระกูลเหลยส่งมาชื่อเหลยฉง
ปีนี้อายุหนึ่งร้อยหกสิบแปดปี บรรลุเป็นปรมาจารย์เมื่อตอนอายุหนึ่งร้อยห้าสิบแปดปี
กลายเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์คนที่สอง ยกเว้นผู้นำตระกูลเหลย
เหลยฉงมาพร้อมคนของตระกูลเหลย สร้างเวทีประลองเรียบร้อย ยังมีจอมยุทธจากตระกูลอื่นที่มามุงดูอีก
“เยี่ยฉางคง ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสักทีนะ” เหลยฉงผมขาวโพลน เขาหมุนหมัด
“ตอนนั้นฉันฆ่าลูกชายแกยังไง วันนี้ฉันก็จะฆ่าแกแบบนั้น”
พอได้ยินแบบนี้เยี่ยหลิงก็หันไปมองนายใหญ่เยี่ยทันที “คุณพ่อ คุณปู่…”
นายใหญ่เยี่ยหน้าบึ้งไม่พูด กำมือแน่นจนมีเสียงกระดูกลั่น
ลูกชายของเยี่ยฉางคงก็คือพ่อของเขา ถูกเหลยฉงฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมในการประลองครั้งหนึ่ง
นายใหญ่เหลยดื่มชา แสยะยิ้ม
“เยี่ยฉางคงไม่ได้เป็นแม้แต่ปรมาจารย์ ผู้อาวุโสเหลยหวดหมัดเดียวเขาก็เละกระจุยแล้ว”
“อีกเดี๋ยวฆ่าเยี่ยฉางคงเสร็จตระกูลเยี่ยก็จบสิ้น ฆ่าพวกผู้ชายทิ้ง ส่วนผู้หญิงก็จับไว้”
“สาวน้อยคนนั้นหน้าตาดีนะ”
อวิ๋นซานได้ยินก็ส่งสายตาอาฆาต “ผมจะไปฆ่าพวกมันครับคุณอิ๋ง”
อิ๋งจื่อจินมองเขา “เวรกรรม”
อวิ๋นซานเกาหัว หุบปากทันที
ก็ยังคงไม่เข้าใจว่าอะไรคือเวรกรรม แต่ก็รู้ว่าถ้ามีเวรกรรมชีวิตจะวุ่นวาย
เหลยฉงที่อยู่บนเวทีประลองยิ้มพลางพูด “เยี่ยฉางคง ฉันต่อให้แกก่อนสองสามกระบวนท่าได้นะ”
เยี่ยฉางคงแสยะยิ้ม “เหลยฉง แกแหกตาดูให้ดีล่ะ!”
เขาผายตัวออก
ระเบิดกำลังภายในเสียงดัง “ตูม”
ใบไม้ร่วงที่อยู่รอบๆ หมุนวนขึ้นลงจากแรงของกำลังภายใน
กำลังภายในสำแดงภายนอก ปรมาจารย์จอมยุทธ!
เสียงทั้งหมดหยุดลงทันที
ทุกคนต่างตกตะลึง
เหลยฉงแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ร้องเสียงหลง “เยี่ยฉางคง แกกลายเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร!”
ตระกูลเหลยรู้ฝีมือของตระกูลเยี่ยมาตลอด
ถึงได้ตั้งใจมาท้าประลอง
เยี่ยฉางคง อย่างมากก็แค่มีวรยุทธแปดสิบปี ไม่มีทางสูงไปกว่านี้แล้ว
มีเหรอจะเพิ่มขึ้นยี่สิบปีได้ในเวลาสั้นๆ
เหลยฉงกัดฟันพูด “เยี่ยฉางคง แกกินยาเหรอ!”
“เหลยฉง พูดอะไรใช้สมองหน่อย” เยี่ยฉางคงแสยะยิ้ม
“มีด้วยเหรอ ยาที่ทำให้คนกลายเป็นปรมาจารย์จอมยุทธได้”
คราวนี้เหลยฉงพูดไม่ออกแล้ว
เป็นที่รู้กันดีว่า การจะเป็นปรมาจารย์จอมยุทธใช้ปัจจัยภายนอกช่วยไม่ได้
เหลยฉงแสยะยิ้ม “ได้ เยี่ยฉางคง ต่อให้แกเป็นปรมาจารย์แล้วไงล่ะ ฉันเข้าสู่ระดับนี้ก่อนแกสิบปี แกจะสู้ฉันได้เหรอ”
คนตระกูลเหลยก็คิดแบบนี้
คนที่เพิ่งเป็นปรมาจารย์กับคนที่เป็นปรมาจารย์มานานแล้วแตกต่างกันมาก
“ตั้งสมาธิ” อิ๋งจื่อจินพูดแค่ให้เยี่ยฉางคงได้ยิน “ใช้วิชาออกหมัดที่ฉันเพิ่งสอนไป”
เยี่ยฉางคงพยักหน้า ค่อยๆ เดินขึ้นหน้าแล้วกำหมัด
เหลยฉงแสยะยิ้มอีกครั้ง “วิทยายุทธขยะอะไรของแก ฉัน…”
เขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกเยี่ยฉางคงหวดหมัดใส่
“ตูม” เสียงดังสนั่น เหลยฉงกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร ล้มไปกองบนพื้นทันที
ไม่มีแม้แต่แรงจะลุกมาสู้กลับ
เหลยฉงพ่ายแพ้!
ในที่สุดนายใหญ่เหลยก็มีสีหน้าตึงเครียด
นี่เป็นการประลองที่เดิมพันด้วยชีวิต
ถ้าเหลยฉงแพ้ก็ต้องตาย
ตระกูลเหลยก็ไม่ได้ใหญ่ มีปรมาจารย์จอมยุทธแค่สองคน
เหลยฉงมาตายไปแบบนี้ถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ของตระกูลเหลย
แต่การประลองที่เดิมพันด้วยชีวิตถูกรายงานขึ้นไปที่ศาลสถิตยุติธรรมแล้ว ต่อให้พวกเขารู้สึกไม่ยอมยังไงก็ช่วยไม่ได้
นายใหญ่เหลยกัดฟันพูด “พวกเราไป”
ตระกูลเหลยมาอย่างเท่ห์ กลับอย่างฝ่อ
นายใหญ่เยี่ยโล่งอก “ขอบคุณครับคุณอิ๋ง ขอบคุณมาก”
วิกฤติของตระกูลเยี่ยครั้งนี้หมดไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“คุณอิ๋งคะ” เยี่ยหลิงเดินเข้ามาในเวลานี้ “เมื่อครู่อาจารย์ฟางของสมาพันธ์โอสถส่งคนมาบอกว่าให้คุณอิ๋งไปที่บ้านตระกูลฟาง ไปเป็นนักปรุงยาของตระกูลฟาง ทางนั้นจะจัดหาทรัพยากรกับสมุนไพรให้ค่ะ”
ตระกูลฟางถือเป็นตระกูลขนาดกลางในโลกแพทย์แผนโบราณ
อิ๋งจื่อจินสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ไป”
เยี่ยหลิงรู้อยู่แล้วว่าต้องตอบแบบนี้ “ฉันจะไปปฏิเสธให้ค่ะ”
…
สมาพันธ์โอสถ
คนดูแลเข้ามาตอบอาจารย์ฟาง “อาจารย์ฟางครับ เธอบอกว่าไม่ไป ไม่สนใจครับ”
สีหน้าของอาจารย์ฟางขรึมลงทันที พูดเสียงเย็นชา “ตอบแบบนี้เลยเหรอ คิดว่าตัวเองเป็นใคร ปฏิเสธงั้นเหรอ แค่เพราะฉันไม่เสนอชื่อเธอไปที่สำนักเทียนอีงั้นเหรอ”
เขาอุตส่าห์อยากบ่มเพาะอิ๋งจื่อจิน แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับน้ำใจเสียอย่างนั้น
ทรัพยากรของตระกูลฟางไม่เยอะกว่าตระกูลเยี่ยหรือไง
“เอาเถอะ งั้นฉันก็ไม่เอาเธอเหมือนกัน” อาจารย์ฟางยิ้ม
“สมาชิกระดับสามของสมาพันธ์โอสถมีเยอะมาก ขาดเธอสักคนก็ไม่เห็นเป็นไร!”
แค่ไล่สมาชิกระดับสามออก เขายังพอมีอำนาจส่วนนี้อยู่บ้าง
มีเสียงลอยมา
“อาจารย์ฟางจะไล่ใครออกเหรอ”
อาจารย์ฟางเงยหน้า “อาจารย์หลี่ นี่มันเรื่องของผม”
อาจารย์หลี่มองหน้าเขา “อาจารย์ฟาง คุณไม่รู้จริงๆ เหรอ”
อาจารย์ฟางขมวดคิ้ว “ผมต้องรู้อะไร”
เป็นอาจารย์ในสมาพันธ์โอสถเหมือนกัน แต่เขาอยู่ต่ำกว่าอาจารย์หลี่หนึ่งระดับ
เพราะอาจารย์หลี่ดูแลสมาชิกระดับสี่ เขารับผิดชอบระดับสาม
ใครต่างก็รู้ว่าระดับสามกับระดับสี่ต่างกันราวฟ้ากับเหวในสมาพันธ์โอสถ
“ลู่สวี่ที่อาจารย์ฟางเสนอไปที่สำนักเทียนอีถูกตระกูลหลินแบนแล้ว” อาจารย์หลี่แสยะยิ้ม
“ส่วนคุณอิ๋งที่อาจารย์ฟางอยากไล่ออกจากสมาพันธ์โอสถ ตอนนี้เธอเป็นสมาชิกระดับสี่แล้ว ไม่อยู่ในความดูแลของคุณแล้วนะ”
“สมาชิกระดับสี่เหรอ” อาจารย์ฟางขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม
“เป็นไปไม่ได้ เมื่อสามวันก่อนเธอเพิ่งผ่านระดับสาม”
ไม่มีใครสอบเลื่อนขั้นได้เร็วขนาดนี้ในเวลาอันสั้น
อาจารย์หลี่ไม่พูดอะไรมาก โยนผลสอบลงบนโต๊ะ “ดูเอาเองแล้วกัน จะไล่เธอออก คิดว่ามีสิทธิ์เหรอ”